บทที่ 585 ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 585 ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว

บทที่ 585 ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว

ป้าจางที่ได้ยินเสียงเกวียนวัวก็วิ่งออกไปอย่างกระวนกระวาย มีเพียงฉินเย่จือที่กระโดดออกจากเกวียน จากนั้นอุ้มบางสิ่งที่ห่ออย่างหนาแน่นแล้วเดินเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว

ป้าจางเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานถูกห่ออย่างแน่นหนา มีเพียงศีรษะของนางเท่านั้นที่โผล่ออกมา หัวใจพลันเต้นแรง

น้ำตาไหลลงมาโดยไม่ตั้งใจ

“สวรรค์ ไปทำบาปทำกรรมอะไรมา! สาวน้อยเสี่ยวหวาน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า!” หลังจากป้าจางเข้ามาในห้องก็คร่ำครวญด้วยความเศร้าโศก

นางมองท่าทางดุร้ายของฉินเย่จือ ป้าจางไม่เคยเห็นฉินเย่จือแสดงท่าทางดุร้ายเช่นนี้มาก่อน นางอยากจะร้องไห้ หากแต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้

“เสี่ยวหวานไม่เป็นอะไร นางแค่กลัวจนหมดสติไป! นางมีไข้เล็กน้อย!” ฉินเย่จือเห็นท่าทางตกใจของป้าจาง และรู้ว่าท่าทีของตนในตอนนี้ที่ทำให้นางกลัว จึงรีบอธิบายออกมาทันที

เมื่อป้าจางได้ยินว่ากู้เสี่ยวเพียงแค่หวาดกลัว นางก็เลิกคิ้วทันที “เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก พระโพธิสัตว์คุ้มครอง ปลอดภัยก็ดีแล้ว ปลอดภัยก็ดีแล้ว!”

ครั้นกู้เสี่ยวอี้เห็นผู้เป็นพี่นอนไม่ได้สติ ใบหน้าซีดเซียว จึงเริ่มร้องไห้ฟูมฟายเขย่าตัวกู้เสี่ยวหวานไม่หยุด “ท่านพี่ ท่านพี่ ข้าคือ เสี่ยวอี้…”

ฉินเย่จือลูบหัวกู้เสี่ยวอี้แผ่วเบาและพูดว่า “เสี่ยวอี้เด็กดี เจ้าอย่าเพิ่งรบกวนนางเลย นางเหนื่อยมากเกินไปจึงแค่ผล็อยหลับไป ปล่อยให้นางพักผ่อนสักหน่อยเถอะ!”

ทันทีที่กู้เสี่ยวอี้ได้ยินสิ่งนี้ นางก็หยุดร้องไห้ทันที และพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ตกลง!”

จากนั้นนางก็นั่งลงข้างหัวเตียง มองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างระมัดระวัง และเช็ดริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานด้วยผ้าขนหนูเปียกน้ำเป็นครั้งคราว เพราะกลัวว่าริมฝีปากของนางจะแห้งเกินไป

ฉินเย่จือพยักหน้าเงียบ ๆ

จากนั้นเขาก็เริ่มถอดเสื้อคลุมของกู้เสี่ยวหวาน

มีเพียงแขนเสื้อของกู้เสี่ยวหวานเท่านั้นที่ฉีกขาด ตอนที่ฉินเย่จือกำลังขับเกวียนวัว เขากลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่สบายตัวเมื่อตากลม นางนอนอยู่หลังเกวียนวัวเพียงลำพัง ดังนั้นฉินเย่จือจึงถอดเสื้อของเขาและห่อตัวของกู้เสี่ยวหวานไว้ แต่ไม่ได้คาดคิดว่านี่จะเป็นการกระตุ้นความสงสัยของป้าจาง

ฉินเย่จือค่อย ๆ ถอดเสื้อนอกของกู้เสี่ยวหวานออก ป้าจางกลั้นหายใจ จนกระทั่งนางเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นเหมือนที่ฉินเย่จือพูดจริง ๆ และเสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างกายของนางยังอยู่ในสภาพดียกเว้นแขนเสื้อ จากนั้นก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และท่องในใจเป็นร้อยครั้งว่าพระโพธิสัตว์คุ้มครอง พระโพธิสัตว์คุ้มครอง!

ฉือโถวดีใจมากเมื่อเห็นว่าฉินเย่จือพากู้เสี่ยวหวานกลับมาอย่างปลอดภัย

เดิมทีเขาอยากดูแลกู้เสี่ยวหวานมากกว่านี้ แต่ฉินเย่จือปฏิเสธ “หนิงผิงกับเถ้าแก่หลี่ยังคงตามหาเสี่ยวหวานอยู่ในเมือง เจ้าควรรีบไปบอกพวกเขาว่าเสี่ยวหวานกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ให้พวกเขาหยุดตามหา แล้วก็พาหมอพานและกู้หนิงอันมาที่นี่ด้วย จำไว้ว่าอย่าให้คนอื่นรู้มากเกินไป!”

