บทที่ 586 ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 586 ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา

บทที่ 586 ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา

ฉินเย่จือยืนข้างเตียงและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่น้ำหนักลดลงไปมาก เพราะความเจ็บป่วยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เดิมทีนางมีใบหน้าที่แดงก่ำ แต่ตอนนี้ซีดจนไร้ร่องรอยของเลือด บางทีนางอาจยังคงฝันถึงฉากที่น่ากลัว คิ้วของนางพันกัน

ฉินเย่จืออดไม่ได้ที่จะนั่งข้างเตียงและคลายคิ้วที่ขมวดออก

ผิวหยกที่อบอุ่น หน้าผากเนียนเรียบ คิ้วเรียว ตาที่ปิดสนิท ลูกตาเหมือนองุ่นดำ และขนตายาว

ฉินเย่จือจ้องไปยังกู้เสี่ยวหวานที่กำลังหลับอยู่ด้วยความกังวลที่ไม่อาจปกปิดได้บนใบหน้าของเขา

หลังจากจ้องมองมานานก่อนที่เขาจะสะอื้นและพูดว่า “เสี่ยวหวาน…”

แต่เขาไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร

สามวันแล้วที่กู้เสี่ยวหวานอยู่ในอาการหมดสติ

วันนี้กู้เสี่ยวหวานได้สติแล้ว นางต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลืมตา สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของนางคือหลังคาสีเข้ม เตียงนุ่ม และผ้าห่มที่คลุมอยู่บนตัว

เมื่อเห็นหลังคาสีเข้มที่คุ้นเคย กู้เสี่ยวหวานเกือบจะร้องไห้ด้วยความปีติยินดี

ในที่สุดตนเองก็รอดชีวิตและได้กลับบ้าน

เมื่อก่อนนางไม่ชอบบ้านที่ทรุดโทรมและหลังคาที่มืดเท่าไรนัก แต่คราวนี้นางมีความสุขและตื่นเต้นมาก

ฟ้าหลังฝนก็คงจะเป็นเช่นนี้สินะ!

กู้เสี่ยวหวานพยายามลุกขึ้น แต่พบว่านางไม่มีเรี่ยวแรงเลย กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างขมขื่น

คราวนี้ตนเองได้รับกรรมใหญ่แล้ว

นางพยายามประคองร่างกาย และเมื่อนางกำลังจะเงยหน้าขึ้นมอง กู้เสี่ยวอี้ก็ผลักประตูและเดินเข้ามา

กู้เสี่ยวอี้เห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังพยุงร่างกาย เพราะนางตื่นเต้นเกินไป มือของนางจึงสั่นและถังน้ำที่ถืออยู่ในมือก็ตกลงกับพื้น ทำให้เกิดเสียงกระแทกพื้นอันดัง

กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นตามเสียง แต่ก่อนที่นางจะมองเห็นได้ชัดเจนก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่เบื้องหน้า เป็นกู้เสี่ยวอี้ที่โผเข้ากอดนางพลางร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหล

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อาจเป็นเพราะนางนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน หรือเพราะหวาดกลัวเกินไป แม้แต่สมองของนางก็ช้าลงเล็กน้อย

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กู้เสี่ยวอี้ที่กำลังกอดนางอยู่ และการแสดงออกบนใบหน้าของนางก็อ่อนโยนลงทันที

กู้เสี่ยวหวานยกมือขึ้นและโอบแขนรอบตัวกู้เสี่ยวอี้เบา ๆ “เอาล่ะ เสี่ยวอี้เด็กดี อย่าร้องไห้ ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะ ข้าสบายดี! ข้าคิดถึงเจ้ามาก เสี่ยวอี้คิดถึงข้าบ้างหรือไม่?”

กู้เสี่ยวอี้ฟังเสียงที่คุ้นเคยของพี่สาว เดิมทีนางร้องไห้เสียงดังอยู่แล้ว แต่คราวนี้กลับนางร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเสียงร้องไห้ของกู้เสี่ยวอี้ดังขึ้นเรื่อย ๆ นางก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดในหัวใจยิ่งควบคุมไม่ได้ นางหยุดพูดและลูบหลังกู้เสี่ยวอี้เบา ๆ ปลอบโยนนางอย่างเงียบ ๆ

“ท่านพี่…” จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงที่ดูแปลกใจดังเข้ามาในหูอีกครั้ง

ปรากฏว่ากู้หนิงอันและกู้หนิงผิงที่ได้ยินเสียงถังน้ำตกลงมาที่พื้น พวกเขาจึงรีบวิ่งเข้ามา พวกเขาคิดว่าเป็นเสี่ยวอี้ที่ล้มลง ดังนั้นพวกเขาจึงรีบมาดู แต่กลับได้เห็นกู้เสี่ยวหวานที่ตื่นขึ้นมาแทน

ใบหน้าของสองพี่น้องก็แสดงความตื่นเต้นในทันใด

ทั้งสองวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกันและร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “ท่านพี่… ท่านพี่…”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าทั้งสามคนกำลังกอดตนอยู่ นางหมดแรงและไอออกมาเล็กน้อย ครั้นเด็กทั้งสามได้ยินก็ตกใจ จึงรีบปล่อยมือทันที

