ตอนที่ 462 ข้าควรมีแผนเล็กๆ ก่อน (2)
สองชั่วยามต่อมา…
“ฉางโซ่ว แผนการเหล่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว พวกเราจะสังหารสัตว์ร้ายบรรพกาลโดยไม่โจมตีภูเขาวิญญาณ เจ้าคิดเห็นเป็นอย่างไร?
หากเกิดเหตุไม่คาดฝันใดๆ ข้าก็ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยจัดการได้ทันที”
“อืม ในเมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เห็นว่าเป็นไปได้ เช่นนั้นก็ทำตามนั้นเถิดขอรับ ศิษย์เพียงให้คำแนะนำที่ไร้ประโยชน์ แผนขั้นสุดท้ายก็ยังคงต้องให้ท่านเป็นผู้ตัดสินใจขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์ขอบังอาจแนะนำหมากที่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินวางเอาไว้ที่สำนักบำเพ็ญประจิมได้หรือไม่ขอรับ?
นางน่าจะมีมิตรภาพกับจักจั่นทองหกปีกอยู่บ้าง บางทีนางอาจพอจับจุดอ่อนของจักจั่นทองหกปีกได้ด้วยขอรับ
และด้วยวิธีนี้ ศิษย์ก็จะมั่นใจได้มากขึ้นเมื่อทำการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและนั่งลงบนเก้าอี้กลมพลางยิ้มและกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าวางใจได้จริงๆ แล้วว่า ต่อจากนี้ไป ข้าจะให้เจ้าจัดการงานต่างๆ ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
ไป ไป เจ้าอยากให้ข้าช่วยปกปิดที่อยู่ของนางด้วยหรือไม่?”
“เพียงท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยใช้พลังเวทของท่านเข้าห่อหุ้มสถานที่แห่งนี้ด้วยขอรับ นับว่านางเป็นคนระวังตัวเช่นกัน นางน่าจะมีวิธีป้องกันตัวนางเอง
เพียงแต่ศิษย์ไม่อาจเปิดเผยตัวตนของศิษย์เองได้ จึงต้องปลอมตัวเองขอรับ”
“อืม” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า วิชาแปลงร่างของเจ้าจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร มา มาดูกัน”
หลี่ฉางโซ่วรับคำสั่งทันทีและท่องคาถาเงียบๆ ในใจ แล้วร่างของเขาก็หมุนไปครึ่งรอบก่อนจะกลายร่างเป็นรูปลักษณ์ปกติที่ใช้ทั่วไปของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพแห่งท้องทะเล
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มพลางหรี่ตา เขาไม่เผยความคิดเห็นใดๆ และเพียงกล่าวว่า “ไปจัดเตรียมการเถิด”
หลี่ฉางโซ่วรับคำและหลับตาลงทันทีเพื่อเพ่งสมาธิ ทำให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เริ่มเคลื่อนไหว
ข้าจะฉวยโอกาสนี้ เติมเต็มความปรารถนาอันยาวนานของผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง โดยให้นางติดต่อกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการได้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็จะไม่ผิดสัญญากับผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง
เยี่ยมมาก… ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่?!
บนชายหาดร้างทางตอนใต้ของเมืองอันสุ่ย มีปลาตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากทะเล มันพยุงตัวขึ้นจากพื้นผิวทะเลและจ้องมองไปยังเด็กสาวที่กำลังถือขลุ่ย
จากนั้น เด็กสาวก็ส่งข้อความเสียงไปว่า “ไม่ต้องกังวล ปลอดภัย ห้ามเปิดเผยตัวเจ้าเอง”
ในขณะนั้น ปลาตัวนั้นยังคงพยักหน้า จากนั้นก็หายวับไปพร้อมกับกระแสคลื่นที่ซัดเข้ามา
ในถ้ำที่อยู่เชิงเขาภูเขาวิญญาณ ร่างที่เดิมนอนตะแคงอยู่บนเตียง จู่ๆ ก็ลุกขึ้นกะทันหัน นางโบกมือเบาๆ แล้วแขนเสื้อกว้างของชุดผ้าโปร่งของนางก็พลิ้วไหวตาม
‘เขา…เขาจะไปพบข้าหรือไม่?’
