ในชั่วพริบตาเดียวลู่โจวก็เข้ามาขวางระหว่างซู่ฮ่องกงกับชายวัยกลางคนได้ ตัวเขาได้ฟาดฝ่ามือแสงสีฟ้าออกมา ฝ่ามือนั้นไม่ได้เข้าจู่โจมชายวัยกลางคน มันเป็นพลังฝ่ามือที่เข้าจู่โจมไปทางซู่ฮ่องกงแทน
ตู๊ม!
ซู่ฮ่องกงสัมผัสได้ถึงแรงกระแทก ตัวเขาที่ถูกโจมตีได้แต่ชี้ไปยังลู่โจวที่กำลังปลอมตัว “นี่มันลอบโจมตี…เจ้า…เจ้าจะต้องตายแน่ อาจารย์ของข้าจะต้องไม่ให้อภัยเจ้า”
“…” ลู่โจวรู้สึกเสียดาย ตัวเขาควรที่จะโจมตีซู่ฮ่องกงให้รุนแรงกว่านี้
หลังจากที่พูดจบ ร่างของซู่ฮ่องกงก็ชนเข้ากับพื้นด้านหลัง ท้ายที่สุดตัวเขาก็หมดสติไป
ลู่โจวยืนอยู่ด้านข้างซู่ฮ่องกง ตัวเขาในตอนนี้สำรวจไปรอบตัวก่อนที่จะพูดออกมา “ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว พาข้าไปหาอาจารย์เจ้าซะ” นี่คือเหตุผลที่ทำให้ลู่โจวต้องทำร้ายซู่ฮ่องกง
ถ้าหากซู่ฮ่องกงซ่อนพลังความแข็งแกร่งที่มีเอาไว้จริงๆ ชายวัยกลางคนคนนี้ก็คงจะไม่อาจล้มซู่ฮ่องกงได้ แต่ถ้าหากฟังจากคำพูดของชายวัยกลางคน ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะยังมีกำลังสนับสนุนอีก ถ้าหากลู่โจวไม่เข้ามายุ่งกับการต่อสู้ ยังไงซะชายวัยกลางคนก็จะต้องใช้กำลังเสริมอยู่ดี
นอกจากนี้ลู่โจวยังสัมผัสได้ว่าชายคนนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะสังหารซู่ฮ่องกง
ชายวัยกลางคนก้าวถอยหลังก่อนจะพูดต่อ “แล้วท่านคือ?”
“ข้าแซ่ลู่” ลู่โจวตอบกลับไปตามความเป็นจริง
“ขอบคุณที่ช่วยข้า ผู้อาวุโสลู่ แต่ได้โปรดปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องของเขาเถอะ” ชายวัยกลางคนแสดงท่าทีอย่างเป็นมิตร “ข้าจะปล่อยเจ้านั่นให้กับเจ้า แต่เจ้าจะต้องตอบคำถามข้ามาก่อน”
“เชิญผู้อาวุโสถาม”
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร”
“ข้าเจียงผู่”
“แล้วเจ้าจะพาเจ้านั่นไปทำไม?”
“ผู้อาวุโสลู่ ท่านคงเข้าใจตัวข้าผิดไป พวกเราเป็นสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันนานก็เท่านั้น”
“ถ้าหากนั่นเป็นคำตอบของเจ้าจริง เห็นทีข้าคงจะเห็นด้วยกับเจ้าไม่ได้…ทำไมพวกเราไม่ฆ่าเจ้านั่นเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองล่ะ”
“…”
ในตอนนั้นเองซู่ฮ่องกงก็เริ่มเคลื่อนไหว ตัวเขาชี้ไปบนฟ้าก่อนจะพูดออกมา “ใครกัน…สารเลว…ใครกล้าแตะต้องข้าได้…หรือว่าเป็นท่านอาจารย์อีกแล้ว…”
ผั๊วะ! ลู่โจวเตะซู่ฮ่องกง ‘สารเลวนี่กล้านินทาข้าลับหลังอย่างงั้นเหรอ?’
“ผู้อาวุโสได้โปรดหยุดก่อน…” เจียงผู้รีบเข้ามาห้าม “อย่าฆ่าแกงกันเลย พวกเรามาคุยกันดีกว่า!”