เมื่อไม่ได้รับการประคองจากทั้งสามคน กู้เสี่ยวหวานก็กำลังจะล้มลง กู้หนิงผิงจึงรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและนั่งข้างหลังกู้เสี่ยวหวานเพื่อไม่ให้นางหงายหลัง

กู้หนิงผิงนั่งข้างหลังพี่สาวของเขา และทำหน้าที่เป็นพนักพิงของกู้เสี่ยวหวาน

“ท่านพี่… ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว ฮือ…” กู้หนิงผิงกอดกู้เสี่ยวหวานจากด้านหลัง ดวงตาของเขาบวมแดงเล็กน้อย เพราะความกังวลและร้องไห้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขากอดพี่สาวพลางสะอื้นไห้

“ข้าหลับไปนานแล้วหรือ?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเหนื่อยล้า เมื่อมองดูดวงตาที่กังวลและมีความสุขของเด็ก ๆ หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดนางก็ได้กลับบ้าน ในที่สุดก็ได้กลับบ้านเสียที

“ท่านพี่ ท่านหลับไปสามวันสามคืนแล้ว!” กู้หนิงอันตอบ

กู้หนังอันมีสีหน้าที่ความสุขและความตื่นเต้น ใต้ตามีสีคล้ำ ดูเหมือนว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นอนหลับอย่างสบายใจ!

ครั้นคิดถึงลมหายใจที่อ่อนแรงของกู้เสี่ยวหวานในตอนนั้น กู้หนิงผิงก็แอบเช็ดน้ำตาจากด้านหลัง อีกมือหนึ่งก็โอบรอบเอวของกู้เสี่ยวหวานไว้แน่น และกู้เสี่ยวหวานก็ยังคงได้ยินเสียงสะอื้นของเขา

“เอาล่ะ หนิงอัน หนิงผิง เสี่ยวอี้ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ข้าไม่เป็นไรแล้ว และข้าก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้าสบายดีแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องกังวล อย่าร้องไห้เลยนะ” กู้เสี่ยวหวานเห็นใบหน้าของทั้งสามที่มีความยินดี แต่มีน้ำตาที่หางตา ดังนั้นนางจึงรีบปลอบพวกเขา

“ท่านพี่ ท่านไม่รู้หรอกว่าท่านอยู่ในอาการหมดสติเป็นเวลาสามวันสามคืน ท่านอาจารย์ ท่านป้าจาง พี่ฉือโถว และพวกเราคอยดูแลท่านพี่อยู่ไม่ห่าง ท่านป้าจางต้องดูแลท่านพี่และทำอาหารให้พวกเราด้วย พวกเรากลัวว่าท่านป้าจางจะเหนื่อย ข้าจึงเกลี้ยกล่อมให้ท่านป้าจางกลับไปพักผ่อนเมื่อไม่นานนี้ ท่านป้าจางคงจะมีความสุขมากถ้ารู้ว่าท่านพี่ฟื้นแล้ว!” กู้หนิงผิงพูดพลางปาดน้ำตา

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า

“พี่ใหญ่ฉินล่ะ? ” กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นร่างของฉินเย่จือ นางจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“พี่ใหญ่ฉินไปในเมืองและบอกว่าเขาจะไปซื้ออาหารเสริมบำรุงร่างกายให้ท่านพี่!” กู้หนิงอันเห็นความผิดหวังในดวงตาของพี่สาวและรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ท่านพี่ ท่านอาจารย์ดูแลท่านพี่อยู่ข้างเตียงทั้งวันทั้งคืน! เขาไม่เคยพักผ่อน พวกเราห้ามไม่ให้เขาเข้าไปในเมือง แต่เขาไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นจะตายอย่างไรก็จะไปให้ได้เลยเชียว!”

อะไรนะ? หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ หัวใจของนางก็ปวดร้าวอยู่พักหนึ่ง เจ้าทึ่มนั่นทำอะไร!

“แล้วพวกเจ้าได้ให้เงินติดตัวเขาไปด้วยหรือไม่?” เจ้าทึ่มผู้นั้นมีเงินที่ไหนกัน!

“อา? ไม่ได้ให้!” กู้หนิงผิงตบต้นขาและอีกมือก็เช็ดน้ำตา เขาลืมตาและมองไปที่กู้หนิงอันอย่างอึดอัดใจ เอ่ยถามกู้หนิงอันว่า “แล้วท่านได้ให้เงินเขาไปหรือไม่?”

กู้หนิงอันจ้องไปที่เขาและพูดอย่างอึดอัด “ข้าก็ไม่ได้ให้…”

“แล้วเขาออกไปซื้ออะไร?” กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ทันใดนั้น ประตูก็ถูกผลักเปิดจากด้านนอก

“พี่ใหญ่ฉิน…” ดวงตาของกู้เสี่ยวอี้เฉียบแหลม และนางก็ร้องออกมาด้วยความดีใจทันที “ท่านพี่ฟื้นแล้ว…”

“ท่านอาจารย์…” กู้หนิงผิงร้องก็ออกมาอย่างตื่นเต้น

ประตูถูกผลักเปิดออก และมีแสงจ้าส่องเข้ามาจากด้านนอก

กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจว่ามันจะทำให้ตาของตนพร่ามัว นางหันไปมองที่ประตูทันที