บทที่ 559 จับคนได้แล้ว

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ผู้ชายเห็นลูกทั้งสองคนตัวเองวิ่งมา ริมฝีปากยิ้มโค้ง จากนั้นก็นั่งลง รับเด็กทั้งสองไว้

“คุณพ่อ ไอริณคิดถึงคุณพ่อมากเลยค่ะ” ไอริณกอดคอของนัทธี พูดด้วยความอ้อน

อารัณก็พยักหน้า “ผมก็คิดถึงคุณพ่อครับ”

นัทธีจูบเด็กทั้งสองไปคนละที “นี่พ่อมาแล้วไม่ใช่เหรอ? หม่ามี๊ล่ะ?”

“หม่ามี๊อยู่ข้างๆ ครับ” อารัณหันหลังไป ชี้ไปทางข้างหลัง

นัทธีเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นบันไดชั้นสูงสุดของห้องโถงจากที่ไม่ไกล หญิงสาวที่สวยสง่าดั่งนางฟ้า ยืนอยู่ที่นั่น มองพวกเราด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน และโบกมือให้พวกเขา

นัทธีปล่อยเด็กทั้งสองออกแล้วลุกขึ้น จูงมือเด็กทั้งสอง เดินไปทางบันได

ในตอนที่เขาเดินไป ดวงตาของเขาอยู่บนตัวของผู้หญิงตลอดเวลา

ถึงแม้ว่าจะวิดีโอคอลกันทุกวัน ทว่ามีหน้าจอกั้นไว้ ก็สู้เจอกันต่อหน้าไม่ได้อยู่ดี

เจอกันต่อหน้า เขาสามารถเห็นเธอทั้งคนเลย

เธอก็ยังสวยขนาดนั้น ท้องแล้วก็ไม่ได้สูญเสียความสวยเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นยังมีเสน่ห์มากกว่าตอนไม่ท้องอีกด้วย ทำให้คนละสายตาไม่ได้เลย

นอกจากท้องจะโตขึ้นแล้ว หุ่นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับว่ากำลังส่องไสว

มาถึงตรงหน้าของวารุณี นัทธีปล่อยมือของเด็กทั้งสองออก กางแขนไปทางวารุณี “ไม่กอดสามีของเธอหน่อยเหรอ?”

วารุณีหัวเราะ แล้วเข้าไปกอด “ตอนนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งอ้อนเก่งแล้วนะ”

มารุตที่อยู่ไม่ไกลได้ยินประโยคนี้แล้ว พยักหน้าติดต่อกัน

ถูกต้อง เขารู้สึกว่าประธานมีปัญหาด้านสมอง

ในตอนที่อยู่ต่อหน้าคุณนาย จะยิ้ม จะพูดหวาน และสลิดมาก

ทว่าตอนที่คุณนายไม่อยู่ ประธานก็จะเหมือนกับเมื่อก่อน สีหน้าเย็นชา

นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างคนนอกและคนในสินะ

“ใหญ่แล้ว” ขณะนี้ จู่ๆ นัทธีก็ปล่อยวารุณีออก พูดประโยคสองคำที่ทำให้เธอรู้สึกมึนงง

วารุณีมองเขา “อะไรใหญ่แล้ว?”

“ท้อง” นัทธีก้มหน้าลง จ้องท้องของเธอ

ทันใดนั้นวารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แน่นอนอยู่แล้ว นี่จะสี่เดือนแล้ว ตอนนี้ท้องก็ใหญ่ขึ้นวันละนิดวันละหน่อย แสดงว่าเด็กน้อยเจริญเติบโตได้ดี อีกอย่างในช่วงสี่เดือนก่อน เด็กน้อยก็เริ่มขยับได้แล้ว”

“ขยับได้?” นัทธียักคิ้ว ราวกับว่ารู้สึกตกใจในความมหัศจรรย์ของชีวิต

วารุณีพยักหน้า “ใช่แล้ว รอให้สี่เดือนกว่า ครั้งแรกที่เด็กน้อยขยับ ฉันบอกนายเป็นไง?”

