บทที่ 592 มิติวัฏจักร บรรพชนพุทธเบิกนภา

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 592 มิติวัฏจักร บรรพชนพุทธเบิกนภา

มิติพิเศษที่เปิดรับสิ่งมีชีวิตจากแดนเซียนพิภพหรือ

แผนการนี้ดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

หานเจวี๋ยลอบสงสัยอยู่ในใจ

จอมอริยะเสวียนตูกล่าวต่อว่า “วิธีการนี้มีผู้ทรงพลังมากมายในแดนเทพหวนปัจฉิมเคยใช้มาก่อน ผลลัพธ์ไม่เลวเลย และเมื่อพวกเขาเคยใช้มาก่อน ก็ทำให้พวกเราตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ยากนัก พวกเราคัดเลือกสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่ง ใช้รางวัลดึงดูดสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้ทำภารกิจ ลบล้างแม่น้ำโชคชะตาของแดนเซียนพิภพ รอจนแม่น้ำโชคชะตาปั่นป่วนโกลาหล มรรคาสวรรค์ล่มสลาย แดนเซียนพิภพก็จะตกเป็นของพวกเรา”

มิติแห่งพระเจ้า[1]หรือ

หรือว่าสตรีมมิ่งไม่จำกัดเวลา[2]กันล่ะ

หานเจวี๋ยถาม “หลังจากทำสำเร็จ แดนเซียนพิภพจะเป็นของใคร”

“พวกเราจะก่อตั้งกลุ่มอิทธิพลแห่งหนึ่งขึ้น พวกเราไม่จำเป็นต้องดำเนินการเรื่องนี้เอง ป้องกันไม่ให้ปนเปื้อนผลกรรม”

หานเจวี๋ยลอบด่าในใจว่าชั่วช้า

ความหมายก็คือหากเรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นมา พวกเขาก็สามารถโยนความคิดให้พ้นตัวได้

หานเจวี๋ยถามต่อ “เป็นไปไม่ได้ที่เจิ้นหยวนจือจะไม่สังเกตเห็นกระมัง เรื่องนี้อันตรายเกินไป ข้าไม่เอาด้วย”

จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “เจิ้นหยวนจือชุบเลี้ยงเทพมารทำลายล้าง มีจุดประสงค์แอบแฝง หากได้แดนเซียนพิภพมาครอง พวกเราจะมีโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ ท่านอาจารย์ของข้าคาดเดาว่ามีมรดกตกทอดของบรรพชนเต๋าอยู่ในแดนเซียนพิภพ สำหรับเรื่องนี้ เจิ้นหยวนจือก็ไม่ทราบ หากยึดครองแดนเซียนพิภพได้ พวกเราก็สามารถพัฒนามรรคาสวรรค์แห่งที่สองได้ เพิ่มหนทางรอดอีกสาย”

หานเจวี๋ยถามต่อ “เจ้าจะไปหาผู้ใดอีก”

“มีแค่เจ้ากับข้าก็เพียงพอแล้ว”

หานเจวี๋ยสอบถามอยู่ในใจอย่างเงียบเชียบ ‘สิ่งที่จอมอริยะเสวียนตูพูดเป็นความจริงหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[เขาไม่ได้โกหก]

ไม่ได้โกหกอย่างนั้นหรือ

พูดให้ชัดคือเนื้อความอาจจะไม่ใช่ความจริง เป็นไปได้ว่าจอมอริยะเสวียนตูก็เพียงคาดเดาเอาเช่นกัน

อย่างไรก็ตามขอเพียงจอมอริยะเสวียนตูมีความจริงใจก็พอแล้ว

“ข้าจะทบทวนเรื่องนี้ดูอีกที เจ้าน่าจะไม่รีบร้อนกระมัง” หานเจวี๋ยเปิดปากถาม

จอมอริยะเสวียนตูหยักหน้ารับ เอ่ยว่า “รอเจ้าได้ แต่ช้าสุดก็ไม่ควรเกินพันปี พวกเราต้องเริ่มลงมือแล้ว”

“ได้”

แดนความฝันสิ้นสุดลง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สอบถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าหากข้ายอมเชื่อจอมอริยะเสวียนตู ทำตามที่เขาว่า ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เขามาโผล่ในตำหนักใหญ่อันลึกลับแห่งหนึ่ง ตำหนักกว้างหลายร้อยจั้ง ทอดยาวนับพันจั้ง ผนังตำหนักโปร่งใส มองเห็นธารดาราสุกสกาว เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป เหนือหลังคามีปราณฟ้าบุพกาลซัดตลบปั่นป่วน เมื่อมองไปด้านหน้า สองฟากฝั่งมีเทวรูปในอิริยาบถต่างๆ ตั้งเรียงราย

หานเจวี๋ยมองเห็นซูฉียืนอยู่ตรงข้ามชายลึกลับคนหนึ่ง

ชายลึกลับเปิดปากกล่าว “ดวงชะตาตกเป็นของพวกเราแล้ว จากนี้สามารถเข้าโจมตีมิติอื่นๆ กลืนกินมรรคาสวรรค์น้อยได้แล้ว”

