ตอนที่ 463 พูดคุยเรื่องจอมปราชญ์ (1)
ยามสารท ในดินแดนเทวะทักษิณ
เวลานี้มีการรวมตัวกันที่ชายฝั่งทะเลทักษิณ ศิษย์เพียงคนเดียวของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหล่ามนุษย์กลุ่มแรกที่เทพีหนี่วาสร้างขึ้นมาเอง และยังเป็นชุนหยาง[1]ที่เก่าแก่และอาวุโสที่สุดในโลกบรรพกาล ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ได้พบกับหมากลับแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน— ผู้บำเพ็ญเหวินจิง
ในการพบกันครั้งนี้ ไม่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในโลกบรรพกาลมากนัก ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูใช้รอยยิ้มที่อ่อนโยนและอุปนิสัยส่วนตัวของเขาเพื่อให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงประทับใจอย่างสุดซึ้ง
ภาพเหตุการณ์นั้น อบอุ่นไปด้วยบุปผาบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจายไปทั่วและวิหคส่งเสียงร้องไพเราะเพราะพริ้ง
หลี่ฉางโซ่ว…ในฐานะสักขีพยาน และพ่อสื่อชักนำของเหตุการณ์นี้ เทพแห่งท้องทะเลแห่งศาลสวรรค์ ซึ่งมีตัวตนอื่นๆ อีก เป็นปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ศิษย์รุ่นเยาว์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เครื่องมือเวทซึ่งปรมาจารย์จอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินพึงพอใจที่สุด ผู้สลับนามเทพจันทราน้อยที่ยืนอยู่ในศาลสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมต้นสมบัติเซียงซือน้อย…
ขณะนี้ กำลังเหงื่อแตกพลั่กจริงๆ
นางน้ำลายหกเพราะปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!
เรื่องบ้าบออันใดกัน? ยังกระหาย คิดจะเอาปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไปนึ่งและตุ๋นในซีอิ๊วอีกหรือ?
โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วยังคงยิ้มและพยายามทำให้ทุกอย่างราบรื่น เขาพยายามทำให้สีหน้าท่าทีของผู้บำเพ็ญเหวินจิง ซึ่งในตอนแรก ดูเหมือนว่า จะเขียนออกมาบนใบหน้าของนางว่า “นางเป็นคนรัก หลงใหลในตัวปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่” และเปลี่ยนให้เป็นดูเหมือนว่า “นี่คือวิธีพิเศษที่ยุงดุร้ายบรรพกาลจะแสดงความเคารพ”
ไม่เช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วย่อมจะเข้าใจเหตุผลทั้งหมดหากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ต้องจัดการ สังหารเจ้ายุงดำปีกโลหิตตัวนี้
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงบ้าคลั่ง หลี่ฉางโซ่วจึงจึงตัดประเด็นอื่นๆ ไปเข้าเรื่องทันทีและกล่าวว่า “เหวินจิง ที่ข้าเรียกเจ้ามาเพราะจินฉานจื่อ ก่อนหน้านี้ ในทะเลประจิม จินฉานจื่อได้ทำร้ายร่างจำแลงของข้า เขาดุร้ายและยโสโอหังนัก ในวันนี้ ข้ายังได้เชิญปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อมอบหายนะมาให้จินฉานจื่อผู้นี้ด้วย!”
โชคดีที่ดูเหมือนว่า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะกลับมาเป็นปกติได้บ้างเมื่อกล่าวถึงงานสำคัญจริงจัง… ทว่านางก็ยังมีบางอย่างผิดปกติเช่นกัน
นางเผยท่าทางที่ดูเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมของนางจริงๆ และกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ท่านประสงค์ให้ผู้น้อยดำเนินการหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้ นางยังเคยเรียกตัวเองเป็นบ่าว แต่ตอนนี้ นางเรียกตัวเองว่าผู้น้อย
ชิ แม่สตรีผู้โลเลและชั่วร้าย
“ไม่” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “เจ้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องไปทำที่นั่น จงซ่อนตัวและรอเวลาที่เหมาะสม ครานี้ จงบอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้เกี่ยวกับจักจั่นทอง แล้วข้าจะได้มั่นใจมากขึ้น”
“เจ้าค่ะ” ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรับคำแล้วเริ่มเดินไปมารอบๆ ต่อหน้าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
นางเชิดหน้า ผายอกผึ่ง เผยให้เห็นเรือนร่างของนาง และจงใจส่งเสียงครางเบาๆ นางเปิดเผยด้านที่เป็นผู้ใหญ่และชาญฉลาดรอบรู้ของนาง ทุกการกระทำ ทุกท่วงท่าอิริยาบถ และทุกสายตาจ้องมอง ล้วนได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วคิดย้อนกลับไปในอดีต… เมื่อหลี่โม่โฉว[2]ทำท่าทางเป็นอริต่อเสี่ยวหลงหนี่[3]
