ตอนที่ 598 ถุยถุย เจ้าช่างปากเสีย!

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 598 ถุยถุย เจ้าช่างปากเสีย!

ชาวบ้านอีกคนพูดว่า “ตอนนั้นสหายหลินก็ล่าสัตว์เก่งอยู่แล้ว แม้จะไม่มีพละกำลังเหมือนนางหนูรอง แต่ข้าก็รู้สึกว่าเขามีวรยุทธ ไม่อย่างนั้นจะปกป้องภรรยาที่อ่อนแอและลูก ๆ ในยุคสงครามที่วุ่นวายได้อย่างไร ? แล้วคนที่ถูกคัดไปเกณฑ์ทหารทุกปีเหล่านั้น เหตุใดไม่มีใครกลับมาพร้อมกับตำแหน่งแม่ทัพเหมือนเขาเล่า ? ”

ช่วงห้าวันที่พวกหลินเว่ยเว่ยอยู่ในฉือหลี่โกว นายอำเภอหวางแห่งอำเภอเป่าชิง , ปลัดอำเภอ , ผู้ดููแลเอกสารและตราประทับ , เจ้าหน้าที่ดูแลราษฎรเขตเริ่นอัน , เจ้าหน้าที่ดูแลหมู่บ้านฉือหลี่โกวและยังมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นผู้แสดงหาความก้าวหน้าก็ล้วนพากันมาคารวะนายท่านจอหงวนหนุ่มอย่างเจียงโม่หาน…อ้อ ตอนนี้เป็นใต้เท้านายอำเภอหนิงซีไปแล้ว

แม้เจียงโม่หานและนายอำเภอหวางจะมีตำแหน่งเหมือนกัน แต่เจียงโม่หานเป็นขุนนางขั้น 6 ซึ่งมีขั้นสูงกว่านายอำเภอหวางถึง 2 ขั้น กอปรกับที่หลินเว่ยเว่ยเป็นองค์หญิงที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งและยังเป็นบุตรสาวตำหนักหมินอ๋อง จึงเป็นธรรมดาที่นายอำเภอหวางจะต้องมาทำความรู้จักเอาไว้

นายอำเภอหวางผู้นี้ถือว่าเป็นขุนนางตงฉินที่ทำเพื่อราษฎร เจียงโม่หานและหลินเว่ยเว่ยจึงดีกับสองสามีภรรยามากหน่อย

ภายในช่วงห้าวันนี้ เจียงโม่หานยังไปหาอาจารย์ฟ่านที่เขตเริ่นอัน ร่วมถึงอาจารย์ใหญ่และอาจารย์ท่านอื่นของสำนักศึกษาด้วย อาจารย์ฟ่านกลัวว่าเขาโดนส่งไปทำงานในอำเภอห่างไกลแล้ว เขาจะรู้สึกไม่พอใจ จึงบอกว่าฮ่องเต้ต้องการฝึกฝนเขาและในอนาคตจะต้องเรียกใช้เขาอีกแน่นอน ขณะมองลูกศิษย์คนนี้แล้ว อาจารย์ฟ่านก็คิดว่าไม่ว่าจะเป็นจังหวะเวลาหรือโอกาส เขาก็ได้เปรียบไปเสียทุกอย่าง คุนเผิง1สยายปีก ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม !

ตอนที่พวกหลินเว่ยเว่ยจะเดินทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือต่อ บนท่าเรือก็เบียดเสียดไปด้วยผู้คนที่มาส่ง อย่างเช่น ชาวบ้านจากฉือหลี่โกว คนใหญ่คนโตในเขต เจ้าหน้าที่ระดับอำเภอหรือแม้แต่อาเถียนก็ยังมาจากร้านหนิงจี้ที่หัวเมืองเพื่อมาส่งพวกนาง !

หลิวว่ายจื่อก็เข้าร่วมการเดินทางในครั้งนี้ด้วย ช่วงห้าวันนี้เขามาเสนอหน้าให้หลินเว่ยเว่ยเห็นอยู่บ่อยครั้ง เพราะกลัวว่านางมีลูกน้องคนอื่นแล้วจะลืมลูกน้องที่ทำงานเก่งอย่างเขาไป องค์หญิงเว่ยเว่ยเป็นเสาหลักที่มั่นคง อย่างไรก็ต้องกอดไว้ให้แน่น !

หลิวว่ายจื่อก็เป็นคนเก่งคนหนึ่ง ไม่เพียงดูแลโกดังที่ท่าเรือได้อย่างดี แต่ร้านขายของขบเคี้ยวที่ฝูอันก็ทำออกมาได้อย่างมีระเบียบและยังเลี้ยงลูกน้องมากฝีมือไว้อีกด้วย แม้แต่ร้านไม่กี่หลังที่หลินเว่ยเว่ยสร้างไว้ที่ชายแดนเขตอวี้อัน เขาก็ดูแลเรื่องปล่อยเช่าและเก็บค่าเช่าเอง ตลาดการค้าข้ามเขตแดนที่เขตอวี้อันเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีก ร้านค้าที่หลินเว่ยเว่ยสร้างไว้จึงกลายเป็นศูนย์กลางของตลาดการค้าข้ามเขตแดน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการปล่อยเช่าและค่าเช่าที่ได้ยังสูงที่สุดในย่านด้วย !

