ความอยากรู้ทำให้ลู่โจวยังคงพลิกหน้าต่อไป
“หลายคนไม่เชื่อข้า…”
“ถ้าหากไม่มีความมุ่งมั่นและความตั้งใจ ก็ไม่มีทางเลยที่จะเจอกับหนทางข้างหน้า”
“ข้าพยายามบอกความจริงเกี่ยวกับการฝึกยุทธแล้ว…”
ลู่โจวสัมผัสกับปกของตำรา ตำรามันดูเก่าอย่างเห็นได้ชัด ที่ตำราเองก็ไม่มีการป้องกันใดๆ แม้แต่ปกของตำราเองก็ยังถูกสร้างมาอย่างเรียบง่าย หลายส่วนของตำราถูกกัดกร่อนไปตามกาลเวลา ข้อความส่วนใหญ่จางหาย หลายหน้าที่อยู่ตรงใจกลางถูกฉีกออกไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ลู่โจวต้องการที่จะอ่านต่อ แต่ในตอนนั้นเองซู่เทียนหยวนก็ได้พูดขัดซะก่อน “นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าอยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์…ในตอนนี้ท่านเป็นคนเดียวที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ข้าตั้งใจที่จะนำตำรานี้มาเสนอกับท่าน แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอท่านที่นี่ ถ้าหากท่านสนใจของชิ้นนี้ ท่านก็ลองเอาลูกชายของข้ามาแลกเปลี่ยนดูเป็นไง?”
ลู่โจวหยุดพลิกตำรา ตัวเขาไม่ได้ตอบคำถามของซู่เทียนหยวนในทันที ลู่โจวปิดหนังสือก่อนจะถามกลับไปแทน “แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแสดงให้ข้าเห็นในก่อนหน้านี้ล่ะ?”
ซู่เทียนหยวนส่ายหัวก่อนจะถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีบันทึกแบบนี้…มันถูกพบโดยสาวกของข้าที่อยากรู้อยากเห็น มันเป็นของที่อยู่ในหอจดหมายเหตุ ตำราเล่มนี้ได้รับความเสียหายจนเกินไป ข้าคิดว่ามีใครบางคนคิดทำลายมัน ถ้าหากท่านไม่ได้เปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ข้าก็คงจะทิ้งตำราเล่มนี้ไปแล้ว”
ลู่โจวได้พลิกตำราไปยังส่วนสุดท้าย ในตอนนั้นตัวเขาก็ได้เห็นข้อความ: หลายคนคิดว่าพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดของมนุษย์ แต่ข้ารู้อะไรมากกว่านั้น ข้าสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนกับพันธนาการของโลกใบนี้…ข้าพบแล้วว่าดอกบัวทองคำเป็นสิ่งที่จำกัดการฝึกยุทธของมนุษย์เอาไว้ ข้าจะเอาชนะสิ่งนี้ได้ยังไง?
หลายหน้าถัดจากนั้นล้วนแต่ถูกฉีกขาด
หน้าที่ยังไม่ถูกฉีกยังมีข้อความต่อ: ในที่สุดก็มีคนเชื่อข้า คนคนนั้นเป็นชายชราแซ่หยุน ข้าสงสารเขาจึงช่วยให้เขาฝึกฝนตัวเองจนสำเร็จ แต่ยังไงซะก็ยังไม่แน่ว่าดอกบัวทองคำจะเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด…ใครกันที่จะยอมรับฟังและทดลองในสิ่งที่ข้าคิด?
หลังจากที่อ่านข้อความไป ลู่โจวก็ได้แต่สงสัยอยู่ภายในใจ ‘ชายชราแซ่หยุน? หยุนเทียนลั่วอย่างงั้นเหรอ?’
ลู่โจวมองไปที่ซู่เทียนหยวน “เจ้ารู้จักเจ้าของบันทึกเล่มนี้ไหม?” ลู่โจวคาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกับสิ่งนี้ เบาะแสของแม่นางแซ่ลั่วเป็นสิ่งที่ลู่โจวค้นหามานานแล้ว
ซู่เทียนหยุนส่ายหัวก่อนจะตอบกลับไป “นางได้ทิ้งลายเซ็นเอาไว้ที่หน้าสุดท้าย เจ้าของบันทึกเล่มนี้ก็คือหญิงสาว หญิงสาวในตำนานไงล่ะ”
“ตำนาน?” จากสิ่งที่ลู่โจวเข้าใจเกี่ยวกับแม่นางแซ่หลัวและจากประสบการณ์ที่มีมากกว่าพันปี แม่นางแซ่หลัวอย่างมากที่สุดก็เป็นแค่เรื่องลึกลับ เรื่องของนางยังไม่อาจที่จะกลายเป็นตำนานได้
“พี่จี…”
“อย่าได้เรียกข้าแบบนั้น” ลู่โจวพูดขัด
“ทำไมท่านจะต้องยึดติดกับความแค้นที่มีในอดีตล่ะ? ข้าน่ะมอบสมบัติล้ำค่าที่สุดให้กับท่านไป ท่านน่ะถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดอย่าถือสากับเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลย” ซู่เทียนหยวนพยายามหว่านล้อม
ลู่โจวเหลือบมองซู่ฮ่องกงที่ยังคงหมอบอยู่บนพื้น ‘นี่เป็นนิสัยที่ส่งต่อมาทางพันธุกรรมอย่างงั้นสินะ?’