ซูฉีกล่าวว่า “รออีกหน่อยเถิด พลังของผู้กลับชาติมาเกิดยังอ่อนแอเกินไป เทียบกับมิติอื่นๆ ไม่ได้”

“มิใช่ว่าพวกเขาต้องอาศัยการฝึกบำเพ็ญให้ได้รับตบะมาหรอกหรือ แล้วจะรอได้อย่างไร”

ขณะที่ซูฉีกำลังจะตอบ ตำหนักใหญ่พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง

แรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นอย่างหนึ่งเข้าปกคลุม ปราณฟ้าบุพกาลเหนือหลังคารวมตัวกันก่อเป็นใบหน้าขนาดมหึมา มีเพียงเค้าโครงหน้าของมนุษย์เท่านั้น ยากจะวิเคราะห์โฉมหน้าได้

“ฮึ่ม ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าขโมยแดนเซียนพิภพของข้า รนหาที่ตาย!”

หานเจวี๋ยมองเห็นตำหนักเบื้องหน้าสลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวในระดับความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ซูฉีและชายลึกลับคิดจะหลบหนี แต่ถูกพลังที่มองไม่เห็นสกัดขวางไว้ กลายเป็นเถ้าธุลีไปเช่นกัน

ภาพลวงตาวิวัฒนาการสิ้นสุดลงเท่านี้

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

เช่นนี้หมายความว่าพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ

‘ข้าอยากรู้ว่าเจิ้นหยวนจือมีตบะระดับใด’ หานเจวี๋ยถามต่อ ต้องสืบพลังของศัตรูให้กระจ่างก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอาด้วยหรือไม่

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ห้าหมื่นล้านปีหรือ

มีฝีมืออยู่บ้างนี่!

แต่ก็ไม่ได้เกินขอบเขตไป!

ดำเนินการต่อ!

[เจิ้นหยวนจือ: ระดับอริยะเสรีระยะปลาย ปรมาจารย์เซียนพิภพ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต]

อริยะเสรีระยะปลาย ก็ไม่ถือว่าแข็งแกร่งจนเกินไปนัก

หากล่วงเกินเข้า อีกฝ่ายจะบุกเข้ามาจัดการเขาในอาณาเขตเต๋าของเขาได้หรือไม่

หานเจวี๋ยตกอยู่ในภวังค์ความคิด

อันที่จริงเขารู้สึกว่าสามารถร่วมมือกับจอมอริยะเสวียนตูได้ ถึงอย่างไรก็เป็นการส่งตัวเบี้ยเข้าไป มิใช่ลงสนามด้วยตัวเอง

‘หากข้าร่วมแผนการกับจอมอริยะเสวียนตู นานแค่ไหนกว่าเจิ้นหยวนจือจะสัมผัสได้’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[หนึ่งพันล้านปีเป็นอย่างต่ำ ตอนนี้เขากำลังปิดด่านอยู่ในดินแดนมหามรรคแห่งหนึ่ง ตัดขาดจากโลกภายนอก]

พันล้านปีหรือ?

เช่นนั้นจะกลัวอะไรล่ะ!

อีกพันล้านปีให้หลัง หานเจวี๋ยต้องบดขยี้เจิ้นหยวนจือได้ด้วยมือเดียวแน่!

หานเจวี๋ยเริ่มพินิจถึงเหล่าศิษย์ของตนแล้ว

ใช้ศิษย์สืบทอดไม่ได้ หากเกิดเรื่องขึ้นเล่า

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกถึงคนผู้หนึ่ง

จักรพรรดิเซียนวัฏจักร!

จักรพรรดิเซียนวัฏจักรกับผู้กลับชาติมาเกิด ช่างเหมาะสมยิ่งนัก

เขาเข้าฝันจักรพรรดิเซียนวัฏจักรทันที แล้วบอกเล่าเรื่องนี้

จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเงียบไป

หานเจวี๋ยก็ไม่รีบร้อน อดทนรอคอย

ผ่านไปพักใหญ่

จักรพรรดิเซียนวัฏจักรถามขึ้น “เรื่องนี้มีโอกาสสำเร็จเป็นอริยะหรือไม่”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “แดนเซียนพิภพมีมรรคาสวรรค์ของตัวเอง ย่อมสำเร็จเป็นอริยะได้ อีกอย่าง ตัวข้าเองก็มีวิธีการสำเร็จเป็นอริยะ หากทำงานได้ดี ข้าไม่มีทางเอาเปรียบเจ้า ข้าจะร่วมมือกับจอมอริยะเสวียนตู เท่ากับเจ้าจะมีสองอริยะคอยให้การสนับสนุน ซ้ำยังเป็นสองอริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนเซียนด้วย”

จักรพรรดิเซียนวัฏจักรพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยขึ้นว่า “เรื่องนี้ชักจูงเข้าวังเทพได้หรือไม่ ข้าย่อมต้องการผู้ช่วยเช่นกัน”

หานเจวี๋ยส่ายหน้าให้ “ไม่อาจกระโตกกระตากได้ ส่วนเรื่องผู้ช่วย เจ้าพาคนสนิทไปด้วยก็ได้”

“ตกลง!”

