ตอนที่ 611 บันทึกลับ

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะเหลือบมองซู่เทียนหยวน ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็เอ่ยปากพูดออกมา “ซู่ฮ่องกง”
  ซู่ฮ่องกงสั่นไปทั้งตัว วิธีที่ชายชราคนแปลกหน้าคนนี้ใช้เรียกดูคุ้นเคยจนเกินไป ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ทั้งกิริยา น้ำเสียง วาจา และแม้แต่เสื้อผ้าเองก็ยังเหมือน ซู่ฮ่องกงที่ตระหนักได้ตกใจจนแทบเสียสติ แต่เมื่อมองดูใบหน้า และสีผม ซู่ฮ่องกงก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ท้ายที่สุดแล้วชายชราคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่เขาคิดถึง “ผู้อาวุโสลู่ ท่านน่ะควรจะอยู่ให้ห่างเรื่องนี้จะดีกว่า…ข้าจะเป็นผู้อธิบายให้กับท่านอาจารย์ฟังเอง”
  “ลูกข้า เจ้าพูดถูกต้องแล้ว” ซู่เทียนหยวนพยักหน้า “ที่นี่คือเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ มันได้กลายมาเป็นอาณาเขตของสำนักอเวจีเรียบร้อยแล้ว…ถ้าหากพวกเราต้องต่อสู้กันจริง พวกเราก็ต้องพบกับความสูญเสียด้วยกันทั้งคู่แน่ อย่างมากที่สุดข้าก็จะไม่ได้เห็นลูกชายไปตลอด ส่วนท่านจะต้องตายแน่ ถ้าหากจีเทียนเด๋าเคลื่อนไหว ท่านที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักก็คงมีแต่ต้องตาย…”
  ลู่โจวยังคงสงบนิ่ง
  ในตอนที่ลู่โจวคิดจะลบล้างผลจากการวิเศษ ในตอนนั้นเจียงผู่ก็ได้บินตรงมาซะก่อน เจียงผู่ได้สลัดทุกอย่างที่ทับถมตัวเองทิ้งไปก่อนที่จะกระโจนหาลู่โจวราวกับกระสุนปืนใหญ่
  “เจียงผู่ ไม่!” ใบหน้าของซู่เทียนหยวนซีดเผือดไปด้วยความตกใจ
  ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตา
  เจียงผู่ปรากฏตัวต่อหน้าลู่โจวในช่วงเวลาสั้นๆ
  ลู่โจวยกมือขึ้น…
  พรึ๊บ!
  แสงสีฟ้าได้ส่องสว่างมาจากนิ้วมือของลู่โจวอีกครั้ง ฝ่ามือของเขาได้พุ่งตรงไปหาเจียงผู่
  ในที่สุดเจียงผู่ก็ถูกพลังวิเศษยับยั้งไว้ เจียงผู้ได้แต่ลอยค้างอยู่บนอากาศ ไม่ว่าตัวเขาจะพยายามก้าวไปข้างหน้าแค่ไหน แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย
  เจียงผู่มองไปที่ชายชราด้วยสีหน้าท่าทีที่ตกใจ แม้ว่าจะเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้แล้ว แต่ตัวเขาก็ไม่คิดเลยว่าจะถูกหยุดได้อย่างง่ายดายแบบนี้ สิ่งนี้เองหมายถึงความแตกต่างของพลัง ทั้งสองฝ่ายมีพลังที่ห่างชั้นจนเกินไป
  ลู่โจวไม่แม้แต่ชายตามองเจียงผู่ มันไม่คุ้มค่าเลยที่จะใช้พลังวิเศษกับชายคนนี้ ลู่โจวที่คิดแบบนั้นกำมือแน่นก่อนที่จะรวบรวมพลังลมปราณที่มีไปยังกำปั้น
  ผั๊วะ!