เมื่อฉือโถวได้ยินเรื่องนี้ เขาเหลือบมองกู้เสี่ยวหวานอย่างไม่เต็มใจ แต่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ หันหลังกลับและขับเกวียนวัวออกไป

บางทีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นอกเหนือจากความเป็นห่วงและรักกู้เสี่ยวหวานอย่างเงียบ ๆ แล้ว ฉือโถวก็ไม่มีความไม่พอใจหรือความหึงหวงต่อฉินเย่จืออีกต่อไป

ฉือโถวรู้ดีอยู่ในใจว่า เขาไม่มีทางดีไปกว่าฉินเย่จือ!

และฉินเย่จือก็ช่วยชีวิตคนที่เขาใฝ่หา บุญคุณครั้งนี้ เขาจะจดจำไว้ในใจของเขาตลอดไป

ฉือโถวขับเกวียนวัวออกไป น้ำตานองหน้า ใบหน้าของเขาชาวาบเมื่อต้องสายลมยามค่ำคืน

ฉือโถวเช็ดใบหน้าของเขา นอกจากจิตใจที่ได้รับความกระทบกระเทือนแล้ว หักแต่เขาก็ยังมีความสุขอย่างลึกซึ้ง ตราบใดที่กู้เสี่ยวหวานกลับมาอย่างปลอดภัย ถึงเขาจะตายก็ย่อมได้!

เขาสะบัดบังเหียนอย่างรุนแรงและตะโกนว่า “ไป…”

เกวียนวัวหายเข้าไปในความมืดทันที

มีเพียงตะเกียงที่แขวนอยู่บนเกวียนวัวแกว่งไปแกว่งมา ในที่สุดมันก็ค่อย ๆ เล็กลง เล็กลงเรื่อย ๆ จนหายไปในค่ำคืนที่มืดมิด

กู้เสี่ยวหวานมึนงงราวกับอยู่ในความฝัน ฝันว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ที่บ้าน

สภาพแวดล้อมอันอบอุ่นและสะดวกสบายจนไม่ต้องการแม้แต่จะลุกขึ้น

นางอยากจะนอนเช่นนี้ไปอีกสักพัก!

ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ จากด้านข้าง ส่งเสียงเรียกนางว่าท่านพี่ไม่หยุด

เสียงที่นุ่มนวลผสมกับการร้องไห้ ซึ่งทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

เสี่ยวอี้ร้องไห้ทำไม? ใครทำให้เสี่ยวอี้ร้องไห้?

กู้เสี่ยวหวานต้องการลืมตามองกู้เสี่ยวอี้ แต่เปลือกตาของนางหนักอึ้งจนไม่สามารถลืมตาได้ นางต้องการเอื้อมมือไปสัมผัสกู้เสี่ยวอี้ หากแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง

“ฮือ ฮือ ฮือ พี่ฉิน! ท่านพี่ขยับมือแล้ว นางขยับมือแล้ว! นางจะตื่นแล้วใช่หรือไม่?”

“ว่าอย่างไรนะ? ขอข้าดูหน่อย หมอบอกว่าตราบใดที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“พี่ฉิน ตัวของนางไม่ร้อนแล้ว ไข้ลดลงแล้วใช่หรือไม่”

“ขอข้าดูหน่อย!” หมอพานซึ่งล่วงหน้ามาพร้อมกับกู้หนิงอันเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล ขณะที่ยืนลูบเคราของเขา

เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอพานพูด ทุกคนในบ้านก็ยืนนิ่ง ในตอนนี้พวกเขาตื่นเต้นเกินไปที่ได้เห็นมือของกู้เสี่ยวหวานขยับ โดยลืมไปว่าหมอยังอยู่!

“ท่านหมอพาน ท่านหมอพาน รีบมาดูเร็ว พี่สาวของข้ากำลังจะตื่นแล้ว!” เสียงที่ตื่นเต้นดังขึ้นจากด้านข้าง

หมอที่รักษากู้เสี่ยวหวานคือ หมอพาน จากโรงหมอหุยชุน ในขณะนี้หมอพานจับชีพจรให้กู้เสี่ยวหวาน จากนั้นก็พลิกเปลือกตาของนางดู พลันก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า “แม่นางกู้ไข้ลดลงแล้ว ไม่มีอะไรร้ายแรง นานที่สุดตอนบ่ายของวันพรุ่งนี้ก็จะตื่นขึ้น นี่คงเป็นเพราะลมและความหนาวเย็นที่รุนแรง จึงทำให้แม่นางกู้เป็นเช่นนี้ ร่างกายของนางยังอ่อนแอมาก เพียงแค่ต้องรักษาอุณหภูมิร่างกายของนางให้ดี นางก็จะกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม!”

หมอพานลูบเคราแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอพานพูด ฉินเย่จือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็ยังรู้สึกกังวล

กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงซึ่งกลับมาถึงบ้านแล้ว ได้ตามหมอพานเข้าไปในเมืองอีกครั้งเพื่อรับยา ส่วนกู้เสี่ยวอี้ก็ไปต้มโจ๊กในครัวอย่างเชื่อฟัง

ท่านพี่อาจจะตื่นตอนไหนก็ได้ ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว นางจะทำอย่างไร?

ขณะนี้ ในบ้านเหลือเพียงกู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือเท่านั้น