ตอนที่ 597 อย่าลงมือกับ คนกันเอง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 597 อย่าลงมือกับ คนกันเอง

“เจ้าจัดการได้ดีมาก ! พรุ่งนี้เจ้าจะขึ้นเขาหรือเปล่า ? ” เจียงโม่หานถอดเสื้อชั้นนอกออกแล้วล้มตัวลงนอนข้างหลินเว่ยเว่ย

หลินเว่ยเว่ยกลิ้งเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของเขาด้วยความเคยชิน “อืม ข้าจะไปดูพวกเจ้าเทาแล้วก็จะได้บอกลามันด้วย ! จากนั้นค่อยดูว่ามีของป่าอะไร จะได้เอากลับมาให้หมู่เฟยลองชิม ! ”

ต่อจากนั้นสองสามีภรรยาก็หลับตาลงพร้อมกัน เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง หลินเว่ยเว่ยก็เดินทางขึ้นเขาแล้ว แม่ทัพหลินไม่วางใจให้บุตรสาวไปคนเดียวจึงบอกว่าจะตามไปด้วย ส่วนเจ้าตัวหนอนที่คอยคลานตามก้นอย่างเจ้าหนูน้อยก็ก่อเรื่องให้หลินเว่ยเว่ยปวดหัว ท้ายที่สุดจึงต้องพาเขาไปด้วย เจ้าหนูน้อยเดินไปได้แค่ครึ่งทางก็ตามไม่ทันคนอื่นแล้ว แม่ทัพหลินจึงแบกเขาขึ้นหลังแล้วเดินต่อไปด้านหน้าอย่างทรงพลัง

เจ้าหนูน้อยจดจำใบหน้าบิดาไม่ได้แล้ว สำหรับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของบิดา นอกจากความสงสัยก็ยังมีความหวาดระแวงอยู่บางส่วน เขากลัวว่าการปรากฏตัวของบิดาจะทำให้ครอบครัวเลวร้ายลง เจ้าหนูน้อยจึงไม่ค่อยเข้าใกล้บิดาสักเท่าไร แต่ยังสนิทสนมกับหลินเว่ยเว่ยเหมือนเดิม

“เอ่อ คือ…ท่านวางข้าลงเถิด ข้ายังเดินไหว ! ” เจ้าหนูน้อยอยู่บนแผ่นหลังที่กว้างของแม่ทัพหลิน เขาจึงรู้สึกเขินเล็กน้อย ที่แท้ความรู้สึกของการโดนบิดาแบกขึ้นหลังก็เป็นแบบนี้เอง…รู้สึกปลอดภัยและมีพลังมาก ๆ ไหล่ของท่านพ่อเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่สามารถแบกรับได้ทุกสิ่ง !

แม่ทัพหลินพูดอย่างอารมณ์ดี “เมื่อก่อนพ่อเคยแบกพี่สาวทั้งสองและพี่ชายของเจ้ามาก่อนแล้ว มีแค่เจ้าสี่ที่ยังไม่เคยแบก เจ้าก็ให้พ่อแบกเพื่อดื่มด่ำความเป็นบิดาอีกหน่อยเถิด ! ”

พอเจ้าหนูน้อยได้ยินแบบนั้นก็เอามือกอดคอเขา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงกังวลว่า “ท่านพ่อ ประเดี๋ยวท่านคงไม่หายตัวไปดื้อ ๆ อีกใช่หรือไม่ ? ท่านไม่ต้องการพวกเราหรือเปล่า ? ตอนอยู่เมืองหลวงข้าได้ยินพวกเขาบอกว่าคนเป็นขุนนางใหญ่ต้องมีอนุ พอมีอนุแล้วก็จะไม่ชอบภรรยาเอกและบุตรของภรรยาเอก แถมอนุยังจะทำร้ายบุตรของภรรยาเอกด้วย…ท่านพ่อ อนุไม่ใช่เรื่องดี ท่านไม่มีอนุได้ไหมขอรับ ? ”

“ไม่มี ! นอกจากแม่เจ้าแล้ว พ่อจะไม่มีใครอีก ! เจ้าพูดถูก อนุไม่ใช่เรื่องดี บ้านเจ้าจะมีเรื่องแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ! ” แม่ทัพหลินตบก้นเจ้าตัวน้อยแล้วหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

เจ้าหนูน้อยครุ่นคิดด้วยความจริงจัง “เอาเถิด ข้าจะยอมรับท่านเป็นบิดาชั่วคราวก็แล้วกัน! แต่หากท่านผิดคำพูดและทำให้ท่านแม่เสียใจ ข้าจะพาท่านแม่ไปอยู่ด้วย แล้วข้าจะดูแลท่านแม่เอง ! ”

