บทที่ 558 การมาของนัทธี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

บอดี้การ์ดรีบตอบกลับ “เผาไปแล้วครับ”

วารุณีพยักหน้าอย่างพอใจ “งั้นก็ดี”

ถึงแม้ว่ารูปภาพพวกนั้นจะเป็นของปลอม ทว่าหากตกอยู่ข้างนอก ก็ยังเป็นปัญหา คนที่มีใจจะใช้โอกาสนี้สร้างเรื่องขึ้นมา ผู้ชมที่ไม่มีสมองกลุ่มหนึ่ง ก็จะถูกชักจูงและเชื่อ

และสถานการณ์แบบนี้ มักจะเกิดขึ้นในวงการบันเทิง

“อีกอย่าง เรื่องนี้ ผมได้บอกกับหัวหน้าแล้วครับ” บอดี้การ์ดพูดอีกครั้ง

วารุณีมองเขา “แล้วเขามีการตอบสนองยังไง?”

“หัวหน้าโมโหมากครับ ให้พวกผมระมัดระวังมากขึ้น ครั้งหน้าหากนวิยาส่งของแบบนี้มาอีก ให้จับเธอไว้” บอดี้การ์ดตอบกลับ

วารุณีนวดระหว่างคิ้ว “อยากจะจับได้ ไม่ง่ายเลย เบื้องหลังของเธอยังมีนิรุตติ์”

“หัวหน้าก็รู้ในจุดนนี้ครับ ดังนั้นหัวหน้าให้ผมมาบอกพวกคุณนายว่า สองวันนี้ ไม่ต้องกลับวิลล่าแล้วครับ” บอดี้การ์ดพูด

เชอรีนถามด้วยความแปลกใจ “ไม่กลับวิลล่า แล้วจะอยู่ที่ไหน?”

“อยู่ที่นี่ครับ ผู้จัดการแข่งขันได้จัดเตรียมห้องรับรองแขกไว้ให้พวกคุณนายแล้วครับ เดี๋ยวจะมาแจ้งพวกคุณครับ หัวหน้าบอกว่า ขอแค่พวกคุณไม่ออกจากห้องโถง นวิยาก็จะไม่ให้คนอื่นส่งของมาอีก ได้แต่ให้พนักงานของห้องโถง ส่งมาครับ พอเป็นแบบนี้ พวกเราก็สามารถแจ้งพนักงานทุกคนในห้องโถง ขอแค่นวิยาปรากฏตัว ไม่ว่าเธอจะให้พนักงานคนไหนส่งของให้ ก็จะถูกพนักงานจับได้ครับ” บอดี้การ์ดอธิบาย

เชอรีนเบิกตาโต “วารุณี วิธีนี้ไม่แย่นะ”

วารุณีพยักหน้า “ไม่แย่ ขอแค่อยู่ในสถานที่เดียวไม่ไปไหน สามารถให้พนักงานทุกคนปฏิบัติงาน จับนวิยา”

“งั้นก็ทำแบบนี้ละกัน” เชอรีนพูด

วารุณีไฟลต์บินไปคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับบอดี้การ์ดว่า “ฉันรู้แล้ว งั้นนายไปแจ้งฝ่ายจัดงาน ให้พวกเขาประชุมพนักงานทุกคนละกัน”

“ได้ครับ” บอดี้การ์ดรีบตอบรับ

จากนั้นวารุณีก็ไปแข่งขันกับเชอรีนแล้ว

สำหรับความยากของการแข่งขันยิ่งอยู่ยิ่งสูง การแข่งขันในทุกวันนี้ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ที่สามารถคัดผู้แข่งคันออกในวันนั้นเลย

ตอนนี้จะคัดผู้แข่งขันออกต้องรอถึงวันที่สอง หรือวันที่สามจึงจะตัดสิน

ครั้งนี้ก็เป็นแบบนี้ การเดินแบบตอนรอถึงมะรืน พรุ่งนี้เป็นเวลาที่ผู้แข่งขันทุกคนจะทำการผลิตเสื้อผ้า

เพราะว่าวันนี้ ผู้แข่งขันมากมายต่างก็ออกแบบภาพร่าง การผลิตเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ไม่มีลูกน้องในมือเลย

รวมถึงวารุณี เธอเองก็เลือกเนื้อผ้าที่จะใช้ไว้เรียบร้อยแล้ว และเริ่มผลิตเสื้อผ้าแล้ว