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็แย้มริมฝีปากสีแดงของนางออกและกล่าวเบาๆ ว่า “ในความคิดของข้า…” หลี่ฉางโซ่วและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อดจะตั้งใจฟังไม่ได้
“อืม…”
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงขยิบตาไปให้หลี่ฉางโซ่วและถามผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “เทพแห่งท้องทะเล ท่านจะจัดการจั๊กจั่นทองหกปีกหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วลื่นไถลและเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
“ใช่ เร็วเข้า!” หลี่ฉางโซ่วกัดฟันและส่งข้อความเสียงตอบกลับไป
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงกะพริบตาและเดินไปรอบๆ อีกครั้ง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด นางก็กล่าวข้อความบางอย่างที่ไม่น่าฟังผิดว่า “มันยากมาก”
จู่ๆ ห้องโถงด้านในของวิหารเทพทะเลพลันเงียบกริบไปสองสามอึดใจ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และหลี่ฉางโซ่วล้วนเอ่ยอันใดไม่ออก
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงหันกลับมา เม้มปากพลางหลับตา นางอยากจะต่อยตัวนางเองนัก
บัดนี้ ความเฉลียวฉลาด ความโหดเหี้ยม และความเจ้าเล่ห์ของข้าหายไปอยู่ที่ใดกัน! เมื่อถึงเวลาต้องเผยความสามารถของข้า ทว่าข้ากลับไม่อาจรีดเค้นความสามารถใดๆ ออกมาได้เลย!
“นั่นก็มีเหตุผล” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เหวินจิง เจ้ารู้หรือไม่ว่า ที่อยู่ของถ้ำจั๊กจั่นทองนั้นอยู่ที่ใด? มันมีจุดอ่อนใดหรือไม่?”
เหวินจิงรีบกอบกู้สถานการณ์และกล่าวว่า “ถ้ำจักจั่นทองน่าจะอยู่ใกล้กับภูเขาวิญญาณ ข้าไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากนัก ดังนั้น จึงไม่เคยสำรวจเลย ทำให้ยากจะหาจุดอ่อนในตัวเขา
สำหรับสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนเช่นข้าและเขาที่กำเนิดมาจากโลกบรรพกาล พวกเราต้องมีวิธีรักษาชีวิตเพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติมากมายมาได้จนถึงทุกวันนี้ วิธีการต่างๆ เช่นนั้น จะไม่ปรากฏต่อหน้าผู้อื่น
ทว่าในตอนนี้ ข้าก็เพิ่งคิดวางแผนจะทำร้ายเขา
เมื่อเทพแห่งท้องทะเลขอให้ข้ากำจัดเขา ข้าก็แอบฉวยเอาเสี้ยวปราณวิญญาณของเขามาสองเสี้ยว และเพื่อป้องกันไม่ให้เขาสงสัย ข้าก็ทำลายเสี้ยวปราณวิญญาณนั้นต่อหน้าเขา จนทำให้เขาบาดเจ็บมากขึ้น ทว่าข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้ท่าน และข้า … ยังคงมีเสี้ยวหนึ่งอยู่ในกำมือที่นี่ ”
ทันใดนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็สะบัดมือของนางเบาๆ จากนั้น ก็มีเสี้ยวพลังโลหิตติดอยู่ที่ปลายนิ้วของนางแล้วก่อตัวขึ้นเป็นจักจั่นโลหิตตัวเล็กๆ
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงด้วยความชื่นชมพลางยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าทำให้ข้า… และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่สบายใจได้จริงๆ”
ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เขา ก็แย้มยิ้มพลางพยักหน้ารับ
แม้เขาจะอยากวิจารณ์นางถึงเรื่องเล่ห์เหลี่ยมสกปรกของนาง แต่ในเวลานี้ ไม่ว่าอย่างไร เขายังคงรอยยิ้มเอาไว้เป็นมารยาทก็เพียงพอแล้ว
ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่วโบกสะบัดแส้หางม้า แล้วจักจั่นโลหิตก็ลอยอยู่ข้างหน้าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งนี้มีประโยชน์หรือไม่ขอรับ?”
“ไร้ประโยชน์” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “มันไม่ยากที่จะรู้ว่าเขาอยู่ที่ใด แล้วไยเจ้าถึงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้ให้เหวินจิง?”
“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วตอบรับอย่างนอบน้อมแล้วส่งจักจั่นโลหิตคืนให้…
เอ่อ ยุงไปอยู่ที่ใดแล้ว?
บัดนั้น เครื่องหมายคำถามสองสามตัวก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหลี่ฉางโซ่วในขณะที่เขามองไปยังภาพติดตาที่ยังเหลืออยู่
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เชิดคาง เงยหน้าขึ้นมองด้านนอกห้องโถง หลี่ฉางโซ่วพลันหันศีรษะไปมองและเห็นผู้บำเพ็ญเหวินจิงกำลังวิ่งออกไปที่ประตูอีกครั้ง นางโผล่ศีรษะออกมา มองดู และด้วยเหตุผลบางอย่าง นางดู… มีอารมณ์ไม่มั่นคง และเหม่อลอยเล็กน้อย หรืออาจเป็นเพราะปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เรียกชื่อของนาง?