หลินเว่ยเว่ยเคาะศีรษะเขา ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีข้ากับพี่ชายของเจ้าอยู่ ไม่ต้องให้เจ้ามาดูแลท่านแม่จนแก่หรอก ! ถ้าเขาทำให้ท่านแม่เสียใจ เราไม่ต้องยอมรับเขาก็สิ้นเรื่องแล้ว ! ”

“แบบนั้นพ่อไม่ต้องกลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตรหรอกหรือ ? พ่อบอกไปแล้วว่าไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อแม่ของพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ยอมเชื่อ ? หรือพ่อมีใบหน้าไม่น่าเชื่อถือ ? ” แม่ทัพหลินใช้มือจับก้นลูกชายไว้ข้างหนึ่งแล้วใช้อีกข้างลูบใบหน้าตัวเอง

เจ้าหนูน้อยหัวเราะคิกคัก “ท่านพ่อ รู้หรือไม่ว่าท่านเหมือนอะไร ? ท่านเหมือนโจรที่ในตำราเอ่ยถึง ดูไม่เหมือนคนดีสักเท่าไร ! ”

“ทำไมหรือ ? มีแค่คนหน้าตาอย่างพี่เขยรองของเจ้าเท่านั้นที่ดูเหมือนคนดี ? เจ้าสี่ เหตุใดเจ้าถึงตัดสินคนที่หน้าตา ? ” แม่ทัพหลินตบก้นบุตรชาย

สองพ่อลูกสนทนากันได้ไม่นานก็มาถึงเขตป่าสนแดงแล้ว ทันใดนั้นแม่ทัพหลินก็หยุดฝีเท้าพลางหันมองสำรวจรอบ ๆ แล้วพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “อย่าไปข้างหน้าต่อ ที่นี่เป็นเขตของพวกหมาป่า พวกเราต้องเดินอ้อม ! ”

เจ้าดำก็ตามขึ้นเขามาด้วย เมื่อก่อนมันขึ้นเขาทีไรก็จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตลอด แต่วันนี้กลับคอยเดินอยู่ข้าง ๆ หลินเว่ยเว่ย…ไม่ได้พบเจ้านายมานานมาก มันแทบทำตัวติดกับนางตลอดเวลา

“โฮ่ว…” จู่ ๆ เจ้าดำก็หอนเสียงหมาป่า ทำให้แม่ทัพหลินตกใจทันที เขายังเข้าใจผิดว่ามีหมาป่าเข้ามาประชิดโดยไม่ทันตั้งตัว ขณะมองเจ้าดำแล้วเขาก็ขมวดคิ้ว “เหตุใดเสียงหอนของเจ้าหมาตัวนี้ถึงเป็นแบบนี้ได้ ? ”

ผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงหอนของหมาป่ายาว ๆ คล้ายกำลังขานรับเสียงของเจ้าดำ แม่ทัพหลินจ้องป่าบริเวณใกล้ตัวทันทีและพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “ที่นี่ไม่ปลอดภัย”

โฮ่ว…

เสียงเขายังไม่ทันเงียบลงก็มีร่างขนาดยักษ์สีเทาพุ่งเข้ามาหาหลินเว่ยเว่ยด้วยความเร็วแสง แม่ทัพหลินรีบเข้าไปขวางหน้าบุตรสาวและยกเท้าถีบไปที่ร่างนั้น

จ่าฝูงหมาป่าเจ้าเทาเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของแม่ทัพหลิน อุ้งเท้าหน้ายันพื้น ขาหลังก็ออกแรงยึดติดกับพื้น ปากแยกออกเป็นทางยาวและเผยให้เห็นคมเขี้ยวขาวสะอาดของมัน…

“หยุด ! ” ก่อนที่สงครามจะเริ่ม หลินเว่ยเว่ยก็เข้าไปขวางระหว่างมนุษย์กับหมาป่าเอาไว้ “อย่าลงมือกับคนกันเอง ! ”

เจ้าหนูน้อยลงจากหลังแม่ทัพหลินแล้ววิ่งเข้าไปหาหมาป่าตัวสูงกว่าคน เขามองแม่ทัพหลินพร้อมหัวเราะออกมา “ท่านพ่อ ขอแนะนำอย่างทรงเกียรติ นี่คือเจ้าเทา เป็นจ่าฝูงหมาป่า ! ”

เจ้าดำก็วิ่งเข้าไปด้วย มันเดินวนรอบตัวเจ้าเทาด้วยความดีใจ แม่ทัพหลินเพิ่งรู้สึกผ่อนคลายก็เห็นว่าโดยรอบมีหมาป่าหลายสิบตัวมาล้อมพวกเขาเอาไว้แล้ว เขามองฝูงหมาป่าด้วยความหวาดระแวง แต่ก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร

หมาป่าสีเทาตัวหนึ่ง (ต้าเหล่าฮุย) เข้ามาเดินวนรอบตัวหลินเว่ยเว่ยด้วยความประจบสอพลอ เจ้าเทาจึงอ้าปากจะเข้ามากัดมัน…ข้ายังไม่ทันได้กินน้ำ แล้วจะไปถึงตาเจ้าได้อย่างไร ?