จักรพรรดิเซียนวัฏจักรตอบรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยจึงให้เขาไปจัดเตรียมผู้ช่วย

จากนั้น หานเจวี๋ยก็ไม่ได้แจ้งให้จอมอริยะเสวียนตูทราบในทันที แต่เริ่มฝึกบำเพ็ญแทน

กำหนดเวลาหนึ่งพันปี ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้น

….

สามร้อยปีต่อมา

หานเจวี๋ยเข้าฝันจอมอริยะเสวียนตู ตอบตกลงเรื่องนี้

จอมอริยะเสวียนตูยิ้มออกมาอย่างหาได้ยากนัก เอ่ยว่า “ยอดเยี่ยมมาก เจ้าเลือกผู้ดำเนินการไว้แล้วหรือ”

หานเจวี๋ยพยักหน้า

“มิติพิเศษแห่งนี้เจ้าเป็นผู้ตั้งชื่อเถอะ นับเป็นการแสดงความจริงใจของข้า” จอมอริยะเสวียนตูเอ่ย

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่ทำให้แปดเปื้อนผลกรรมแน่ พอพวกเราหารือกันแล้ว เรื่องชื่อก็ตั้งกันตามชื่อของผู้ดำเนินการเถิด ”

เจ้าเล่ห์จริงๆ…รอบคอบนัก!

หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงขรึม “เรียกว่ามิติวัฏจักรแล้วกัน…ข้าจะให้คนไปที่อาณาเขตเต๋าของเจ้า เจ้าจัดการได้เลย ช่วงปกติข้ายังต้องฝึกบำเพ็ญ”

“อืม ได้”

หลังจากแดนความฝันสิ้นสุดลง หานเจวี๋ยไปเข้าฝันจักรพรรดิเซียนวัฏจักรต่อ ให้เขาพาคนไปพบจอมอริยะเสวียนตู ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

จากนั้น หานเจวี๋ยก็เริ่มจับตามอง

จักรพรรดิเซียนวัฏจักรมิได้พาหานทั่วไป จุดนี้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความคิดแอบแฝง

กลับเป็นหานมิ่งที่ไปกับจักรพรรดิเซียนวัฏจักรแทน

สำหรับน้องชายที่สิ้นความสัมพันธ์กันไปแล้วคนนี้ หานเจวี๋ยไม่ใส่ใจสักเท่าไร

หานมิ่งปฏิบัติต่อหานทั่วเป็นอย่างดี หากเผชิญอันตรายเข้าจริงๆ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงหานเจวี๋ยก็จะช่วย แต่ก็เพียงเท่านี้

จักรพรรดิเซียนวัฏจักรพาลูกน้องคนสนิทหนึ่งร้อยคนออกจากแดนเซียน

หานเจวี๋ยปรับสภาวะอารมณ์ เริ่มทะลวงขั้น

เขาสามารถทะลวงขั้นได้ตั้งนานแล้ว จนปัญญาที่ถูกเรื่องของจอมอริยะเสวียนตูรบกวน

จากนี้ไปก็เป็นระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะสมบูรณ์ แล้วตามด้วยระดับอริยะเสรี!

….

นิกายเจี๋ย ภายในอารามเต๋าเจ้านิกาย

หวงจุนเทียนกำลังนั่งสมาธิอยู่ จู่ๆ ศิษย์แจ้งข่าวก็เข้ามาในอาราม

“รายงาน…จักรพรรดิปีศาจอีกาทองพ่ายแพ้ต่อเซียนทองบรรพกาลของสำนักเราแล้ว จนปัญญาที่จู่ๆ สำนักพุทธก็สอดมือเข้ามายุ่ง ช่วยให้เขาหนีไปได้!” ศิษย์แจ้งข่าวเอ่ยเสียงขรึม

หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วพลางถาม “เป็นฝีมือของผู้ใดในสำนักพุทธ”

“บรรพชนพุทธเบิกนภาขอรับ!”

หวงจุนเทียนปรากฏความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า

บรรพชนพุทธเบิกนภาคือบรรพชนพุทธคนใหม่แห่งสำนักพุทธ ตบะเทียมฟ้า พลังลึกล้ำเกินหยั่งวัด ได้ยินว่าอาจจะเป็นระดับครึ่งอริยะ

สำนักพุทธส่งบรรพชนพุทธเบิกนภามา เท่ากับประกาศสงคราม!

………………………………………………………………

[1] มิติแห่งพระเจ้า นิยายแนวข้ามมิติเรื่องหนึ่งของจีน

[2] สตรีมมิ่งไม่จำกัดเวลา นิยายแนวข้ามมิติเรื่องหนึ่งของจีน