พอถึงเวลานั้น เขาอาจจะไม่อยู่ข้างกายเธอ ดังนั้นเธอจึงพูดได้แต่แบบนี้

นัทธีพยักหน้า “โอเค”

“งั้นตอนนี้พวกเราเข้าไปก่อนเถอะ อาหารเย็นจะเย็นหมดแล้ว” วารุณีจูงมือของเขา

กลุ่มคนจำนวนมาก เดินเข้าไปในห้องโถง

ในคืนนั้น เชอรีนรู้ตัวเองดี เชิญเด็กทั้งสองไปนอนกับเธอ ให้วารุณีและนัทธีอยู่ด้วยกันสองคน

จุดนี้ นัทธีได้ส่งสายตาที่ไม่เลวให้กับเธอ ตัดสินใจให้เงินรางวัลกับเธอ

ในห้องนอน วารุณีและนัทธีทั้งสองปลอบใจอย่างอ่อนโยนกันไปสักพัก จึงจะโอบกอดกัน แล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

เช้าวันที่สอง ทั้งสองยังไม่ตื่น ก็มีคนมาเคาะประตูห้อง “วารุณี วารุณี”

ข้างนอกมีเสียงที่ตื่นเต้นของเชอรีนดังเข้ามา

นัทธีขมวดคิ้ว แล้วลืมตาขึ้นทันที ในแววตามีความเย็นชาผ่านไป เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับพฤติกรรมของเชอรีนที่จู่ๆ ก็มาส่งเสียงดังใส่พวกเขา

ตัดสินใจในตอนนั้นว่า ยกเลิกเงินรางวัลของเชอรีน

“หืม……” ขณะนี้ วารุณีก็เริ่มขยับแล้ว ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย แล้วลืมตาขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ายังง่วงอยู่ น้ำเสียงก็มีความอ่อนแหบ “เชอรีนกำลังเรียกฉันเหรอ?”

“เปล่า เธอฟังผิดแล้ว หลับต่อเถอะ” นัทธีห่มผ้าให้เธอ

วารุณีกำลังจะพยักหน้า เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เสียงของเชอรีนดังผ่านมาอีกครั้ง “วารุณี วารุณี!”

“……” ริมฝีปากของนัทธีกลายเป็นเส้นตรง

เมื่อกี้เขาพึ่งบอกว่าวารุณีฟังผิดแล้ว เชอรีนก็ออกเสียง นี่ทำเขาแตกหน้าชัดๆ ไม่ใช่เหรอ?

เขาไม่เคยเห็นพนักงานที่ไม่รู้ตัวเองขนาดนี้มาก่อนเลย

เห็นผู้ชายสีหน้าดูแย่ วารุณีจะไม่รู้เหรอว่าเขาคิดอะไรอยู่ หัวเราะพึมพำออกมา “พอแล้วนัทธี นายไปเปิดประตูเถอะ”

“เธอไม่นอนแล้วเหรอ?” นัทธีถาม

วารุณีส่ายหัว “ไม่แล้ว ฟ้าสว่างแล้ว ควรจะลุกแล้ว”

นัทธีอื้มไปคำหนึ่ง เลิกผ้าห่มออกลงจากเตียง เก็บชุดนอนบนพื้นของเขาขึ้นมา แล้วใช้รีโหมดเปิดผ้าม่านออก และเลื่อนหน้าต่างลงเปลี่ยนอากาศให้กับห้อง จึงจะไปเปิดประตู

ประตูถูกเปิดออก เชอรีนคิดว่าเป็นวารุณี กำลังจะไปจูงมือ คิดไม่ถึงว่าจะเผชิญกับใบหน้าที่เย็นชาหล่อเหลาของนัทธี ทันใดนั้นก็ตกใจจนถอยไปหนึ่งก้าว “เออ……ประธานนัทธี ทำไมถึงเป็นคุณ?”

นัทธีขี้เกียจตอบคำถามโง่ๆ แบบนี้ของเธอ ถามด้วยน้ำเสียงที่รำคาญว่า “เธอมีเรื่องอะไร?”

ได้ยินประโยคนี้แล้ว เชอรีนยืนตัวตรง จริงจังขึ้นมาทันที “เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ที่ดีค่ะ?”

“อะไรเรื่องใหญ่ที่ดี?” นัทธีขมวดคิ้วแน่น

เชอรีนสูดหายใจลึก “พนักงานคนหนึ่งของห้องโถง จับผู้หญิงที่มาส่งกล่องได้แล้วค่ะ”

“อะไรนะ? จับได้แล้ว?” วารุณีพึ่งเดินมา ก็ได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นบนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความดีใจ “ใช่นวิยาไหม?”