ช่วงหนึ่งปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา เขายังขยันจดจำตัวอักษรจนสามารถใช้อักษรที่ใช้กันบ่อยในเวลานี้ได้อย่างชำนาญ ไม่พูดก็คงไม่ได้ว่าแม้เมื่อก่อนหลิวว่ายจื่อไม่ค่อยเอาไหน แต่ถือว่าเป็นคนฉลาดหรือแม้แต่ปราดเปรื่องเลยก็ว่าได้ ตอนนี้หลินเว่ยเว่ยขาดลูกน้อง จึงจำเป็นต้องใช้คน !

หลิวเอ้อร์ล่ายมองเรือค่อย ๆ แล่นออกจากท่า หลิวว่ายจื่อได้ยกงานที่ดูแลให้เขาทั้งหมดแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้ทำงานแทนพี่ว่ายจื่อ กลายเป็นผู้ดูแลงานต่าง ๆ ในเขตเริ่นอันของหลินเว่ยเว่ย ทว่าพี่ว่ายจื่อกลับได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ดูแลใหญ่ ตามนายหญิงไปทำงานใหญ่ที่อำเภอหนิงซี ! เขาเองก็อยากเป็นลูกน้องคนสนิทขององค์หญิงเว่ยเว่ยบ้าง มีนางคอยหนุนหลังก็อุ่นใจจะตาย !

หลิวว่ายจื่อเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน ภรรยาคือน้องสาวคนนั้นที่แม่ซัวถัวแนะนำ ภรรยาที่เขาแต่งด้วยเป็นคนเก่งแถมยังกตัญญูต่อย่าหลิว หน้าตาก็ดี…ต้องทราบก่อนว่าหลิวว่ายจื่อเป็นชายโสดที่มีคนต้องการตัวมากที่สุดในละแวกนี้ คนที่ทำให้เขาชอบได้จะต้องมีคุณสมบัติไม่เลวอยู่แล้ว

หลินเว่ยเว่ยหยอกเขาว่า “อาว่ายจื่อ เหตุใดท่านถึงทำใจปล่อยให้อาสะใภ้อยู่ที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวได้ ? ”

หลิวว่ายจื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “เดินทางไกลเพื่อประสบความสำเร็จ ไฉนเลยยังติดอยู่กับความรู้สึกชายหญิงได้อีก…แต่ก็นะ ข้าคิดว่ารอให้ทุกอย่างที่โน้นเรียบร้อย แล้วค่อยรับท่านแม่กับภรรยาไปที่นั่น อย่างไรท่านแม่ก็รออุ้มหลานอยู่ ! ”

ต่อมา เขายังถามว่า “เรือบรรทุกสินค้าด้านหลังนั้นขนข้าวโพดไปมากมายเพื่ออะไร…นายหญิงคิดจะทำกิจการค้าธัญพืชด้วยหรือ ? ”

“ไม่ใช่หรอก เมล็ดข้าวโพดพวกนั้นข้าคิดจะเอาไปปลูก ข้าได้ยินว่าทางตะวันตกเฉียงเหนือทั้งแห้งแล้งและมีดินทรายมาก ผลผลิตทางการเกษตรต่ำ ข้าคิดว่าจะลองปลูกเจ้าพวกนั้นก่อน ถ้ามันเหมาะกับสภาพอากาศทางโน้น เราก็จะทำการค้าเมล็ดข้าวโพดกัน แบบนั้นจะได้มีความหมายมากกว่า”

หลินเว่ยเว่ยคำนวณไว้แล้วว่าตอนไปถึงอำเภอหนิงซีก็น่าจะเข้ากลางเดือนเจ็ด ทางตะวันตกเฉียงเหนือมีแดดจัด เมล็ดข้าวโพดในห้วงมิติน้ำพุวิญญาณยังใช้เวลาสั้น ๆ ในการปลูก อย่างไรปีนี้ก็น่าจะปลูกทัน !

