เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ได้อยู่อย่างสันติและกำลังกลับซ่อมแซมตัวเองอีกครั้ง ใครกันที่จะกล้าตามซู่ฮ่องกงได้?
ลู่โจวถามกลับ “เจ้าแน่ใจแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
พรึ๊บ!
ซู่ฮ่องกงคุกเข่าลงกับพื้น ในตอนที่คุกเข่าตัวเขาเหลือบมองยี่เทียนซินก่อนจะพึมพำออกมา “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ช่วยขยับไปหน่อยได้ไหม? ข้าต้องการพื้นที่ในการทำความเคารพน่ะ”
“???” ยี่เทียนซินได้แต่สงสัย
ซู่ฮ่องกงยกนิ้วขึ้นก่อนจะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ ท่านอาจจะไม่รู้ ในตอนที่ข้าอยู่ในหุบเขาพยัคฆ์ ในตอนนั้นข้าต้องระมัดระวังตัวอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด”
ยี่เทียนซินถามออกมา “ระมัดระวังตัวอย่างเข้มงวด?”
“ถูกต้องแล้ว มันถือเป็นสัญชาตญาณของข้าน่ะ…หลายวันมานี้ข้ารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังตามข้ามา เจ้านั่นจับตาดูข้าอยู่ห่างๆ เสมอ ท่านอาจารย์ ข้าเคยได้ยินมาว่ามันจะมีผู้คลั่งไคล้หลงใหลอะไรในบางอย่าง คนพวกนั้นมักจะทำอะไรแปลกๆ อยู่เสมอ ท่านอาจารย์ข้าควรจะทำยังไงดี?”
ลู่โจวและยี่เทียนซินที่ฟังแบบนั้นพูดไม่ออก
ยี่เทียนซินที่เห็นบรรยากาศรู้สึกอึดอัดใจ ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะทำความเคารพอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์ ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน”
“เอาล่ะ” หลังจากที่ยี่เทียนซินจากไป ลู่โจวก็เหลือบมองซู่ฮ่องกง “เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองหลวงหรือว่าพระราชวังกัน?”
“บางครั้งก็เกิดที่เมืองหลวง บางครั้งก็อยู่ในพระราชวัง”ตัวอย่างเข้มงวด?”
“ถูกต้องแล้ว มันถือเป็นสัญชาตญาณของข้าน่ะ…หลายวันมานี้ข้ารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังตามข้ามา เจ้านั่นจับตาดูข้าอยู่ห่างๆ เสมอ ท่านอาจารย์ ข้าเคยได้ยินมาว่ามันจะมีผู้คลั่งไคล้หลงใหลอะไรในบางอย่าง คนพวกนั้นมักจะทำอะไรแปลกๆ อยู่เสมอ ท่านอาจารย์ข้าควรจะทำยังไงดี?”
ลู่โจวและยี่เทียนซินที่ฟังแบบนั้นพูดไม่ออก
ยี่เทียนซินที่เห็นบรรยากาศรู้สึกอึดอัดใจ ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะทำความเคารพอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์ ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน”
“เอาล่ะ” หลังจากที่ยี่เทียนซินจากไป ลู่โจวก็เหลือบมองซู่ฮ่องกง “เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองหลวงหรือว่าพระราชวังกัน?”
