บทที่ 579 มื้อเช้าเป็นนมและขนมปัง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 579 มื้อเช้าเป็นนมและขนมปัง

บทที่ 579 มื้อเช้าเป็นนมและขนมปัง

หยางลี่หมิงคิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวเถียนจะหยิบหนังสือออกมาอ่าน

นอกจากเก่งแล้วยังขยันอีก

หญิงชราซาบซึ้งนัก “เด็กดีจริง ๆ เลยนะ รู้จักหาความรู้ด้วย”

“พี่สะใภ้ บอกตรง ๆ เลยนะคะ เสี่ยวเถียนกับพวกพี่ชายเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยค่ะ”

ฟ่านชูฟางภาคภูมิใจมากราวกับเด็กตรงหน้าคือหลานสาวแท้ ๆ ของเธอเอง

“ลูกหลานที่บ้านพี่นะ เอาแต่บอกว่าเรียนทีไรปวดหัวทุกที ถ้ามีวันที่พวกเขาคิดหาความรู้ด้วยตัวเองบ้าง ผู้ใหญ่แบบเรา ๆ ก็คงไม่ต้องกังวลหรอก” หยางลี่หมิงว่า

เพราะพวกเขายังเด็ก เลยเห็นได้ถึงความต่าง

“เดี๋ยวโตขึ้นอีกหน่อยก็ดีแล้วค่ะ” ฟ่านชูฟางไม่มีหลาน จึงไม่มีประสบการณ์เป็นการส่วนตัว

แต่เธอเคยดูแลเด็ก ๆ บ้านซูอยู่บ้าง และคิดว่าพวกเขาน่าจะเชื่อฟังผู้ใหญ่อยู่แล้ว รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร รู้ว่าตัวเองเขามุ่งไปในทิศทางไหน

เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเสี่ยวเถียน หัวข้อสนทนาของหญิงทั้งสองจึงไปในทางเด็ก ๆ บ้านซู และนั่นยิ่งทำให้หยางลี่หมิงอยากเจอพวกเขามากกว่าเดิม

ส่วนหัวข้อสนทนาของฝั่งชายเป็นพวกเรื่องราวระดับชาติ

เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจ แต่ยังได้ยินผ่าน ๆ หูมาบ้าง

เธอตัดสินว่างานของหัวหน้าอู๋น่าจะเกี่ยวกับการเกษตร

ผู้ใหญ่คุยกันเด็กแบบเธอจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวาย

เด็กสาวอ่านหนังสืออย่างจริงจังกระทั่งหนึ่งชั่วผ่านไปไวเหมือนพริบตาเดียว สองสามีภรรยาอู๋ขอตัวกลับไปพร้อมกับบอดี้การ์ด

“เสี่ยวเถียน อาบน้ำเข้านอนกัน ผ้านวมในห้องหนูวันนี้ตากแห้งแล้วเรียบร้อย เปลี่ยนใหม่แล้วด้วย พักผ่อนแต่หัววัน พรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียนนะ!”

ฟ่านชูฟางดูนาฬิกา ก่อนจะเริ่มทำหน้าที่ด้วยการกระตุ้นหลานสาวให้เข้านอน

อันที่จริงตอนอยู่บน พวกคุณย่าซูไม่ค่อยเตือนเรื่องนี้เท่าไร

เหตุผลหลักคือเสี่ยวเถียนรู้ว่าตนมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้างมากเกินไปหน่อย

เธอรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร และจัดการทุกอย่างได้ดีเสมอ

เด็กสาวมองเวลา ยังหัววันอยู่เลย แต่เราอยู่บ้านปู่รอง กลับไปพักผ่อนที่ห้องไวขึ้นหน่อยแล้วกัน

ตอนผุดลุกขึ้น คุณย่าฟ่านได้เอ่ยถาม “เสี่ยวเถียน พรุ่งนี้ย่าเตรียมนมกับขนมปังเป็นมื้อเช้าให้ดีไหม?”

นมกับขนมปัง?