ในขณะนั้น ดวงตาหงส์ของผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง มีระลอกคลื่นไปมาเล็กน้อย แต่นางก็แค่นเสียงออกมาอีกครั้งทันทีพร้อมกับเชิดคางเรียบเนียนของนางขึ้นเล็กน้อย
‘ราชินีผู้นี้แค่ให้ใบหน้าเจ้าบ้าง เจ้าคิดจริงๆ หรือว่า เพียงเพราะเจ้าเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์เทพ แล้วจะสูงส่งยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งเหนือกว่าข้าได้? เจ้าถึงจะมาตะโกนสั่งราชินีผู้นี้
เหอะ ข้าทำเรื่องนี้เพียงเพื่อเห็นแก่เทพแห่งท้องทะเลเท่านั้น…
ข้าสับสนวุ่นวายแล้วจริงๆ เพราะเทพแห่งท้องทะเลก็ยังต้องเชื่อฟังเขา
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงนั่งอยู่ตรงนั่นด้วยความงุนงงอยู่พักหนึ่งก่อนจะแค่นเสียงดัง ‘ชิ’ ออกมา แล้วลอยไปที่สระน้ำใสอีกด้านหนึ่งด้วยท่าทางอิ่มอกอิ่มใจเล็กน้อย
ชุดกระโปรงผ้าโปร่งบางของนางพลิ้วปลิวไสวไปตามสายลมราวกับหมอก นางดูขวยเขินขณะที่อาบน้ำ และแต่งตัวแต่งหน้า
นางเปลี่ยนเป็นชุดผ้าโปร่งบางที่เตรียมไว้เมื่อนานมาแล้ว และรู้สึกว่ามันออกจะ ‘ดูโบราณ’ เกินไปเล็กน้อย ซึ่งแตกต่างจากตัวตนปกติของนางมากไป ดังนั้น จึงรีบรวบรวมเสื้อผ้าที่แตกต่างกันออกมาหลายชุด ทว่าหลังจากเลือกแล้วเลือกอีก ในที่สุด นางก็ยังคงจบลงด้วยการเลือกสวมชุดกระโปรงสีแดง
ทว่านางก็ปกปิดไหล่ที่มีกลิ่นหอมและกระโปรงที่ไม่ได้มีรอยผ่าแยกเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงเสน่ห์ที่น่าหลงใหลตามปกติในเรือนร่างของนางด้วยลักษณะที่เย้ายวนใจและเสริมด้วยกลิ่นอายเหนือสรรพสิ่ง เหนือโลกีย์ ไร้สิ่งใดเจือปน และคุ้นชินกับการสวมรองเท้าปักลาย
โดยปกติแล้ว นางไม่ชอบพิธีการ แต่วันนี้ นางก็สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดบ้าง ทั้งยังเพิ่มสาบเสื้อด้านใน[1]
นางคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการแต่งหน้าของนาง และประแป้งอย่างพิถีพิถัน หวีเส้นผมยาวดุจแพรไหมดำขลับไปด้านหลังพร้อมกับจอนผมของนาง แล้วม้วนเป็นมวยเมฆคล้อย จากนั้นก็ยืนหมุนตัวอ้อยอิ่งครึ่งรอบที่หน้าสระน้ำ
เหอะ ข้าจะทำให้เจ้าตะลึงงันไปเลย! แล้วก้มกราบลงใต้ชายกระโปรงพลิ้วของราชินีผู้นี้ ฮ่าฮ่าฮ่า…
ณ เวลานี้!
“เจ้ามีปัญหาอันใดหรือไม่? หากไม่สะดวกมาก็อย่าฝืนตัวเอง”
แน่นอนว่า นี่เป็นสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวกับหุ่นเชิดยุงโลหิต
“ไม่มี ไม่มีอะไร ข้าเพิ่งคุยกับศิษย์สำนักบำเพ็ญประจิมสองสามคน” ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรีบตอบในใจก่อนจะเม้มปาก เลิกคิ้ว และกลอกตา จากนั้น ก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วร่างของนางก็หายวับไปในอากาศ
นางเป็นปรมาจารย์ในการซ่อนตัวและป้องกันไม่ให้ผู้อื่นตรวจจับนางได้
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ไม่ได้ถูกสงสัย และจอมปราชญ์ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จึงไม่มีใครสนใจเป็นพิเศษว่านางอยู่ที่ใด
เพื่อความปลอดภัย ผู้บำเพ็ญเหวินจิงได้ใช้วิธีสองสามวิธีเพื่อปกปิดที่อยู่ของนางในเวลาเดียวกัน นางเลือกสถานที่ที่ปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่ของสำนักบำเพ็ญประจิม มักจะมารวมตัวกัน ในระหว่างทางนั้น นางก็ใช้พลังเวท ปล่อยร่างจำแลงของนางออกไปที่นั่นในขณะที่ร่างหลักของนางแอบรีบไปยังเมืองอันสุ่ยอย่างลับๆ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ที่ห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล
ในขณะนี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงได้ปรากฏตัวที่ด้านนอกห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล เมื่อนางรู้สึกถึงอักขระเต๋าของสมบัติเซียนเทียน หัวใจเต๋าของนางก็สั่นเล็กน้อย
เดิมทีนางเชิดศีรษะขึ้นสูงและเบ่งหน้าอกขณะที่ก้าวออกไปข้างหน้า ทว่าหลังจากเดินไปได้สองก้าว สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นคนที่กำลังงีบหลับอยู่ด้านหลังที่นั่งของเจ้าของห้องโถง แล้วอดจะเปลี่ยนเป็นก้าวย่างดอกบัว[2]ของนางอย่างไม่รู้ตัวไม่ได้
ขณะที่ก้าวไป นางก็เบี่ยงออกจากเส้นทางของพวกเขา และมาถึงทางด้านซ้ายของประตูห้องโถงด้านในด้วยวิธีลับบางอย่าง จากนั้น นางก็จับกรอบประตูใหญ่ด้วยมือเรียวยาว พลางยื่นศีรษะ เข้าไปมองด้านใน
กลิ่นอายทรงพลังอะไรเช่นนี้!