  เจียงผู้ล้มลงกับพื้น
  ซู่เทียนหยวนที่เห็นแบบนั้นอุทานออกมาด้วยความตกใจ “นี่มันเป็นการควบคุมพลังอะไรกัน!” พลังวรยุทธของชายชราตรงหน้าจะต้องลึกล้ำมากพอจนควบคุมพลังลมปราณได้อย่างแม่นยำ ชายชราคนนี้ได้รวบรวมพลังลมปราณในขณะที่ใช้พลังหยุดศัตรูไว้ด้วย ช่างเป็นการควบคุมที่น่าอัศจรรย์ การเคลื่อนไหวนั่นท้ายที่สุดก็ทำให้เจียงผู่ล้มลง
  “???” ลู่โจวรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของเขาก็เป็นแค่การเคลื่อนไหวทั่วๆ ไป
  “การเคลื่อนไหวของท่านทำให้ข้านึกไปถึงจอมวายร้ายจีเทียนเด๋า…ในสมัยก่อน การเคลื่อนไหวแบบนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่โปรดปรานที่เจ้านั่นจะใช้รังแกคนอื่น” ซู่เทียนหยวนแสดงความเห็น
  ซู่ฮ่องกงได้แต่กลืนน้ำลายในขณะที่เหลือบมองชายชราที่อยู่ตรงหน้า ตัวเขาถอยกลับหลังไปตามสัญชาตญาณ ‘ชายชราคนนี้ช่างอันตราย! ข้าจะต้องหาโอกาสหนีให้ได้!’
  ท้ายที่สุดลู่โจวก็ได้ปลดปล่อยสุดยอดเคล็ดวิชาออกมา ตัวเขาได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหายไปจากสายตาของทุกคน  ซู่เทียนหยวนที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้ว ตัวเขาคิดว่าชายชราคนนี้กำลังคิดโจมตีผู้เป็นลูกชายของตัวเอง ตัวเขาที่คิดแบบนั้นได้ใช้พลังฝ่ามือสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้
  ลู่โจวได้โจมตีกลับไปด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน
  ฝ่ามือของชายชราทั้งสองเข้าปะทะกัน!
  ตู๊ม!
  ลู่โจวไม่ได้ขยับไปไหน ตัวเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าของซู่ฮ่องกง
  ซู่เทียนหยวนชักฝ่ามือกลับก่อนที่จะกระเด็นกลับถอยหลังไปหลายก้าว ตัวเขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่จะตั้งตัวได้ใหม่ ทั่วทั้งแขนที่ใช้ปะทะด้านชา! ซู่เทียนหยวนตกใจเป็นอย่างมาก เป็นไปตามที่คาดไว้ ชายชราคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
  ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างเย็นชา “คุกเข่าลงซะ!”
  ซู่ฮ่องกงมองดูที่ชายชราตรงหน้า ตัวเขารู้สึกว่าสติของตัวเองกำลังเลือนลาน ใบหน้าของชายชราเริ่มบิดเบี้ยวคล้ายกับว่ามันจัดเรียงตัวกันใหม่
  ในขณะเดียวกันซู่เทียนหยวนก็ได้พูดขึ้น “ลูกข้าจะคุกเข่าให้กับฟ้าดินและผู้ให้กำเนิดเท่านั้น…ลูกผู้ชายน่ะไม่คุกเข่าให้กับใครง่ายๆ หรอก ลืมมันไปซะเถอะ…ท้ายที่สุดข้าก็ต้องพึ่งพาจีเทียนเด๋า นี่ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายสำหรับข้าซะจริง!”
  พรึ๊บ!