เรือของทางราชการเดินทางต่อไปอีกสามวัน ก่อนจะเลี้ยวเข้าลำน้ำสายย่อย ลำน้ำค่อนข้างแคบ กระแสน้ำก็เชี่ยว เรือทางราชการจึงต้องเดินทางด้วยความเชื่องช้า หลินเว่ยเว่ยและเจียงโม่หานกำลังยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่บนเรือ สองฟากฝั่งเขียวขจี หินขรุขระแปลกตามีให้เห็นอยู่เรื่อยไปและยังได้ยินเสียงนกแปลก ๆ ร้องเป็นครั้งคราว

หลินเว่ยเว่ยพูดล้อเล่น “บัณฑิตน้อย ถ้าข้าเป็นโจรสลัดจะต้องเลือกทำเลแบบนี้ในการซุ่มโจมตีแน่นอน และพวกเราก็คือแกะตัวอ้วนของพวกโจรพอดี ! ”

เจียงโม่หานหัวเราะเบา ๆ “ปกติพวกโจรสลัดจะลงมือกับพวกพ่อค้าหรือไม่ก็เรือชาวบ้าน เรือทางราชการอย่างพวกเราไม่อยู่ในขอบข่ายของพวกมันหรอก เจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว…”

เสียงของเขายังไม่ทันเงียบ เรือเร็วที่พรางตาไว้อย่างดีหลายสิบลำก็พุ่งเข้ามาที่เรือทางราชการ หลินเว่ยเว่ยชี้ไปที่เรือเร็วลำหน้าสุดแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “บัณฑิตน้อย เรื่องพวกนี้คงไม่ได้มาต้อนรับนายอำเภอคนใหม่อย่างเจ้าหรอกกระมัง ? ”

เจียงโม่หานเผยแววตาเย็นชาขึ้นเล็กน้อย เขาดึงตัวหลินเว่ยเว่ยให้กลับเข้าไปในห้องโดยสาร “ระวัง ในมือพวกมันมีธนู”
หลินเว่ยเว่ยกลับเข้าไปในห้องโดยสารแล้วหยิบธนูสุริยันที่มีน้ำหนักกว่าหลายร้อยชั่งออกมา จากนั้นก็ง้าวเหนี่ยวคันศรเล็งเป้าไปยังโจรที่อยู่หน้าสุดพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “พูดเหมือนคนอื่นไม่มีธนู ! ”

แม่ทัพหลินพาลูกน้องหลายคนที่มีอาวุธครบมือมายืนที่กาบเรือ เขาเห็นบุตรสาวเล็งธนูไปที่เรือลำหน้าสุดของพวกโจร จึงเอ่ยเตือนว่า “เว่ยเอ๋อร์ อย่าเพิ่งรีบร้อน อีกฝ่ายยังอยู่นอกระยะยิง…เอาเถิด ถือว่าพ่อไม่ได้พูดก็แล้วกัน!”

เพราะในขณะที่เขากำลังพูด หลินเว่ยเว่ยก็ยิงธนูออกไปแล้ว ธนูสุริยันเป็นธนูศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษหมินอ๋อง หากไม่มีแรงเท่าหินสิบก้อนก็ไม่อาจดึงคันศรได้ หมินอ๋องใช้งานไม่ไหวจึงได้แต่วางไว้เป็นของตกแต่งบ้านเท่านั้น

หลินเว่ยเว่ยมีพละกำลังมหาศาล หมินอ๋องจึงให้นางลองถือธนูนี้ นางสามารถง้าวคันศรออกมาได้อย่างสบายและยิงทะลุหินข้างสนามฝึกซ้อมด้วย ภายใต้ความดีพระทัย หมินอ๋องจึงยกธนูคันนี้ให้นาง ครั้งนี้นางก็เอามาด้วย แม้ว่าโจรจะอยู่นอกระยะยิง แต่หลินเว่ยเว่ยก็ยังยิงทะลุคนที่ยืนอยู่บนหัวเรือคนนั้น…ความแม่นยำนี้ แม้แต่ตัวเองก็ยังต้องชื่นชม !

“หัวหน้า ! ” คาดไม่ถึงว่าในระยะห่างหลายร้อยหมี่เช่นนี้ หัวหน้าใหญ่จะโดนคนยิงตาย “ทุกคนระวัง บนเรือมีนักยิงธนู ! พวกพี่น้องทั้งหลาย ลุย ! แก้แค้นให้หัวหน้าใหญ่ ! ”

เจียงโม่หานหูดีกว่าคนปกติ เขาก็คาดไม่ถึงว่าคนที่ภรรยายิงตายจะเป็นถึงหัวหน้าของโจรสลัด เมื่อเขามองขึ้นไปก็เห็นเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมของเด็กน้อย นางกำลังหยิบลูกธนูออกมาอีกสองดอกแล้ววางฟาดไว้บนธนูสุริยันพร้อมกัน คราวนี้นางไม่ได้เล็งไปที่โจรบนเรือ แต่เป็นลำเรือของอีกฝ่ายเลย…

หลินเว่ยเว่ยง้าวเหนี่ยวคันธนูจนสุดแล้วก็ปล่อยสายอย่างรวดเร็ว ลูกธนูสองดอกพุ่งทะลุอากาศจนเกิดเป็นเสียงหวีดร้องขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่สันท้องเรือด้านหน้าของอีกฝ่าย

[i]
1 คุนเผิง คือปลาที่กลายเป็นนกในปรัชญาของจวงจื่อ หมายถึงผู้ยิ่งใหญ่