ความรู้สึกหวาดกลัวและความรู้สึกย้อนเวลากลับไปเช่นนี้…
มันเป็นเฉกเช่นยามที่นางยังเป็นยุงน้อยที่ไม่รู้ความอะไร ย้อนกลับไปในตอนนั้น เมื่อนางเห็นผู้นำที่ทรงพลังในทะเลเลือด หัวใจของนางก็เต้นแรงเหมือนเด็กสาว
ทว่าหลังจากนั้น ผู้นำคนนั้นก็ถูกนางตบจนแหลกเละ
อืม…
นางครางเบาๆ และกะพริบตาคู่งามดุจแพรไหม แอบส่งสายตาหยาดเยิ้มเย้ายวนใจให้เขา เป็นเขา เป็นเขา เป็นเขา เป็นเขา!
นางตะลึงงันจริงๆ
*แค่กๆ แค่กๆ แค่กๆ*
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไออย่างหนัก แล้วทันใดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนอนหลับสนิท พลันลุกขึ้นนั่งอย่างสงบ ดูเหมือนว่า ผู้บำเพ็ญเหวินจิง ซึ่งอยู่นอกประตู จะตื่นตกใจและรีบถอยไปด้านข้าง
ที่นอกห้องโถง หน้าผากของผู้บำเพ็ญเหวินจิงอยู่ติดกับกรอบประตูในขณะที่นางใช้นิ้วบิดมุมเสื้อผ้าของนาง
ในห้องโถง ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เอียงศีรษะเล็กน้อย เขารู้สึกสับสนพลางขมวดคิ้วและมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งตอนนี้ อยู่ในรูปลักษณ์ของเทพแห่งท้องทะเลและกล่าวว่า
“นี่คือสัตว์ร้ายบรรพกาลที่เจ้าเอ่ยถึง ราชินีแห่งเผ่ายุงโลหิตปีกดำที่โหดเหี้ยม ซึ่งสังหารสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วอดจะพยักหน้าไม่ได้
ราชินีย่อมเป็นราชินีจริงๆ แต่วันนี้ นางอาจจะเสียหายสักหน่อย…
“แค่กๆ!” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กระแอมไอในลำคอและกล่าวว่า “ฉางเกิง คนที่เจ้าเอ่ยถึง มาถึงแล้วหรือไม่”
“นางมาถึงแล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์จะไปเรียกนางมาเดี๋ยวนี้ ขอท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดรอสักครู่ขอรับ”
กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็ถือแส้หางม้าด้วยมือซ้ายและจับชายเสื้อคลุมไว้ด้วยมือขวา แล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
“เหวินจิง เจ้ามานี่ได้แล้ว! ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อยู่ข้างใน ไฉนเจ้าถึงยังยืนอยู่ตรงนั้น…”
หลี่ฉางโซ่วหยุดชั่วคราวเมื่อไปถึงประตู เขาเห็นผู้บำเพ็ญเหวินจิง กำลังถือผ้าเช็ดหน้าไว้ตรงที่ริมฝีปากสีแดงของนาง นางมีน้ำตาที่หางตาของนาง
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเปียกโชกไปหมด ความหลงใหลของนางช่างน่าชื่นชมจริงๆ!
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เหวินจิง…”
“นายท่าน โปรดรอสักครู่” ผู้บำเพ็ญเหวินจิง ปิดปากและรีบส่งเสียงว่า “เมื่อเห็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ข้าก็น้ำลายไหลไม่หยุดอย่างช่วยไม่ได้ ข้าจึงหยุดทันที”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
เขาก่นด่าสาปแช่งด้วยคำหยาบคายของสำนักบำเพ็ญเต๋า หยินและในภาษาของหมู่บ้านสง
………………………………………………………………..
[1] สาบเสื้อด้านในที่เห็นตรงคอปกเสื้อ จะใส่เป็นเหมือนเสื้อผ้าหลายชั้น
[2] ย่างก้าวแบบสาวงามที่มักจะเดินเบาๆ อย่างนุ่มนวล อ่อนช้อย