ในตอนที่จีเทียนเด๋าและซู่เทียนหยวนพบกันเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นนิสัยของเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม นิสัยของชายคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
“เจ้าได้อ่านบันทึกนี่แล้วรึยัง?”
“ข้าได้อ่านมันในตอนที่ข้าได้ค้นพบมัน…”
ลู่โจวพลิกหน้าสุดท้าย ที่ตรงนั้นมีลายเซ็นอยู่: หลัว (คำที่เรือนหาย) หยิน
‘หลัว…หยิน’ ตามที่คาดไว้ แม่นางคนนี้ก็คือคนเดียวกันกับที่ลู่โจวค้นหามาโดยตลอด
ตามจดหมายที่ผู้ชี้แนะองค์จักรพรรดิได้ทิ้งเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าผู้ชี้แนะคนนั้นกำลังตามหาแม่นางแซ่หลัวคนนี้ แม้จะตามหาแต่เห็นได้ชัดว่ามุมมองการฝึกยุทธของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ผู้ชี้แนะคนนั้นพยายามอย่างยิ่งเพื่อยับยั้งไม่ให้ใครกลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้
ส่วนหลัว…หยินดูเหมือนจะสนับสนุนให้ผู้ฝึกยุทธแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทั้งสองคนมีที่มาเดียวกันอย่างงั้นเหรอ? แล้วทำไมความคิดเห็นของพวกเขาถึงได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง?
“เจ้ารู้ไหมว่าแม่นางแซ่หลัวคนนี้ไปไหน?”
ซู่เทียนหยวนส่ายหัว “ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์คนก่อนเคยได้พบกับนาง แต่ข้าไม่รู้จักนาง ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ที่ไหน บางทีนางอาจจะ…ตายไปแล้ว”
“ตายอย่างงั้นเหรอ?”
“บันทึกบอกเอาไว้ว่านางเชี่ยวชาญในการฝึกยุทธเป็นอย่างมาก แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่มีทักษะที่จะควบคุมมัน” ซู่เทียนหยวนพูดต่อ “เนื่องจากนางไม่สามารถควบคุมมันได้ ข้าเกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่ยางจะอยู่รอดมาได้” ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขากำลังสับสน
ลู่โจวยังไม่ได้อ่านบันทึกต่อ ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่รีบร้อนที่จะหาหลักฐาน นอกจากนี้ซู่เทียนหยวนยังไม่จำเป็นเลยที่จะต้องหลอกลวงเขา ถ้าหากนางไม่มีทักษะในการควบคุมที่ดี แล้วนางจะสั่งสอนหยุนเทียนลั่วได้ยังไงกัน? สุดท้ายแล้วเรื่องเกี่ยวกับนางก็ยังคงเป็นเรื่องลึกลับ
นางลึกลับเช่นเดียวกับผู้ชี้แนะขององค์จักรพรรดิ ไม่ว่าจะยังไงลู่โจวก็ยังคงมั่นใจว่าพลังวรยุทธของผู้ชี้แนะจะต้องอยู่เหนือกว่าผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ
ซู่เทียนหยวนพยักหน้า ตัวเขารู้สึกพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นลู่โจวกำลังใช้ความคิดอยู่ “ดูเหมือนว่าบันทึกเล่มนี้จะสำคัญกับท่านมากนะ พี่จี ถ้าหากเป็นแบบนั้น…ข้าก็คงจะพาลูกชายกลับไปได้สินะ?”
ก่อนที่ลู่โจวจะตอบกลับ ในตอนนั้นซู่ฮ่องกงก็ได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ดวงตะวันและพระจันทร์เป็นพยานถึงความจริงใจข้าได้! ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งท่าน! ได้โปรดเมตตาข้าด้วย!”