“…”
“ผู้อาวุโสลู่ ทำไมท่านถึงอยากเข้ามายุ่งกับเรื่องในครั้งนี้ล่ะ? ท่านไม่กังวลเหรอว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะตามหาท่าน ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะต้องดึงดูดความสนใจของสำนักอเวจีแน่” เจียงผู่พูดเพื่อโน้มน้าวใจ
“เจ้ากลัวศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นสินะ?” ลู่โจวถามกลับ
“ข้าไม่ได้กลัว ข้าก็แค่เคารพพวกเขาก็เท่านั้น…” เจียงผู่พูดต่อ “ถ้าหากเป็นแบบนี้ข้าจะพาท่านไปด้วย ท่านจะได้รู้ทุกอย่างเองเมื่อได้พบกับอาจารย์ของข้า”
‘นี่สิสิ่งที่ฉันรอคอย’ ลู่โจวตอบกลับอย่างใจเย็น “เอาล่ะ นำทางไปซะ!”
…
ที่ลานกว้างห่างไกลจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
“เชิญทางนี้” เจียงผู่พาลู่โจวและซู่ฮ่องกงที่กำลังหมดสติไปยังลานแห่งหนึ่ง
เมื่อทุกคนเข้าไปในลาน ลู่โจวก็ได้พบกับชายหนุ่มที่ดูมีชีวิตชีวาหลายคน ทุกคนต่างก็เหลือบมองทั้งสามด้วยท่าทีที่สงสัย
ลู่โจวตรวจสอบทุกคนก่อนที่จะโยนซู่ฮ่องกงลงบนพื้น
เจียงผู่โค้งคำนับให้กับห้องของผู้เป็นอาจารย์ “ท่านอาจารย์ ข้าพาเขามาได้แล้ว”
“ดีมาก” น้ำเสียงอันแหบพร่าได้ตอบกลับมาจากในห้อง
เอี๊ยด!
ประตูถูกเปิดออก
ลู่โจวยังคงเอามือไขว้หลัง ใครกันที่ต้องการสะกดรอยตามซู่ฮ่องกง? ผู้ชี้แนะองค์จักรพรรดิจากดินแดนหยานอย่างงั้นเหรอ? หรือว่าเป็นพวกศัตรูจากสิบสำนักใหญ่กันแน่? บางทีมันอาจจะเป็นที่ซู่ฮ่องกงพูด สุดท้ายแล้วผู้สะกดรอยตามเป็นเพียงแฟนคลับตัวยง
ผู้ที่ออกมาจากห้องเป็นชายชราที่ดูหลังค่อมเล็กน้อย ที่ผมของเขาขาวโพลน
เมื่อลู่โจวเห็นชายคนนั้นดวงตาของเขาก็เริ่มสว่างขึ้น ‘เจ้านี่มัน!’
ชายชราคนนี้ก็คือซู่เทียนหยวน เขาก็คืออดีตปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธินักบุญโบราณ ปรมาจารย์ที่หายหน้าหายตาไปนานแล้วนั่นเอง
ไม่ว่าจะยังไงนี่ก็เป็นเวลาที่จะมาระลึกถึงเรื่องความหลัง ตัวเขาต้องทำเป็นไม่รู้จักซู่เทียนหยวนซะก่อนเพื่อดูท่าทีของชายชราคนนี้
“ท่านปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์!”
ทุกคนที่อยู่ภายในนั้นต่างก็โค้งคำนับให้ เจียงผู้ได้พูดแนะนำขึ้น “ท่านอาจารย์ ผู้อาวุโสท่านนี้ก็คือผู้อาวุโสลู่ เขาเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือข้าในการจับตัวนายน้อยกลับมา”
ลู่โจวพยักหน้า
ซู่เทียนหยวน ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์มองไปที่ซู่ฮ่องกงที่กำลังนอนหลับสนิท ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้ารู้ดีตัวเองไม่เหมาะที่จะเป็นอาจารย์! เจ้าน่ะดูไม่เหมือนกับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เลย…” หลังจากที่วิพากษ์วิจารณ์ซู่ฮ่องกงเสร็จ ตัวเขาก็เหลือบมองไปที่ลู่โจวด้วยความสงสัย ท่านไม่ตกใจกลัวอย่างงั้นเหรอ?”
