บทที่ 580 โดนดูแคลนเพราะเด็กเกินไป

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 580 โดนดูแคลนเพราะเด็กเกินไป

บทที่ 580 โดนดูแคลนเพราะเด็กเกินไป

เสี่ยวเถียนไม่รู้เลยว่าซ่งหลิงหลิงเห็นภาพที่เธอลงจากรถปู่รองพอดี และไม่รู้อีกว่า ซ่งหลิงหลิงปั้นน้ำไปกี่ตัวแล้ว

เธอยังคงตั้งใจเรียนเหมือนเดิม กระทั่งตอนเที่ยงจู่ ๆ ก็ได้รับแจ้งมาว่ามีคนมาหา

เวลาแบบนี้ใครที่ไหนจะมาหาเธอกัน?

เด็กสาวไปยังประตูโรงเรียนด้วยความสงสัย

ซ่งหลิงหลิงมองอีกฝ่ายวิ่งไปที่นั่น และนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าโดยคิดเสี่ยวเถียนคงไปทำเรื่องอะไรไม่ดีแน่ ๆ จากนั้นก็บอกสิ่งที่คาดเดาให้กับเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างหลิวเสี่ยวหงฟัง

ตั้งแต่ที่ซ่งหลิงหลิงรายงานเรืองเสี่ยวเถียน มันทำให้เสี่ยวหงกลัวเพื่อนคนนี้มาโดยตลอด

พอได้ยินสิ่งที่เจ้าตัวเล่ามา ใจนึกอยากจะเกลี้ยกล่อมแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะกลัวทำให้เคืองใจกัน

แต่กับซ่งหลิงหลิงที่เห็นเพื่อนตอบสนองเช่นนั้นดันไม่พอใจ

หลิวเสี่ยวหงไม่ได้เรื่องขึ้นทุกวัน

เธอหันหน้าไปบอกคนอื่นถึงสิ่งที่เห็นในตอนเช้าแทน ทั้งยังอธิบายสิ่งที่ตนคาดเดาไว้ด้วย

ตอนเสี่ยวเถียนเดินมาถึงประตู เธอได้เจอกับเสี่ยวเหมยและซานกง

เด็กสาวตกใจมากที่เจอพี่ ๆ ทั้งสอง หรือที่บ้านจะเกิดเรื่องอะไร?

“พี่สาม พี่เสี่ยวเหมย มาได้ยังไงกันคะ?” เธอรีบวิ่งเข้าไปถาม

“เสี่ยวเถียน พ่อพี่ให้มาหาน่ะ บอกว่าจะให้เธอตามไปที่มหาวิทยาลัยด้วยหน่อย”

ไปมหาวิทยาลัยเกษตรฯ?

เธอไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรถึงได้รีบร้อนมาหาเธอแบบนี้ แต่ในเมื่อในเมื่อลาหยุดให้แล้ว เสี่ยวเถียนจึงตามพวกเขาไป

ตลอดช่วงบ่าย ซ่งหลิงหลิงไม่ได้รอเสี่ยวเถียนกลับมาที่ห้อง แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

สองพี่น้องเสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วรู้สึกแปลก ๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่หันมามองบ่อยครั้ง ซ่งหลิงหลิงเพิ่งจะโดนจัดการไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองนะ? ทำไมยังไม่เข็ดหลาบอีก?

แต่คนแบบนี้ที่ไหน ๆ มันก็มีทั้งนั้น

ขนาดตอนเราอยู่หงซิน มีผู้คนที่จริงใจและใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ยังมีคนแบบนี้เลยไม่ใช่หรือไง? เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่สนใจสายตาแปลก ๆ นั่น

แต่ซ่งหลิงหลิงกลับทวีความรุนแรงขึ้นโดยการเริ่มซุบซิบนินทาในหมู่สาว ๆ ของห้อง

ในขณะเดียวกันทางฝั่งของเสี่ยวเถียน ตอนนี้เธอกำลังฟังเสิ่นจื่อเจินอธิบายปัญหาที่พบในแปลงทดลองอยู่

“เสี่ยวเถียน เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ พวกเราตันทุกทางเลย หลานช่วยเสนอแนะความคิดใหม่ ๆ ได้หรือเปล่า?”