หลังจากจบการแข่งขันในวันนี้ วารุณีและเชอรีนพาทั้งสองไปที่ห้องรับรองแขก

ทางผู้จัดงานได้เตรียมห้องรับรองแขกไว้สองห้อง วารุณีเลือกห้องที่ใหญ่ที่สุด อยู่พักกับเด็กทั้งสอง

ครั้งแรกที่อาศัยอยู่สถานที่แบบนี้ พูดตามจริง ถือว่าใหม่มาก อีกอย่างทางห้องโถงก็ได้บันทึกภาพการออกแบบของดีไซเนอร์ชื่อดังไว้มากมาย รวมถึงชุดคอลเลคชั่นขั้นสูงที่สะสมไว้ วารุณีสามารถไปดูได้

ต้องรู้ว่า ปกติแล้วยุ่งแต่กับการแข่งขัน ไม่มีเวลาไปชมเลย ตอนนี้กลับมีแล้ว

วันที่สอง ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม วารุณีเรียกพวกบอดี้การ์ดมา “เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ในห้องโถงมีคนพนักงานได้รับกล่องไหม?”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งส่ายหัว “ไม่มีครับ”

“อาจจะเป็นเพราะว่ากล่องในวันนี้ยังไม่ได้ส่ง” เชอรีนเดา

วารุณีพยักหน้า “น่าจะใช่ครับ”

พูดจบ เธอก็ย้ำกับบอดี้การ์ดว่า “ระวังให้มากๆ หน่อย หากมีคนมา รีบจับไว้”

“ครับ” บอดี้การ์ดตอบกลับ

“ไปเถอะ ไปแข่งขัน” วารุณีมองไปทางเชอรีน นวดระหว่างคิ้ว

เชอรีนอื้มไปคำหนึ่ง ออกจากห้องรับรองแขกพร้อมกับเธอ

ตอนแรกคิดว่าหลังจากการแข่งขันช่วงบ่าย วารุณีก็จะได้รับข่าวว่านวิยาถูกจับแล้ว แต่ว่าไม่มี

นวิยาไม่ได้ปรากฏตัว พนักงานในห้องโถงทุกคน ก็ไม่ได้รับกล่องอะไร

ไม่มีทางอื่น วารุณีรออีกครั้ง คิดอยู่ว่าช่วยเย็นนวิยาจะปรากฏตัวไหม

น่าสงสัยมาก ช่วงเย็น รวมถึงกลางคืน นวิยาไม่มีการเคลื่อนไหวเลย

ไม่ได้รับกล่องหนึ่งวัน วารุณียังรู้สึกไม่ค่อยชิน

“นัทธี นายว่านวิยารู้แผนการที่พวกเราจะจับกุมเธอแล้วหรือเปล่า ดังนั้นจึงไม่กล้าออกมาเสียงแล้ว?” พึ่งอาบน้ำเสร็จ ในตอนที่วารุณีวิดีโอคอลกับนัทธี ได้พูดการคาดเดาของเธอออกมา

ทางนัทธีคือกลางคืนแล้ว

วันนี้เขาออกไปทำงานที่ข้างนอก อยู่อีกประเทศหนึ่ง เวลาที่นั่น พอๆ กับทางนี้

ทางเขาก็พึ่งอาบน้ำเสร็จ นั่งอยู่ข้างเตียง ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่เปียกชุ่ม ดูแล้ว ไม่ได้หล่อเหลาเย็นชาเหมือนปกติ มีเพียงแต่ความขี้เกียจและน่าหลงใหล

“ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” นัทธีพาดผ้าเช็ดตัวไว้บนไหล่ มือทั้งสองจับโทรศัพท์ มองดูผู้หญิงในโทรศัพท์ “แน่นอน ก็มีความเป็นไปได้ที่นวิยาตั้งใจทำ เพื่อลดความระมัดระวังของเธอ”

“ลดความระมัดระวังของฉัน?” วารุณีกะพริบตา

นัทธีพยักหน้า “ถูกต้อง เธอได้รับของพวกนั้นติดต่อกันสามวัน เธอคิดว่าทำเธอตกใจแล้ว จากนั้นก็หยุดมือช่วงเวลาหนึ่ง รอให้เธอคิดว่าเขาจะไม่ส่งแล้ว รอให้เธอปล่อยวางทั้งหมดแล้ว จู่ๆ ก็ส่งมาอีกอัน เธอว่าจะมีการตอบสนองยังไง?”