“ฉันไม่รู้ แต่ว่าน่าจะไม่ใช่ ถ้าหากใช้ ผู้ช่วยมารุตก็ให้ฉันบอกพวกเธอแล้ว เชอรีนส่ายหัว”

วารุณีผิดหวังขึ้นมาทันที

นัทธีหรี่ตาแล้วเอ่ยปากขึ้น “ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่นวิยา ก็เป็นคนที่รับช่วงต่อจากนวิยาตรงๆ อาจจะเป็นไปได้ว่า เธอรู้เรื่องบางอย่างของนวิยา ฉันลองไปดู เธอแต่งตัวแล้วค่อยไป”

หลังจากเขาพูดจบ ก็เดินผ่านเชอรีนแล้วออกจากห้อง

หน้าประตูห้องเหลือเพียงแต่วารุณีและเชอรีนแล้ว

วารุณีเม้มปาก “เป็นเหมือนกับที่คิดไว้เลย นวิยาอยากรอให้ฉันปล่อยวางความระมัดระวัง แล้วตีความตกใจกลับมาให้ฉันอีกครั้ง ครั้งนี้ หยุดไปสองวัน มาอีกแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า พวกเราจะวางแผนจับเธอไว้ คนของเธอจึงถูกจับแล้ว”

“ใช่แล้ว สิ่งที่น่าเสียดายคือ คนที่จับได้ไม่ใช่เธอ เธอก็ฉลาดเหมือนกัน ไม่ลงมือด้วยตัวเอง กลับหาคนมาส่ง แต่แค่ไม่รู้ว่าคราวก่อนหน้านี้ ก็หาคนมาส่งให้เหมือนกันหรือเปล่า”

“เดี๋ยวลองไปถามดูก็รู้แล้ว” วารุณีก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยเสียงเบา

เชอรีนพยักหน้า “ก็ใช่”

“ฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อก่อน” วารุณีก้มมองดูชุดนอนบนตัวของตัวเอง

เชอรีนดึงมือของเธอไว้ “เดี๋ยวก่อนวารุณี”

“อะไร?” วารุณีมองเชอรีน

เชอรีนหันกลับมา “ในเมื่อกี้ ฉันเห็นว่าสายตาของประธานนัทธีเหมือนไม่ค่อยปกติ มีความรู้สึกเหมือนจะฆ่าฉัน ฉันทำอะไรไปหรือเปล่า สร้างเรื่องบาดหมางกับเขาแล้ว?”

เธอถามอย่างระมัดระวัง

วารุณีหัวเราะแล้ว “นั่นก็ไม่ใช่ แต่ว่าตอนที่เธอมาเรียกพวกเรา พวกเรายังไม่ตื่นเลย เขาก็แค่หงุดหงิดหลังตื่น เพราะว่าถูกเธอปลุกตื่นกะทันหัน”

“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” เชอรีนเข้าใจโจ่งแจ้ง “ฉันก็ว่า ทำไมสีหน้าของประธานนัทธีถึงแย่ขนาดนั้น ที่แท้ก็เพราะว่าฉันเสียงดังตอนพวกเธอนอน ถึงว่าล่ะผู้ช่วยมารุตให้ฉันมาบอกพวกเธอว่าจับคนได้แล้ว ตัวเองเป็นตายก็ไม่ยอมมา ที่แท้ก็ให้ฉันมารับการโมโหของประธานนัทธีนี่เอง”

ยิ่งพูดก็ยิ่งน่าโมโห เชอรีนถึงกับของขึ้น

วารุณีตบไหล่ของเธอแล้วหัวเราะ “พอแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่าเก็บไปคิดเลย ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว”

“อื้มอื้ม” เชอรีนพยักหน้า

วารุณีปิดประตูห้อง กลับไปที่ห้องนอน

หลังจากที่ล้างหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว

เชอรีนยังรออยู่ที่ข้างนอก เห็นเธอออกมา ก็พาเธอไปที่ๆ ขังคน

คนถูกขังไว้ในห้องทำงานห้องหนึ่ง

ในตอนที่วารุณีมาถึง มารุตเฝ้าอยู่ข้างนอก เห็นเธอแล้ว ก็รีบหยักหน้าทักมาย “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณนาย”

“อรุณสวัสดิ์ นัทธีล่ะ?” วารุณีถาม

มารุตชี้ไปทางข้างใน “ประธานอยู่ข้างในครับ คุณเข้าไปเถอะครับ”

วารุณีอื้มไปคำหนึ่ง เปิดประตูแล้วเข้า เชอรีนตามอยู่ข้างหลัง