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อหารือเรื่องงานสำคัญ ไฉนเจ้าถึงเอาแต่วิ่งออกไปข้างนอกอยู่ตลอดเวลา?”
วิ้งๆๆ~
“พูดมา”
“เช่นนี้ เช่นนั้น เช่นนี้ เช่นนั้น~”
หลี่ฉางโซ่วหยิบม้วนตำราออกมาจากแขนเสื้อเงียบๆ แล้วโยนมันออกไป
จากนั้น เขาก็ดุว่า “สงบใจไว้”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อดจะถามด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า “นั่นคืออันใดกัน?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เป็นเพียงภาพวาดของศิษย์ ศิษย์ต้องการดูว่าศิษย์จะทำให้นางกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ขอรับ”
“โอ้?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกสนใจทันที…
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ มันไม่เหมาะจะให้ท่านสนใจหรอกขอรับ” หลี่ฉางโซ่วรีบหยุดปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ ทันใดนั้น ก็มีเสียงบางอย่างดัง ฉึก ฉึก ฉึก ขึ้นที่ด้านนอกประตูขณะที่ภาพวาดนั้น ได้ถูกผู้บำเพ็ญเหวินจิงฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ลอยกลับมา แม้นางจะยังคงแสดงท่าทางยั่วยวนโดยไม่กล้ามองไปที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ทว่าก็ยังสื่อสารได้ตามปกติ
บัดนั้น นางก็เล่าเช่นนี้ เช่นนั้น ไปเรื่อยๆ
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเล่าทุกอย่างที่นางรู้เกี่ยวกับจินฉานจื่อให้เขาฟัง
ด้วยอ้างอิงจากข้อมูลนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงปรับเปลี่ยนแผนรบเล็กน้อย
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงอยู่ที่นั่นหนึ่งชั่วยามก่อนจะจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก และก่อนจะจากไป นางก็ยังโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วเป็นพิเศษ
แม้ในวันนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะอยู่ที่นี่ และดึงดูดความสนใจของผู้บำเพ็ญเหวินจิงไปทั้งหมด ทว่าผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ยังสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างก่อนที่นางจะจากไป
ดูเหมือนว่า พลังโลหิตในร่างของเทพแห่งท้องทะเลจะบริสุทธิ์และเข้มข้นที่สุด…
ร่างแท้?
ทันใดนั้น หัวใจเต๋าของผู้บำเพ็ญเหวินจิงพลันสั่นไหว จากนั้นนางก็เข้าใจบางอย่าง หากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ข้างๆ เขา เทพแห่งท้องทะเลก็คงไม่ปรากฏร่างแท้ออกมา…
บางที นี่อาจเป็นวิถีของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
หลังจากนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะออกจากดินแดนเทวะทักษิณไปเงียบๆ แล้วกลับไปยังสถานที่ที่ร่างจำแลงของนางไป
หากนางคาดไม่ผิด ก็ย่อมจะมีเรื่องดีๆ กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้แม้กระทั่งจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมตื่นตระหนกได้
นางเพิ่งกล่าวว่า นางเคยได้ยินศิษย์สองสามคนและรองเจ้าสำนักบำเพ็ญประจิม พูดคุยกันว่าจักจั่นทองมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิดกับความรุ่งโรจน์ของสำนักบำเพ็ญประจิม และจอมปราชญ์ก็ประสงค์จะรับจักจั่นทองเป็นศิษย์สายตรงและขจัดร่องรอยของสัตว์ร้ายให้หมดสิ้นไป
………………………………………………………………..
[1] บุรุษผู้ครองหยางบริสุทธิ์ บุรุษผู้ครองพรหมจันทร์ หรือหนุ่มโสดบริสุทธิ์จริงๆ
[2] หรือบางที่เรียก ลี้มกโช้ว เป็นตัวละครหญิงร้ายในเรื่องมังกรหยก จอมยุทธ์เทพอินทรี หนึ่งในนวนิยายกำลังภายในอันลือลั่นของกิมย้ง นางเป็นศิษย์พี่ของเซียวเหล่งนึ่ง แต่ในใจกลับเป็นผู้ที่เกลียดชังเซียวเหล่งนึ่งมากที่สุด
[3] หรือบางที่เรียก เซียวเหล่งนึ่ง (แปลตรงตัวก็คือ สาวมังกรน้อย หรือที่เรียกกันว่า ธิดามังกรน้อย) เป็นตัวละครเอกฝ่ายหญิงในเรื่องมังกรหยก จอมยุทธ์เทพอินทรี