“…” ซู่เทียนหยวนมองไปที่ซู่ฮ่องกง ตัวเขาตกตะลึงที่ได้ฟังแบบนั้น
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นตอบกลับ “ลุกขึ้นและพูดซะ”
“ครับ ท่านอาจารย์” ซู่ฮ่องกงลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก
“เจ้าน่ะคือลูกชายของซู่เทียนหยวนจริงๆ ในตอนที่เจ้ายังเด็กข้าเป็นผู้พาเจ้ามาเอง ยังไงซะเขาก็คือผู้ให้กำเนิดเจ้า เจ้าจะตัดสินใจว่ายังไงกัน?” ลู่โจวพูดในขณะที่หวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
“เอ่อ…” เมื่อซู่เทียนหยวนได้ยินแบบนั้น อารมณ์ที่ตัวเขามีก็สั่นไหวเช่นกัน ‘ชายคนนี้ยังเป็นจอมวายร้ายจีเทียนเด๋าที่ข้ารู้จักอยู่รึเปล่า?’
เจียงผู่เอามือกดไปที่อกก่อนจะโค้งคำนับและพูดขึ้น “นายน้อย หลังจากที่ท่านออกจากลัทธินักบุญโบราณไป ท่านปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคยกินอยู่นอนหลับอย่างสบายได้เลย ท่านน่ะล้มป่วย โศกเศร้าและคิดถึงท่านอยู่เสมอ…”
“หยุดซะ” ซู่เทียนหยวนห้าม
เจียงผู่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
ซู่เทียนหยวนยิ้มก่อนจะพูดต่อ “เรื่องทั้งหมดผ่านมาแล้ว เจ้าอย่าได้ฟังเลย…ข้ามีความสุขยิ่งกว่าใครๆ เมื่อได้รู้ว่าเจ้าฝึกฝนตัวเองจนมีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์”
ลู่โจวพูดต่อ “แต่เจ้าแพ้เดิมพันข้า…”
“ข้ารู้ดี” ซู่เทียนหยวนตอบกลับ
ลู่โจวพยายามนึกไปในความทรงจำ มันเป็นความจริงที่ซู่ฮ่องกงไม่มีความสามารถในการฝึกยุทธแต่อย่างใด แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงได้พัฒนาอย่างรวดเร็วหลังจากที่เข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้า? คำตอบทุกอย่างก็คงจะอยู่กับจีเทียนเด๋าคนเดิม จีเทียนเด๋าคงจะมีวิธีเฉพาะที่ใช้ปรับเปลี่ยนความสามารถนั้น เพราะวิธีการนั้นจึงทำให้ศิษย์ทั้งเก้าเก่งกาจเหนือผู้อื่น
“คุกเข่าลง” ลู่โจวพูด
ซู่ฮ่องกงที่ฟังแบบนั้นตกตะลึง แต่เมื่อเห็นความจริงจังของผู้เป็นอาจารย์ ตัวเขาก็รีบคุกเข่าแต่โดยดี
ลู่โจวเอามือไขว้หลัง “ตั้งแต่สมัยโบราณกาล ไม่มีพระคุณไหนยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้กำเนิดและการเลี้ยงดู เจ้าน่ะควรที่จะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง”
ซู่เทียนหยวนตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม ตัวเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดที่ได้ฟังจะหลุดออกมาจากจอมวายร้ายจีเทียนเด๋าที่ตัวเขารู้จัก ตัวเขาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ตอนที่ 613 การสำรวจที่ไม่มีวันสิ้นสุด
จากความเข้าใจที่ซู่เทียนหยวนมีเกี่ยวกับจีเทียนเด๋า มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จีเทียนเด๋าจะยอมปล่อยลูกชายของเขาแบบนี้ อันที่จริงซู่เทียนหยวนคิดมาโดยตลอดว่าจะไม่มีโอกาสได้พบกับลูกชายด้วยซ้ำ ตัวเขารู้ซึ้งถึงกฎของภูเขาทองดี กฎที่เหล่าสาวกทุกคนจะต้องตัดสัมพันธ์กับอดีตที่เคยมีมา นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจทำการใหญ่ ซู่เทียนหยวนไม่คิดเลยว่าจีเทียนเด๋าจะยอมปล่อยให้ผู้เป็นลูกชายตัดสินใจแทน
ลู่โจวเอามือไขว้หลังก่อนที่จะหันไปทางด้านข้าง ลู่โจวในตอนนี้กำลังเหลือบมองไปยังท้องฟ้า ครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ถูกย้อมไปด้วยแสงสีแดงจางๆ มันเป็นแสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน มันเป็นภาพที่สวยงามเป็นพิเศษ ลู่โจวคิดมาเสมอว่าการสั่งสอนลูกศิษย์เป็นเหมือนกับการเดินทางอันยาวนานและเต็มไปด้วยความอยากลำบาก แต่