ถึงการฝากความหวังจะดูมากเกินไปหน่อย แต่เราหมดหนทางจริง ๆ

เสี่ยวเถียนที่อ่านหนังสือเยอะอาจพอคิดอะไรออกได้

เสิ่นจื่อเจินยังไม่เคยลืมว่าช่วงเวลาที่อยู่หงซิน พวกเรากับเสี่ยวเถียนได้ทำการทดลองในแปลงบ่อยครั้้ง และข้อเสนอแนะที่เสี่ยวเถียนหยิบยกมาพูดเป็นกุญแจสำคัญเสมอ

อันที่จริงเขายังหวังว่าเสี่ยวเถียนจะมาสายทำการเกษตรและผลิตเมล็ดพันธุ์กับเขา แต่ก็รู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการเช่นนั้น

“ลุงเขย หนูคงต้องคิดปัญหานี้สักหน่อยค่ะ” เธอจำได้ว่าเคยอ่านเจอในหนังสือบางเล่ม

แต่ห้องสมุดมันมีหลุมใหญ่อยู่ก็ตรงที่หลังจากที่เราคืนหนังสือเล่มนั้น ๆ กลับไปแล้ว จะไม่สามารถกลับมาหาอ่านได้อีก

เพราะระบบเป็นแบบสุ่ม ช่วงนี้เธอไม่ได้เอาหนังสือพวกเกษตรมาอ่านเลยสักเล่มเดียว

“ได้สิ หลานอยากได้ข้อมูลอะไรจากเราไหม?”

เขาเชื่อในตัวเด็กคนนี้มาก แต่คนรอบข้างกลับไม่

ตอนนี้ในทีมเสิ่นจื่อเจินมีกันอยู่ห้าคน

นอกจากเขาแล้วยังมีซานกง เสี่ยวเหมย อีกเด็กชายอีกสองคนที่นักศึกษามหาวิทยาลัยมาแล้วสองปี ตั้งแต่เข้าเรียน พวกเขาคอยติดตามเสิ่นเรื่องผลิตเมล็ดพันธุ์ตลอด

ทั้งสองเป็นคนมีพรสวรรค์ที่เสิ่นจื่อเจินได้พบ จึงมีความตั้งใจที่จะฝึกอย่างจริงจังเพื่ออนาคตสามารถทำงานเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองได้

ปกติพวกเขาทำงานได้ดีเสมอ และปฏิบัติต่อเสิ่นจื่อเจินด้วยความเคารพ

กระทั่งได้ยินว่าคนผู้นี้เชิญคนจากข้างนอกมาให้ความช่วยเหลือ ก็นึกว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตจากที่ไหน

เราตื่นเต้นอยู่นานโดยคิดว่าเป็นโอกาสหายากที่เราจะได้เคารพนบนอบผู้ยิ่งใหญ่

ตอนที่เสิ่นจื่อเจินให้ซานกงและเสี่ยวเหมยไปพามากันแค่สองคน พวกเรายังแย้งอยู่เลย และคิดว่าอีกฝ่ายไม่ยุติธรรมกับเราเท่าไร

แต่ใครจะรู้เล่าว่าคนที่เชิญมาดันเป็นเด็กคนหนึ่ง แถมเป็นเด็กผู้หญิงที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ความนับถือที่คิดจะมีให้ต่อผู้ยิ่งใหญ่แตกสลายทันที พวกเขาจะไปยอมรับได้ยังไงกัน?

ซูเสี่ยวเหมยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แค่เข้าร่วมโครงการใหญ่ก็ว่ามากพอแล้วนะ ใครมันใช้ให้เป็นลูกสาวเสิ่นจื่อเจินล่ะ?