  ทันทีที่ซู่เทียนหยวนพูดจบ ซู่ฮ่องกงก็คุกเข่าลง การเคลื่อนไหวของเขาช่างเรียบง่ายและซื่อตรง มือทั้งสองข้างหมอบไปกับพื้น ซู่ฮ่องกงได้แต่ทำความเคารพอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
  “นี่มัน…” ซู่เทียนหยวนตกตะลึง ตัวเขารู้สึกไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม “ในที่สุดข้าก็รู้แล้ว! จีเทียนเด๋าไม่สามารถที่จะสั่งสอนเจ้าให้ดีพอ! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้านั่นจะทำให้ลูกต้องใจเสาะแบบนี้! ที่นี่คือดินแดนของศาลาปีศาจลอยฟ้า! เพียงแค่เจ้าส่งเสียงออกมาดังๆ เท่านั้น จี…จี…เทียนเด๋าจะต้องมาหาเจ้าแน่ จีเทียนเด๋า เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”
  ลู่โจวหันไปเผชิญหน้ากับซู่เทียนหยวน เมื่อซู่เทียนหยวนตระหนักได้ ตัวเขาก็ได้ถีบตัวออกจากพื้นก่อนที่จะหนีไปด้วยความเร็วสูง
  เจียงผู่และสาวกจากลัทธินักบุญโบราณทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง
  ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะเหลือบมองไปยังซู่ฮ่องกง “พ่อของเจ้าช่างไร้ประโยชน์ซะจริง!”
  “ทะ…ท่านอาจารย์…ข้า…” ซู่ฮ่องกงรู้สึกอยากจะร้องไห้ ในที่สุดลู่โจวก็ได้ยกเลิกผลของการ์ดวิเศษ
  “ซู่เทียนหยวน…ถ้าหากเจ้าคิดหนี เจ้าจะไม่มีทางได้เห็นซู่ฮ่องกงอีกแน่” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
  เสียงถอนหายใจยาวได้ดังมาจากลานด้านนอก ซู่เทียนหยวนที่ไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่เดินกลับมา ท้ายที่สุดตัวเขาก็เปิดประตูก่อนที่จะเข้ามาอีกครั้ง
  สาวกของลัทธินักบุญโบราณได้แต่สับสน
  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
  ซู่เทียนหยวนมองไปที่ลู่โจวด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป “จีเทียนเด๋า…เจ้ายังคงไร้ยางอายไม่มีเปลี่ยน!”
  สาวกลัทธินักบุญโบราณเดินโซเซถอยกลับไปตามสัญชาตญาณ
  ‘ชายชราคนนี้ก็คือจีเทียนเด๋า ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นสินะ?’
  เจียงผู่ดวงตาเบิกกว้าง ตัวเขามองไปที่ลู่โจวอย่างเสียขวัญ ในที่สุดรูปลักษณ์ของลู่โจวก็เปลี่ยนแปลงไปจนสมบูรณ์แบบ เจียงผู่พยายามเก็บอาการบาดเจ็บที่มีเอาไว้ก่อนที่จะคุกเข่าลง “ผู้อาวุโสจี”
  ทุกๆ คนต่างก็ทำตามกันอย่างพร้อมเพรียงกัน “ผู้อาวุโสจี!”
  “สนุกไหมล่ะ? เจ้าคิดว่ามันน่าขันมากสินะ?” ซู่เทียนหยวนกางมือออกมา
  ลู่โจวตอบกลับไป “ข้าจะพบเจ้าได้ยังไงถ้าหากข้าไม่ทำเช่นนี้? นอกจากนี้…ถ้าเจ้าเป็นคนที่อยากทำร้ายศิษย์ข้าล่ะ? เจ้าคิดว่าข้าจะยอมนั่งเฉยๆ ยอมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรอย่างงั้นเหรอ?”