เธอกำลังสับสบงงงวยอยู่ ในยุคนี้หาอาหารเช้าแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะ

เพราะคนจีนยังนิยมกินโจ๊ก ซาลาเปา น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋อะไรพวกนี้อยู่เลย

“หลานไม่ชอบหรือจ๊ะ?” พอเห็นอีกฝ่ายเงียบ หญิงชราจึงรีบถาม

“ไม่ค่ะย่ารอง!” เด็กสาวรีบโบกมือปฏิเสธ

“ย่าได้ยินเด็ก ๆ คนอื่นในหมู่บ้านบอกว่า พวกเขาชอบกินนมกับขนมปังมากที่สุด เลยมาถามหนูน่ะ”

“ขอบคุณนะคะย่ารอง จริง ๆ ที่บ้านมีอะไรหนูก็กินได้หมดเลย หนูไม่เลือกมากค่ะ”

ชาติก่อนก็เคยกินนะ แต่ส่วนใหญ่กินโจ๊กกับซาลาเปามากกว่า

ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีเวลา เธอมักจะทำอย่างอย่างนี้

ส่วนนมกับขนมปังไว้ใช้ตอนไม่มีเวลาทำจริง ๆ

แต่เหมือนว่าในยุคนี้นมกับขนมปังจะทำให้ตัวสูงขึ้นนิดหน่อยด้วยนะ

“งั้นพรุ่งนี้เราจะกินขนมปังกับนมกันนะ”

“สองอย่างนั้นให้เสี่ยวเถียนกินนะ ส่วนฉันกินหมั่นโถวดีกว่า” ต่งหยวนจงพูด “ขนมปังหวานไปหน่อย หั่นมาอยู่แผ่นเดียวก็หมดแล้ว เหมือนไม่มีอยู่จริงเลย!”

เสี่ยวเถียนหัวเราะลั่น

ก็จริง ขนมปังตะวันตกก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ?

“คุณปู่ต่งคะ มันมีขนมปังชนิดหนึ่งชื่อ ‘ต้าเลี่ยปา*[1]อยู่ที่ชายแดนบ้านเราค่ะ มันจะแตกต่างจากขนมปังที่ปู่พูดถึงนะ เขาจะใส่ผลไม้อบแห้งลงไปด้วยค่ะ อร่อยมากเลย!”

ฟ่านชูฟางยิ้ม “แล้วเสี่ยวเถียนชอบกินขนมปังที่ใส่ผลไม้อบแห้งหรือเปล่าจ๊ะ?”

เธอส่ายหัว “ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษค่ะคุณย่ารอง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มื้อเช้าของย่าได้กินผลไม้อบแห้งสักหน่อย ดีต่อสุขภาพมากเลยนะคะ”

ตระกูลต่งฐานะดีอยู่แล้ว ถ้าเป็นครอบครัวธรรมดา การได้กินอิ่มใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆ ก็คงเพียงพอสำหรับพวกเขา แต่ผลไม้อบแห้งอะไรนั่นคงได้กินแค่ช่วงปีใหม่เท่านั้นละ!

“ตายล่ะ มีประโยชน์ขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย? งั้นกลับมาเมื่อไรย่าต้องหามาไว้กินสักหน่อยแล้ว” หญิงชราอายุน้อยกว่าสามี แต่ช่วงสองปีมานี้สุขภาพของเธอกลับแย่เข้าทุกวัน

ทีแรกจะถามหลานว่าจำเป็นต้องกินยาด้วยไหม แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

เธอชอบรสชาติของผลไม้อบแห้งเป็นพิเศษ

เช้าวันต่อมา เสี่ยวเถียนตื่นขึ้นมาพบกับสิ่งที่เป็นไปตามคาด นั่นก็คือ นม ขนมปัง ไข่หนึ่งฟอง และแอปเปิ้ลครึ่งลูก

เป็นอาหารเช้าที่หรูหราเสียจริง เธอยิ้มขอบคุณแล้วถึงเริ่มกิน

มารยาทในการกินข้าวของเสี่ยวเถียนดีมากจริง ๆ

เธอนั่งตัวตรงขณะกินอาหาร สำหรับต่งหยวนจงที่เห็นภาพนั้นกลับเอาแต่หัวเราะ

“ถ้าบอกว่าเสี่ยวเถียนของเรากลับมาจากต่างประเทศ ใครที่ไหนมันจะไม่เชื่อ!”