“ทำไมข้าต้องตกใจกลัวด้วยล่ะ?” ลู่โจวตอบกลับ
ซู่เทียนหยวนประเมินลู่โจวก่อนที่จะพยักหน้า “น่าสนใจ”
“ผู้อาวุโสลู่ บอกตามตรงว่าศิษย์คนที่แปดแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าก็คือบุตรชายของท่านปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์” ‘บอกมาเลยสิ ฉันจะได้รู้ทุกอย่างสักที’ แม้ว่าจะคิดแบบนั้นแต่ลู่โจวก็ไม่กล้าตอบ “ข้าพอจะรู้อยู่บ้าง”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าไม่สามารถจัดการเขาได้” เจียงผูjพูดเสริม
“ไม่แปลกใจที่เจ้าห้ามข้า”
ซู่เทียนหยวนได้พูดต่อ “ไม่เป็นไร…ท่านก็แค่หวังดีคิดช่วย ตอนนี้พวกเราก็ได้สะสางเรื่องทั้งหมดแล้ว ยังไงก็ขอให้ท่านกลับไปซะเถอะ”
“ช้าก่อน” ลู่โจวพูด
“มีอะไรกัน?”
“ข้าก็แค่อยากจะรู้เรื่อง…ยังไงซะเจ้านี่ก็เป็นสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้า ทำไมเจ้าไม่ไปเยี่ยมเยียนจีเทียนเด๋าโดยตรงแต่เลือกที่จะสะกดรอยตามล่ะ?” ลู่โจวถามกลับ ตัวเขาไม่คิดที่จะจากไปแน่ถ้าหากไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้คิดที่จะเก็บความลับเอาไว้ “ผู้อาวุโสลู่ ข้าคิดว่าท่านน่ะทำเกินไปแล้วนะ”
“ข้าเป็นคนพาเขามาที่นี่ เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะย่อมมีส่วนร่วมด้วย” ลู่โจวตอบกลับ
ซู่เทียนหยวนขมวดคิ้ว “ท่านเป็นใครทำไมถึงต้องเข้ามายุ่งเรื่องของลัทธินักบุญโบราณด้วย?”
“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ข้าก็แค่ต้องการจะรู้เรื่องด้วย”
คำตอบนี้ได้ทำให้ซู่เทียนหยวนงุนงง ตัวเขาเหลือบมองดูลู่โจวอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “ท่านมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำ นั่นคงจะเป็นที่มาของความมั่นใจท่านอย่างงั้นสินะ…ข้าได้ยินมาจากเจียนผู่ว่าท่านอยากจะสังหารลูกชายของข้า?”
ลู่โจวจงใจถามกลับไป “จอมวายร้ายนั่นไม่ควรจะถูกฆ่าอย่างงั้นเหรอ?”
“เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบจีเทียนเด๋า แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบคนแรกของโลก ท้ายที่สุดแล้วผู้แข็งแกร่งก็คือผู้มีอำนาจ ในตอนที่เขาใช้กระจกทองคำเปิดเผยตัวตนสายลับเพื่อช่วยชาวเมือง ในตอนนั้นก็ทำให้ข้ารู้สึกประทับใจ…ศิษย์คนแรกของเขาอย่างยู่เฉิงไห่ก็ยังยอมต่อสู้เพื่อปกป้องชาวเมือง สิ่งที่ได้ทำมาทั้งหมดไม่คู่ควรที่จะได้รับความเคารพจากท่านอย่างงั้นเหรอ?” ซู่เทียนหยวนถาม
ในตอนนั้นเองซู่ฮ่องกงก็ฟื้นคืนสติ
เจียงผู่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ตัวเขาได้สกัดจุดของซู่ฮ่องกงด้วยสองนิ้วในทันที “นายน้อย!”
ซู่ฮ่องกงมองไปรอบตัวก่อนที่จะพูดอย่างขุ่นเคือง “ใครคือนายน้อยเจ้ากัน? ที่นี่ที่ไหน? ใครกันที่ทำร้ายข้าในก่อนหน้านี้? ช่างไร้ยางอาย! เป็นผู้ชายซะเปล่าแต่เลือกวิธีลอบกัด!”
“…” ลู่โจวถึงกับพูดไม่ออก ‘ฉันน่าจะโจมตีให้แรงกว่านี้ พลาดไปแล้วจริงๆ’ ลู่โจวได้แต่คิดเสียใจ
ซู่ฮ่องกงมองตรงไปที่ลู่โจวและซู่เทียนหยวน
ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็คุกเข่าลงในทันที “นายน้อย!”
ซู่ฮ่องกงยิ่งสับสนไปกว่าเดิม
ซู่เทียนหยวนก้าวไปด้านหน้าด้วยความตื่นเต้น “ลูกข้า…เจ้าจะต้องทุกข์ทรมานกับการดูแลของจีเทียนเด๋ามามากแค่ไหนนะ! ดูเจ้าสิ ผอมแห้งไปหมดแล้ว”