“บางครั้งก็เกิดที่เมืองหลวง บางครั้งก็อยู่ในพระราชวัง” “งั้นคืนนี้เจ้าก็อยู่กับข้า”
“หะ?” ซู่ฮ่องกงผงะ ตัวเขาคิดมาเสมอว่าผู้เป็นอาจารย์จะชื่นชมในความสามารถ
“เจ้ามีปัญหาอะไรอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวเหลือบมองซู่ฮ่องกงด้วยสายตาอันเฉียบแหลม
“ไม่ ข้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว…ขอบคุณท่านอาจารย์!” ซู่ฮ่องกงได้แต่เก็บความเสียใจเอาไว้
ลู่โจวชี้ไปที่เบาะนั่งที่อยู่ไม่ไกล “นั่งตรงนั้นและฝึกฝนกับข้าซะ”
“…” ซู่ฮ่องกงรู้สึกเสียใจมากกว่าเก่า ตัวเขาได้แต่เดินไปยังเบาะนั่งก่อนจะนั่งลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลู่โจวเหลือบมองซู่ฮ่องกงด้วยหางตาก่อนที่จะตำหนิผู้เป็นศิษย์ “เหยียดหลังให้ตรง สงบลมหายใจ และตั้งสมาธิซะ”
“ครับ” ซู่ฮ่องกงเหยียดพลังตรงราวกับหลังของเขาถูกมัดติดเสา “ท่านอาจารย์…จู่ๆข้าก็รู้สึกได้ว่าไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับเจ้าคนที่สะกดรอยตามนั่น ข้าว่าข้าสามารถจัดการมันได้แน่”
ลู่โจวไม่ได้ลืมตา ตัวเขาพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์แทน “สามหาว!”
“…” ซู่ฮ่องกงสั่นไปทั้งตัว เขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวหรือพูดอะไรอีกต่อไป
“ติ้ง! สั่งสอนซู่ฮ่องกงได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
…
ตกดึก
ลู่โจวไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวอะไร ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในการทำสมาธิ
ซู่ฮ่องกงได้แต่ขยับไปมาบนเบาะนั่ง แม้ว่าจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ยิ่งคิดมากเท่าไหร่เวลาก็ช่างยาวนาน ในที่สุดตัวเขาก็ผล็อยหลับไป
ลู่โจวลืมตาขึ้นก่อนที่จะเหลือบมองซู่ฮ่องกง ตัวเขาส่ายหัวก่อนที่จะเลิกสนใจศิษย์คนนี้ไป ตัวเขากลับมาทำสมาธิอีกครั้ง
หลังจากที่ผ่านไปทั้งคืน ลู่โจวก็สัมผัสไม่ได้ว่ามีใครเข้ามาใกล้หรือพยายามที่จะสะกดรอยตามซู่ฮ่องกง
เมื่อถึงตอนเช้า ลู่โจวก็ลืมตาขึ้นมา ตอนนี้ตัวเขามีพลังวิเศษมากพอแล้ว
ซู่ฮ่องกงยังคงนอนหลับสนิทราวกับท่อนไม้ที่ตายด้าน เสียงกรนของเขาช่างน่ารำคาญเกินกว่าเสียงอะไร ที่ริมฝีปากของเขายังเต็มไปด้วยคราบน้ำลาย
ลู่โจวที่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ‘นี่คือสิ่งที่สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าควรทำอย่างงั้นเหรอ?’
“เจ้าศิษย์ไม่รักดี”
“ห๊ะ!” ซู่ฮ่องกงสะดุ้งตื่น ตัวเขารีบเช็ดน้ำลายก่อนที่จะก้มคารวะลู่โจว “ท่านอาจารย์! อรุณสวัสดิ์!”
“ในเมื่อเจ้าไม่คิดที่จะฝึกฝนตัวเอง จงไปเดินตรวจตราเมืองซะ หากพบกับสายลับชนเผ่าอื่นก็จัดการพวกมัน”
ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังแบบนั้นดีใจมาก “ท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่”
หลังจากที่พูดจบลู่โจวก็ได้เดินออกจากห้องไป ที่ด้านหน้าของเขามีซู่ฮ่องกงคอยเดินนำ ลู่โจวเห็นเครื่องหมายอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านหลังคอเสื้อของซู่ฮ่องกง
เครื่องหมายนั้นกะพริบอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะจางไปอย่างรวดเร็ว มันเป็นเครื่องหมายติดตามนั่นเอง มันเป็นสิ่งที่สามารถสังเกตและกำจัดได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นเครื่องหมายที่มีระดับสูงกว่าเครื่องรางที่สำนักเซียนสวรรค์เคยใช้ การใช้เครื่องหมายติดตามได้มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกจับได้ และการวางเครื่องหมายบนเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างน้อยที่สุดผู้วางเครื่องหมายจะต้องอยู่ใกล้เป้าหมายมากพอ ผู้ฝึกยุทธธรรมดาคงจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้ และเครื่องหมายที่เห็นเองก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธของดินแดนหยานมี “ท่านอาจารย์ ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน” ซู่ฮ่องกงโค้งคำนับให้
“ช้าก่อน” ลู่โจวยืนตบไหล่ของซู่ฮ่องกง ในตอนนั้นเองเครื่องหมายจางๆ อีกอันก็ปรากฏขึ้น
“ไปซะ”
ค่าความภักดี: +2%
‘ท่านอาจารย์เอาใจใส่ข้าขึ้นมาก!’