หลินเว่ยเว่ยหยิบหม้อกระเบื้องที่แตกออกมา เทน้ำใส่ด้านในแล้วนำไปวางตรงเบื้องหน้าเจ้าเทาที่มองนางด้วยความภาคภูมิใจแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มกินอย่างสง่างาม ทว่าท่าทางเลียกินน้ำดูรีบร้อนไปหน่อย แม้ต้าเหล่าฮุยใจร้อนแต่ก็ไม่กล้าเข้ามาท้าทายจ่าฝูงหมาป่า

เจ้าเทากินน้ำในหม้อไปครึ่งหนึ่งก็ถอยออกมา มันหันไปมองหมาป่าตัวเมียร่างเล็กกว่าด้วยสายตาค่อนข้างอบอุ่น หมาป่าตัวเมียจึงเดินเข้ามาใช้ตัวถูไถมันแล้วเลียกินน้ำที่อยู่ในหม้อจนหมด

หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าไปเทน้ำพุวิญญาณลงในหม้ออีกรอบ แล้วหันไปถามเจ้าเทาด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเทา นี่คือฮองเฮาของเจ้าหรือ ? ตัวใหญ่ใช้ได้ ! คาดไม่ถึงว่าเจ้าเทาของพวกเราก็มีภรรยากับเขาด้วย ! ”

เจ้าเทาเหลือบมองเจียงโม่หานที่อยู่ข้าง ๆ คล้ายกำลังบอกว่า ‘เจ้าไก่อ่อนนี่ยังมีภรรยาได้ แล้วข้าจะต้องอยู่รั้งท้ายเขาหรือ ? ’

หลังบอกลาเจ้าเทาแล้ว หลินเว่ยเว่ยยังไปที่ฝูงหมูป่าอีกรอบ เมื่อสองปีก่อนนางล่าหมูป่าโตเต็มวัยมาเกือบหมดและทิ้งพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไว้เพียงสองสามตัว หมูป่ายังถือว่าขยายพันธุ์ค่อนข้างไว เพิ่มจำนวนมาถึง 20 กว่าตัวแล้ว

หลินเว่ยเว่ยทำให้หมูป่าตัวอ้วนที่สุดสลบแล้วแบกมันลงจากภูเขา ขณะมองหมูป่าหนักหลายร้อยชั่ง นอกจากอึ้งงันแล้ว แม่ทัพหลินก็ยังรู้สึกอิจฉาด้วย ‘ถ้าพละกำลังนี้มาอยู่ที่ตัวเอง เขาก็จะต้องเป็น ‘เทพสงคราม’ อันดับสองแห่งสนามรบแน่นอน ! ’

ระหว่างทางลงเขายังเจอฝูงกวางอีกด้วย แม่ทัพหลินใช้ธนูยิงได้หนึ่งตัว จากนั้นก็แบกมันขึ้นไหล่…เรื่องล่าสัตว์ เขาเองก็เป็นมืออาชีพเช่นกัน !

สองพ่อลูกแบกสัตว์ที่ล่ามาได้เดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนเจียงโม่หานจับมือเจ้าหนูน้อยอยู่ด้านหลัง เมื่อเดินมาถึงหน้าหมู่บ้านก็มีชาวบ้านบางคนเห็นพวกเขาจึงหัวเราะแล้วพูดกับสหายว่า “ตอนนางหนูรองไม่อยู่ ข้ารู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไป ที่แท้ก็ขาดซากสัตว์ที่นางไปล่ามาจากบนเขานี่เอง ! ”

“ยังเรียกนางหนูรองอีก ? ตอนนี้นางเป็นถึงองค์หญิงแล้ว ! ไม่กลัวองค์หญิงจะสั่งตัดหัวเจ้าหรือ ? ” ชาวบ้านอีกคนพูดหยอก

ชาวบ้านพูดด้วยรอยยิ้ม “นางหนูรองบอกแล้วว่าให้เรียกนางเหมือนเมื่อก่อน เจ้าคิดว่าสองพ่อลูกคู่นี้เก่งกันขนาดไหน คนหนึ่งคือแม่ทัพที่ออกศึกมาหลายปี อีกคนเป็นบุตรสาวเทพสงครามหมินอ๋อง ฮึ ฮึ ! หากข้าเล่าเรื่องนี้ออกไป คนอื่นต้องคิดว่าข้ากำลังคุยโวอยู่แน่ ! ”