แต่ตอนนี้กลับเชิญยัยเด็กคนนี้มากอีก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

ทั้งสองมองตากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

อันที่จริงตอนนี้พวกเรามีความคิดขัดแย้งกับเสิ่นจื่อเจินแล้วละ คิดว่าพวกเขากำลังทำโครงการนี้อย่างเล่นๆ

“ครูเสิ่น หนูขอดูข้อมูลการวิจัยของช่วงนี้ได้ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนขบคิดก่อนจะเอ่ยถาม

เสิ่นจื่อเจินเห็นด้วยอยู่แล้ว

“ซานกง ไปเอาข้อมูลการสังเกตช่วงนี้ของเรามาหน่อยสิ ส่วนเสี่ยวเหมย ไปเอาสมุดบันทึกของอาจารย์มาให้ทีนะ” เสิ่นจื่อเจินรีบออกคำสั่ง

“อาจารย์ครับ เด็กตัวแค่นี้จะเข้าใจอะไรไหมเนี่ย? ว่ากันตรง ๆ งานที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของเราจะเอามาให้คนนอกดูได้ยังไง?” หนึ่งในเด็กหนุ่มอดถามไม่ได้

คนเป็นอาจารย์มองนักศึกษาคนนั้นแล้วตอบ “เกาจุ้น เสี่ยวเถียนเป็นคนที่ร่วมศึกษาเรื่องการผลิตเมล็ดพันธุ์กับอาจารย์เมื่อก่อนน่ะ ก่อนหน้านี้เราเคยศึกษาหัวข้อนี้ด้วยกันมา”

ตอนนั้นเรายังอยู่หงซินอยู่เลย การวิจัยที่ทำจึงเป็นความลับ เงื่อนไขอะไรต่าง ๆ ไม่ดีเท่าตอนนี้หรอก แถมข้อมูลที่บันทึกไว้ยังไม่ละเอียดเท่าด้วย

เด็กหนุ่มนามเกาจุ้นได้ยินเช่นนั้น แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

กำลังหลอกใครอยู่เนี่ย?

เด็กหญิงวัยไม่กี่ปีขวบ เคยทำงานด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน?

ตอนนั้นเธอยังกินนมแม่อยู่ไม่ใช่หรือไง?

“อาจารย์ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ!” เกาจุ้นยังยืนกรานในความคิดตัวเอง

“เกาจุ้น คุณอยู่กับผมมาหลายเดือนแล้วนะ ในใจของคุณเห็นผมเป็นคนแบบนี้หรือ?”

เสิ่นจื่อเจินที่อ่อนโยนได้เห็นความวิตกกังวลของนักเรียนตัวเอง สีหน้าเขาพลันเย็นขึ้น

เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ แต่ด้วยนิสัยที่ใจร้อน เลยคิดว่าถ้าพามาฝึกด้วยกันสักสองสามปี อารมณ์คงนิ่งกว่านี้

แต่ดูเหมือนตอนนี้จะยังเหมือนเดิม

และนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กคนนี้สงสัยในการมองคนของเขา

เกาจุ้นดึงเพื่อนข้าง ๆ “หยวนหยาง พูดอะไรบ้างสิ นายไม่คิดเหมือนกันบ้างหรือ?”

เด็กหนุ่มนามหยวนหยางดูลังเล ก่อนจะพยักหน้า “อาจารย์ครับ ถ้าอาจารย์ให้ผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์มาดูข้อมูลการวิจัย พวกผมจะไม่คัดค้านเลยครับ แต่เด็กคนนี้ยังเด็กเกินไปนะ!”

เขาไม่เชื่อว่าเธอจะเก่ง

ไม่รู้ทำไมอาจารย์ถึงแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องที่ทำงานไม่ออก?

ตอนนั้นซานกงกำลังยืนมองอยู่ข้าง ๆ