“ถ้างั้นข้าขอตัว!”
หลังจากที่ซู่ฮ่องกงออกจากพระราชวังหลวงไป ลู่โจวก็รออีกครู่หนึ่งก่อนที่จะเดิมตามซู่ฮ่องกงไป แน่นอนว่าไม่มีทหารราชสำนักคนไหนกล้าหยุดเขา
เมื่อพบกับที่รกร้างด้านนอกพระราชวัง ลู่โจวก็ตัดสินใจพลิกฝ่ามือ ทันใดนั้นการ์ดแปลงโฉมก็ถูกใช้งาน ผิวหนังและใบหน้าของลู่โจวได้เปลี่ยนแปลงไปในทันที ความรู้สึกที่เคยมีได้จางหายไป
ลู่โจวได้ยกมือขึ้นก่อนที่จะสัมผัสใบหน้าใบหน้าที่เคยเหี่ยวเฉาได้เรียบเนียนขึ้นราวกับเป็นคนใหม่ ผมลู่โจวเองก็มีสีเข้มเพิ่มมากขึ้น
‘การ์ดแปลงโฉมเป็นการ์ดที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้กลับกลายเป็นรูปลักษณ์ที่เคยมีอย่างงั้นเหรอ?’
ก่อนที่ลู่โจวจะได้มาต่างโลก สมัยก่อนตัวเขาเคยเป็นชายหนุ่มมาก่อน ถ้าหากลู่โจวบอกว่าไม่อยากจะกลับกลายเป็นหนุ่ม ตัวเขาก็คงจะต้องโกหกแน่ แต่ความจริงช่างโหดร้าย ตัวเขายังมีการ์ดพลังชีวิตไม่พอ ไม่ว่ายังไงตัวเขาก็จะกลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนอะไร
ลู่โจวได้เดินสบายๆ ไปตามถนน ตัวเขาสัมผัสได้ว่าเครื่องหมายบนตัวของซู่ฮ่องกงยังคงมีผลอยู่
เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นซากปรักหักพังที่เคยมีก็ถูกแทนที่ด้วยอาคารบ้านเรือน
มีผู้ฝึกยุทธหลายคนกำลังดูเร่งรีบ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังยุ่ง บางทีอาจจะเป็นเพราะคำสั่งของฮั๊วจงหยางที่บินไปมาภายในเมืองที่กำลังถูกสร้างได้จึงทำให้เมืองหลวงแห่งนี้มีชีวิตชีวามากกว่าเดิม
ไม่นานนักลู่โจวก็สัมผัสกับเครื่องหมายได้ ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นรีบเร่งความเร็ว ในที่สุดลู่โจวก็พบกับซู่ฮ่องกง ซู่ฮ่องกงเดินไปตามถนน ตัวเขาดูเฉื่อยชาและดูไร้จุดหมาย
ลู่โจวเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของซู่ฮ่องกงดี แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ตัวเขามองไปรอบๆ ก่อนที่จะมองหาผู้สะกดรอยตาม ลู่โจวยังคงเดินตามซู่ฮ่องกงต่อไป
ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มีความใหญ่พอๆ กับเมืองมณฑลทั้งเก้า หลังจากที่เดินมาเป็นเวลานานลู่โจวก็ได้ผ่านพื้นที่รกร้างของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ไป แม้จะเดินมาไกลแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีคนสะกดรอยตาม
‘นี่ฉันคิดมากไปสินะ? แต่เครื่องหมายนั่น…’
ลู่โจวยังคงใช้ความคิดในขณะที่มีชายวัยกลางคนเดินขวางซู่ฮ่องกงไว้
ซู่ฮ่องกงขมวดคิ้ว “ไปให้พ้นทางข้าซะ”
ชายวัยกลางคนตอบกลับมา “ข้าอยากให้ท่านตามข้ามา”
ซู่ฮ่องกงกระโดดถอยหลังกลับไป “หรือว่า…เจ้าคือคนที่สะกดรอยตามข้า!”