  ซู่เทียนหยวนพยักหน้า “เจ้าพูดมีเหตุผล”
  ซู่ฮ่องกงเงยหน้าขึ้นก่อนจะร้องเรียก “ท่านอาจารย์…”
  ลู่โจวพูดออกมาอย่างจริงจัง “หุบปากซะ เจ้ากล้าด่าข้าลับหลังและยังกล้าละลาบละล้วงข้าอีก”
  “…”
  ซู่เทียนหยวนรีบอธิบาย “อย่าได้ใจไป ที่ลูกข้าเป็นแบบนั้นก็เพราะเจ้าเป็นอาจารย์ การที่ศิษย์ไม่ได้ดีมันก็ต้องเป็นความผิดของผู้เป็นอาจารย์อยู่แล้ว”
  “เจ้ากำลังตำหนิข้าอยู่สินะ?” ลู่โจวหันไปจ้องซู่เทียนหยวน
  “ข้าไม่กล้าหรอก”
  “ถ้าหากไม่เห็นแก่หน้าศิษย์ไม่รักดีคนนี้ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้าแน่!”
  “…”
  ใบหน้าที่แห้งเหี่ยวของซู่เทียนหยวนแข็งทื่อ ตัวเขายิ้มออกมาอย่างเชื่องช้า “ไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นหรอก ข้าน่ะชื่นชมท่านอยู่แล้ว…”
  ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นพูดไม่ออก คำว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเป็นสิ่งที่สามารถอธิบายถึงคู่พ่อลูกคู่นี้มากที่สุด “ใบหน้าเหี่ยวๆ ของเจ้าก็ยังคงหนาราวกับกำแพงเมืองเหมือนเดิมไม่มีผิด!”
  “ลืมมันไปซะเถอะ…ข้าก็แค่ต้องการพาซู่ฮ่องกงกลับมาที่ลัทธินักบุญโบราณ ข้าน่ะตั้งใจที่จะไปขอโทษเจ้าอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายสุดท้ายแล้วเจ้าก็รู้จนได้” ซู่เทียนหยวนได้แต่ถอนหายใจ
  นี่เป็นครั้งเดียวที่ซู่เทียนหยวนพูดเหมือนคนเป็นพ่อแม่
  “ลัทธินักบุญโบราณมักจะอยู่อย่างสงบ ทำไมจู่ๆ พวกเจ้าถึงได้ปรากฏตัวออกมาล่ะ?” ลู่โจวถาม
  ซู่ฮ่องกงยังคงหมอบอยู่ที่พื้น ตัวเขายังไม่กล้าที่จะขยับไปไหน
  ซู่เทียนหยวนไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง ตัวเขาโบกมือก่อนที่จะพูดถึงเรื่องอื่นแทน “นำของที่เตรียมไว้มา”
  “ครับ” สาวกคนหนึ่งเดินหายไปก่อนที่จะเดินกลับมาพร้อมกับอะไรบางอย่าง
  เมื่อซู่เทียนหยวนเปิดกล่อง ด้านในนั้นก็เผยให้เห็นตำราปกสีน้ำตาลอยู่
  “นี่มันอะไรกัน?” ลู่โจวถาม
  “เปิดแล้วก็จะรู้เอง”
  ลู่โจวรับตำรามาก่อนที่จะเปิดอ่าน ในนั้นหน้ากระดาษจำนวนหนึ่งถูกฉีกทิ้งไป เมื่อเปิดไปยังหน้าที่มีข้อความก็พบกับคำบันทึก: ผู้คนล้วนอ่อนแอ แม้แต่วิธีที่จะไปให้ถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบก็ยังไม่ล่วงรู้…ข้ารู้สึกราวกับสวรรค์และโลกใบนี้มีพันธนาการอยู่ แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรวจสอบจากอะไร ข้าต้องการที่จะช่วยเหลือผู้คน ทำให้ผู้คนแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก ไปให้ถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ไปให้ถึงพลังอวตารดอกบัวสิบกลีบโดยเร็วที่สุด ข้าได้พบกับผู้ฝึกยุทธมากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้วความคิดของคนเหล่านั้นกลับไร้ค่า
  เมื่ออ่านถึงตอนนี้สีหน้าท่าทีของลู่โจวยังคงสงบ แม้ภายนอกจะเป็นแบบนั้นแต่ภายในใจของเขากลับตื่นตกใจ