วารุณีเอียงหัวแล้วคิด “งั้นก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะฉันรุู้สึกว่าฉันถูกตอแยแล้ว”

“ใช่ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่เธอจะมีเป้าหมายนี้” นัทธีพยักหน้าตอบกลับ

วารุณีถอนหายใจ “วิธีการนี้ต่ำต้อยมากจริงๆ”

“สำหรับคนๆ หนึ่งแล้ว ขอแค่บรรลุเป้าหมาย ต่ำต้อยและทำไม” นัทธีตอบกลับ

“ที่นายพูดก็ถูก” วารุณียิ้มไปที จากนั้นก็เลิกผ้าห่มขึ้น นอนไปยังบนเตียง

เด็กทั้งสองหลับอยู่เตียงข้างๆ หลับสนิทมาก

วารุณีมองไป แววตาอ่อนโยนมาก “พอแล้ว ไม่พูดอันนี้แล้ว น่ารำคาญมากๆ วันนี้เด็กทั้งสองยังถามฉันอยู่เลย ในจะมาถึงตอนไหน”

“ไฟลต์บินพรุ่งนี้ช่วงเย็น น่าจะถึงประมาณกลางคืน แต่ว่าไม่ต้องมารับ หากนวิยาตามมาถึงสนามบิน เห็นบอดี้การ์ดห้ามกล่องของเธอไว้ ภายใต้ความกังวล เธออาจจะเปิดกล่องออกกลางสาธารณะ นำของข้างในออกมา พอถึงเวลาหากสร้างความตื่นตระหนกที่สนามบินก็แย่แล้ว” นัทธีขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

วารุณีพยักหน้า “โอเค งั้นฉันกับเด็กทั้งสองรอนายที่ห้องโถง แล้วค่อยกลับวิลล่า”

นัทธีพยักหน้าเบาๆ เห็นด้วยแล้ว

จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันไปสักพัก จึงจะวางสาย

เช้าวันถัดไป ทั้งวันนี้ วารุณีไม่ได้รับข่าวการปรากฏตัวของนวิยาเลย ยิ่งไม่รับกล่องเลย

ดูเหมือนว่าจะเป็นเหมือนที่นัทธีพูดเมื่อวาน นวิยาพักผ่อนไปสองวันเต็มๆ รอให้เธอเดินออกมาจากความระมัดระวังแล้ว ค่อยเตะเธอกลับไปในความตกใจอีกครั้ง

คิดแบบนี้แล้ว วารุณีหัวเราะเยาะเย้ย

นวิยายิ่งอยู่ยิ่งถอยหลังแล้วจริงๆ วิธีการในเมื่อก่อนโหดร้ายขนาดไหน แต่ละครั้งมุ่งตรงมาทางชีวิตของเธอเลย

แต่ตอนนี้ กลับมาทำกลั่นแกล้งแบบนี้

“วารุณี ประธานนัทธีจะมาถึงแล้วใช่ไหม?” จู่ๆ เชอรีนก็ถาม

วารุณียกมือขึ้นมองนาฬิกา “น่าจะใช่ สิบนาทีก่อน เขาโทรมหาฉัน บอกว่าออกจากสนามบินแล้ว สนามบินห่างจากที่ไม่มาก ระยะทางประมาณสิบนาที”

“งั้นเราไปรับที่หน้าห้องโถงเถอะ ประธานนัทธีไม่ให้ไปรับที่สนามบิน ไปรับที่หน้าประตูคงได้สินะ” เชอรีนเสนอ

เด็กทั้งสองได้ยินแล้ว ก็รีบเห็นด้วย “ใช่ครับหม่ามี๊ พวกเราไปรอที่หน้าประตูเถอะครับ หากเป็นแบบนี้ ก็สามารถเจอคุณพ่อทันที”

เห็นนัยน์ตาที่รอคอยของเด็กทั้งสอง วารุณีก็ไม่อยากให้พวกเขาผิดหวัง ลูกหัวเขาพวกเขา “งั้นก็ไปเถอะ”

“เย้ เย้!” เด็กทั้งสองดีใจจนปรบมือ จากนั้นก็มือจูงมือ รีบเดินไปทางประตู

บอดี้การ์ดที่ปกป้องเด็กทั้งสองโดยเฉพาะ ก็ตามติดไปข้างหน้าด้วย ดังนั้นวารุณีก็ไม่ได้กังวลพวกเขามา ยิ้ม แล้วก็เดินตามไป

พึ่งเดินไปถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเด็กทั้งสองตะโกนอย่างดีใจ “คุณพ่อ คือคุณพ่อ!”

หลังจากพูดจบ เด็กทั้งสองก็วิ่งออกจากหน้าประตูเลย วิ่งไปหาผู้ชายที่เพิ่งลงจากรถมาไม่ไกล