ต่งหยวนจงเองเป็นคนหยาบกระด้าง หลายปีมาแล้วที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยบางอย่างได้ เขาคิดว่ามันน่ารำคาญที่เอาแต่ใส่ใจมารยาทกัน แต่พอมองเห็นหลานสาวแล้วกลับพบว่าสบายตามาก

สิ่งที่ลูกหลานบ้านเราทำมันดีทั้งนั้นละ!

ฟ่านชูฟางจ้องสามีเขม็ง “ตัวเองเป็นคนหยาบคายไง ผ่านมาตั้งหลายปีไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงเสียบ้าง!”

หลังอาหารเช้า เราพาเสี่ยวเถียนมาส่งที่โรงเรียนด้วยรถของตระกูลต่ง ส่วนต่งหยวนจงมีธุรพอดีขึงติดมาด้วย

เด็กสาวลงจากรถที่หน้าประตูโรงเรียน หลังจากปู่รองเอ่ยร่ำลา เธอรีบสับเท้าเข้าโรงเรียนอย่างว่องไว

เมื่อวานซ่งหลิงหลิงลาเรียนกลับบ้าน จึงไม่ได้อยู่พักที่นี่

เธอจึงมาถึงแต่เช้า และเห็นเข้ากับภาพที่เสี่ยวเถียนลงจากรถหรู ตอนนั้นยังคิดว่าตนประสาทหลอนไปเอง

ตระกูลซูไม่ได้เป็นครอบครัวบ้านนอกหรือ?

ได้ยินว่าตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ก็เปิดร้านอาหารทำ อยู่ในตำแหน่งชนชั้นล่าง*[2]ด้วยซ้ำ

ทำไมคนแบบนี้ถึงมีรถได้ล่ะ? รู้ไหมว่าขนาดตระกูลซ่งที่ว่ามีอำนาจ พ่อเธอยังไม่มีรถด้วยซ้ำ แล้วรถที่เสี่ยวเถียนนั่งมาเป็นของใคร?

เธอมองไปที่ใบหน้าอ่อนหวานและน่ารักของอีกฝ่าย ก่อนจะบังเอิญเห็นชายคนหนึ่งในรถ จึงนึกถึงเรื่องแย่ ๆ ขึ้นมาทันที

สายตาที่ใช้มองเสี่ยวเถียนเปลี่ยนไปในทันใด ได้ยินว่าเธอมีคนหนุนหลังอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้

ซูเสี่ยวเถียนหน้าด้านขนาดนี้ได้ยังไง?

และยิ่งซ่งหลิงหลิงคิดมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเดาถูกเท่านั้น รถคันนี้ต้องไม่ใช่ของตระกูลซูแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมเสี่ยวเถียนถึงลงมาคนเดียวล่ะ?

แถมในห้องยังมีพี่ชายอีกสองคนเรียนด้วยกันอีก อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน พวกเขาควรจะไปโรงเรียนด้วยกันสิ ทำไมเสี่ยวเถียนถึงมาคนเดียวล่ะ

เธอเคยได้ยินจากที่บ้านว่า บางคนชอบเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น

น่าขยะแขยงสิ้นดี!

เธอลอบคิด

[1]大列巴 – ต้าเลี่ยปา ชื่อขนมปังในที่นี้จริงๆ แล้วมีความหมายว่า ขนมปังก้อนใหญ่ โดยคำว่า ‘เลี่ยปา’ เป็นทับศัพท์จากภาษารัสเซียที่แปลว่า ขนมปัง (хлеб) เนื่องด้วยเป็นขนมปังที่มีขนาดใหญ่ ภาษาจีนจึงใช้คำว่า ต้า(大) ที่มีความหมายว่าใหญ่นำหน้า ตอนนี้เป็นอาหารพิเศษของทางฮาร์บิน)

[2] สมัยก่อนคนจีนแบ่งชนชั้นของผู้คนออกตามฐานะ โดยมีทั้งหมดสามชนชั้นคือ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง โดยแต่ละชนชั้นจะประกอบไปด้วย 9 อาชีพ รวม 21 อาชีพ ซึ่งในที่นี้จะพูดถึงชนชั้นล่าง (下九流) เป็นจำพวกคนทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง ร่อนเร่ไปทั่ว ซึ่งประกอบไปด้วยอาชีพหมอผี นักร้อง/โสเภณี คนทรง คนหาฟืน ช่างตัดผมเร่ นักดนตรี นักแสดงงิ้ว ขอทาน และขายของหาบเร่