“ข้าไม่มีทางเลือก…เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยผู้คน ข้ามีแต่จะต้องใช้วิธีการนี้”
“เจ้าสะกดรอยตามข้ามาหลายวันแล้ว เจ้าน่าจะรู้ดีสินะว่าข้าเป็นใคร?” ซู่ฮ่องกงยืดอกขึ้น “ข้าจะยอมบอกกับคนใกล้ตายอย่างเจ้าก็ได้!”
“…”
“ข้าก็คือศิษย์คนที่แปดแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ซู่ฮ่องกง เป็นยังไงกัน? กลัวข้าแล้วสินะ? จงคุกเข่าอ้อนวอนข้าซะ ถ้าหากเจ้ายอมทำบางทีข้าอาจจะให้อภัยเจ้าก็ได้ ท้ายที่สุดแล้วข้าก็เข้าใจดีว่าเจ้าไม่คู่ควรกับข้า”
ชายวัยกลางคนมองไปที่ซู่ฮ่องกงด้วยสายตาอันซับซ้อน ตัวเขาได้แต่ส่ายหัว ดูเหมือนว่าซู่ฮ่องกงจะไม่ได้ฉลาดอะไร “ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าก็แค่อยากพาท่านมากับข้า ในตอนที่ท่านพบกับอาจารย์ข้าท่านก็จะเข้าใจเอง”
“เอ๊ะ? เจ้าไม่กลัวอย่างงั้นเหรอ?”
ชายวัยกลางคนขยับตัวก่อนที่จะเริ่มโจมตีอย่างรวดเร็ว ที่นิ้วมือของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยพลังงาน เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ก็คือยอดฝีมือ
ลู่โจวพยายามสงบอารมณ์เพื่อเก็บซ่อนพลังที่มีให้ได้มากที่สุด
ชายวัยกลางคนมั่นใจว่าการโจมตีนั้นจะต้องไปถึงซู่ฮ่องกงแน่ แต่แล้วซู่ฮ่องกงก็ได้ใช้พลังอัสนีบาตรทั้งเก้าโต้กลับ!
ตู๊ม!
ชายวัยกลางคนเดินโซเซถอยกลับมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“หืม?” พลังอัสนีบาตรทั้งเก้าถูกปลดปล่อยออกมาตามสัญชาตญาณ มันเป็นการโจมตีที่ลู่โจวไม่คาดหวังว่าซู่ฮ่องกงจะใช้ได้
ซู่ฮ่องกงมองไปที่ชายวัยกลางคน “กล้าลอบโจมตีข้าอย่างงั้นสินะ?”
ชายวัยกลางคนไม่ได้เคลื่อนไหวต่อ ถ้าหากเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้น มันจะต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนได้แน่ ตัวเขาที่คิดแบบนั้นจึงลดมือลง “ข้าไม่ได้จะทำอันตรายอะไรท่าน…ข้าก็แค่อยากให้ท่านพบกับอาจารย์ข้า”
“ข้าขอโทษด้วย แต่ข้าน่ะกำลังยุ่ง”
“ท่านแปด ท่านจะไม่ไปกับข้าอย่างงั้นสินะ?”
“ถ้าหากเจ้ายังคงตามตื๊อ ข้าจะส่งเสียงเรียกขอความช่วยเหลือแน่!”
พรึ๊บ!
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง