บทที่ 626 สัมผัสไม่เลว

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

เย่แจ๋หยิ่งโอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่น

“เยาเยา อย่าดูถูกตัวเอง การเสียสละของเจ้าทำให้ข้าปวดใจเกินขีด ข้าไม่อยากให้เจ้าได้รับการโดนทำร้ายสักเล็กน้อย ยิ่งกลัวจะสูญเสียเจ้า”

อดีตที่ผ่านมาปรากฏให้เห็นในสายตา นางเสียสละมากพอแล้ว อีกทั้งที่สำคัญที่สุดคือความงดงามของความรักความผูกพันที่มีต่อกันของทั้งสอง นี่สำคัญกว่าทั้งหมด อย่างอื่นล้วนรองลงมา

มองดูคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง เย่แจ๋หยิ่งอดไม่ได้ที่จะจูบหน้าผากของนาง

หลังจากที่พบนางความกลัดกลุ้มทุกอย่าง ล้วนเยียวยาแล้ว

“ต่อจากนี้จะไม่มีแล้ว พวกเราอยู่ด้วยกัน เกิดด้วยกัน ตายด้วยกัน”

เย่แจ๋หยิ่งคิดก็ไม่ได้คิด ก็ตอบรับนางทันที “ได้!”

หลานเยาเยาคิดว่า แม้ว่าถังมู่หวั่นคิดอยากได้รับความอ่อนโยนของเย่แจ๋หยิ่ง การกระทำอย่างน้อยก็ต้องถัดไปสองสามวัน

น่าเสียดายนางรีบร้อนเกินไปแล้ว……

หรือบางทีวันนั้นพบเย่แจ๋หยิ่งจึงรู้สึกว่าใกล้แค่เพียงเอื้อมมือ ดังนั้นนาทีเดียวก็ไม่อยากรอ

วันที่สอง หลานเยาเยากับเย่แจ๋หยิ่งยังกินอาหารเช้าอยู่ ก็เห็นพ่อบ้านเหมยมาอย่างรีบร้อน ทำมือเคารพรายงาน:

“ท่านอ๋องขอรับ คุณหนูถังมู่หวั่นอยู่ด้านนอกประตูใหญ่ นางบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องการพบท่านขอรับ”

หลานเยาเยามองไปทางเย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งก็เหลือบตาขึ้นสบตากับนาง ทั้งสองคนล้วนเข้าใจความหมายของฝั่งตรงข้าม หลานเยาเยายังกินข้าวลงอยู่ เย่แจ๋หยิ่งกินไม่ลงแล้วโดยสิ้นเชิง

“เจ้ายังจะกินอีก?”

“ทำไมไม่กิน? รีบไปทำเรื่องสำคัญ”

เย่แจ๋หยิ่งโกรธทันที ชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง ลุกขึ้นแล้วจากไป ด้านหลังกลับดังมาด้วยเสียงของหลานเยาเยาที่แฝงการหยอกล้อ “ทำได้ดี กลางคืนมีเลี้ยงฉลอง”

ได้ยินคำนี้ ความโกรธในใจของเย่แจ๋หยิ่งนั้นจึงค่อยๆสงบ จากนั้นยกมุมปากขึ้น ร่างกายหยุดยืนอย่างมั่นคง “เลี้ยงฉลองคือข้าอยากทำอย่างไรก็อย่างนั้น?”

ตอนนี้ตัวตนที่แท้จริงของหลานเยาเยายังไม่ได้เปิดเผย ต่อหน้าพ่อบ้านเหมย เย่แจ๋หยิ่งยังคงเรียกตัวเองว่าข้า แต่น้ำเสียงการพูดจาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ฟังจนพ่อบ้านเหมยตะลึงตาค้าง

“ได้ได้ได้ อยากทำอะไรก็อย่างนั้น!”

ได้รับคำตอบที่พอใจ เย่แจ๋หยิ่งจากไปด้วยร่างกายและจิตใจที่เป็นสุข สายตาของพ่อบ้านเหมยที่แยกออกระหว่างหลานเยาเยาและเย่แจ๋หยิ่ง ก็เดินตามไปด้วยสีหน้าเหมือนคนท้องผูก

คิดถึงถังมู่หวั่น

หลานเยาเยาเปล่งเสียงไม่พอใจออกมาทีหนึ่ง: ก่อกรรมไว้มากก็รับผลกรรมที่ทำไว้

ไม่รู้ว่าหลังจากที่ความจริงทุกอย่างเปิดโปงแล้ว นางจะทำปฏิกิริยาอย่างไร จะมีความละอายใจสักนิดหรือไม่ ตำหนิตัวเอง หรือว่ากลับใจ?

กินอาหารเช้าแล้ว ออกมาจากลานซวนซี ทีแรกหลานเยาเยาอยากเดินเล่น เพื่อให้ลำไส้ที่หนักอึ้งย่อยสักหน่อย

ใครจะรู้……

ขณะที่เดินไปถึงด้านหน้าลาน กลับพบหญิงสาวผู้หนึ่ง ท่าทางดูมีสติปัญญา สวยงามสะดุดตาเหมือนดั่งบัวในน้ำ รูปร่างอ้อนแอ้น มีส่วนโค้งด้านหน้าด้านหลัง หลังจากผ่านการแต่งตัวอย่างใส่ใจ ยิ่งสวยงามจนทำให้คนไม่อยากละสายตา

หลานเยาเยาหรี่ตาลงเล็กน้อย

นางยังไม่ไปอีก?

เวลานี้ ไม่ใช่ว่านางควรจะพาเย่แจ๋หยิ่งไปหาร่างศพของคนโดนมนต์ดำหรือ? ทำไมยังอยู่ที่นี่?

ถังมู่หวั่นก็เห็นนางแล้ว ท่าทางแข็งทื่อในพริบตา คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเห็นซ่างกวนหนานซู่อยู่ที่นี่ นางยิ้มเล็กน้อยอีกครั้ง เดินไปทางซ่างกวนหนานซู่

“ที่แท้คือคุณชายซ่างกวน มู่หวั่นทำความเคารพ”

“คุณหนูถังเกรงใจแล้ว ไม่พบหลายวัน ยิ่งสวยงามจับใจคนแล้ว ไม่ว่าผู้ใดมองล้วนต้องหลงรัก”

คำพูดอย่างเกรงใจเรียบๆ เข้าในหูถังมู่หวั่น กลับทำให้นางเขินอายเล็กน้อย

“คุณชายซ่างกวนชมเกินไปแล้ว แต่ว่า ทำไมคุณชายซ่างกวนถึงอยู่ที่นี่?”

“เอ๊ะ คุณหนูถังไม่รู้หรือ? ข้ารักษาดวงตาสองข้างของอ๋องเย่หายแล้ว อ๋องเย่ยินยอมเอาจวนของเขาค้ำประกันให้ข้าเอง ดังนั้นตอนนี้ข้าก็อยู่ในจวนของตัวเอง”

คำพูดนี้ไม่ผิดสักน้อย

แต่ถังมู่หวั่นที่ได้ฟังรู้สึกเสียดหูเป็นพิเศษ

“หมอจิตใจเมตตา รักษาอาการป่วยช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องอยู่ในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ อ๋องเย่เป็นอ๋องเทพสงครามของประเทศก่วงส้า วีรกรรมในสงครามโดดเด่น ได้รับความเคารพจากประชาชนอย่างลึกซึ้ง

สามารถรักษาดวงตาของอ๋องเย่เท่ากับเป็นเกียรติและโชคดี คิดไม่ถึงว่าคุณชายซ่างกวนยังจะยึดจวนของคนอื่นอีก ฮ่องเต้ขุนนางข้าราชการผู้ใหญ่ระดับสูงทั้งหลายถึงประชาชนระดับล่าง หากว่ารู้เรื่องนี้ เกรงว่าคุณชายซ่างกวนจะทำให้ผู้คนโกรธอย่างไร้สาเหตุแล้ว”

ทุกประโยคที่ถังมู่หวั่นกล่าว ราวกับว่าล้วนคิดเพื่ออ๋องเย่ แทบจะเอาอ๋องเย่วางไว้เป็นคนของตัวนางเองแล้ว ทุกคำล้วนปราบปรามนางเพื่ออ๋องเย่

หลานเยาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย

และไม่ได้มีการกระทำใด

เพียงแค่เอ่ยเรียบๆ: “หมอมีจิตใจเมตตาประโยคนี้ไม่ผิด แต่หมอก็ต้องการดำรงชีวิต และไม่ใช่ทุกคนล้วนเหมือนคุณหนูถังเช่นนั้นใหญ่โตหรูหราฟุ่มเฟือย ช่วยรักษาคนไม่ต้องการค่ารักษา ข้าเป็นคนธรรมดา ช่วยคนรักษาไข้ไม่เพียงต้องการค่ารักษา ยังตั้งราคาสูงอีกด้วย นี่ไม่ใช่หรือ มีความทะเยอทะยาน มีรสนิยม ถึงได้มีบ้านดีๆอยู่”

ไม่ได้อยากบอกว่านางเห็นเงินแล้วตาลุกวาว เป็นคนเห็นทรัพย์สินเหมือนดั่งชีวิตหรือ?

ได้!

ตามอารมณ์ของนาง นางร่วมมือก็ได้

“เจ้า……ทำไมอ๋องเย่ถึงได้ชอบพอคนประเภทนี้อย่างเจ้า?”

“ช่วยไม่ได้ ข้าเป็นวิชาการรักษา ยังหน้าตาหล่อเหลา ทั้งประจวบเหมาะกับในเวลาที่อ๋องเย่เหงาที่สุด ปรากฏตัวในเวลาที่หดหู่ เขาชอบพอข้า จ่ายเงินก้อนใหญ่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้”

คำพูดนี้ทำให้ถังมู่หวั่นเดือดดาล บนใบหน้าไม่แสดงออก แต่มือข้างหนึ่งกำแน่นจนเป็นหมัดแล้ว

เห็นดังนั้น!

หลานเยาเยาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แววตาค่อนข้างซึมเศร้า

“น่าเสียดายระยะนี้อ๋องเย่กลับหลบข้าเหมือนดั่งงูแมงป่อง ยังเริ่มเตรียมตัวย้ายออกจากที่นี่ หาจวนใหม่ ข้าทำผิดตรงไหน?”

หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งเอาจวนทำเป็นค่ารักษา พ่อบ้านเหมยก็เสาะหาสถานที่ที่เหมาะสมสร้างจวนใหม่อย่างลับๆ นี่ไม่ใช่ความลับอะไร เพียงแค่ถังมู่หวั่นแอบไปสืบดูก็จะรู้

นางตั้งใจแสร้งทำเป็นเศร้าโศก แสดงให้เห็นว่าตัวเองเจ็บปวดมาก

แต่ทว่าถังมู่หวั่นกลับผิดจากปกติทันที ลดท่าทางลง กล่าวปลอบใจ:

“คุณชายซ่างกวนไม่จำเป็นต้องเศร้าโศก อ๋องเย่เพียงแค่ทำตามสัญญา ในเมื่อจวนเป็นค่ารักษาแล้ว ตาสองข้างของเขาก็หายดีแล้ว เป็นธรรมดาที่จำเป็นต้องย้ายออกไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดคำนินทาโดยไร้เหตุผล”

หลานเยาเยาพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของนาง ยังไม่ทันได้พูด

ฉับพลันนั้นก็ได้ยินถังมู่หวั่น”อ้า”เสียงหนึ่ง ขณะที่นางเงยหน้าไปดู ก้อนน้ำแข็งที่แข็งตัวบนกิ่งไม้ของต้นไม้ในตอนเช้าล่วงตก ตกบนศีรษะ จึงทำให้นางร้องอย่างตระหนกติดต่อกัน

“คุณชายซ่างกวน น้ำแข็งเหล่านี้เย็นเป็นอย่างมาก ช่วยข้าเอาพวกมันออก”

ก้อนน้ำแข็งบางๆตกบนศีรษะแตกเป็นหลายชิ้น ถังมู่หวั่นรีบร้อน ทำอย่างไรก็ปัดเศษน้ำแข็งไม่ออก

หลานเยาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย

คิดจะทำแผนการอะไร?

นางเดินเข้าไป ท่าทางเป็นบุรุษที่ถ่อมตัว ต้องช่วยนางหยิบเศษน้ำแข็งไม่กี่ก้อนที่แทบจะละลายหมดแล้วออกจากศีรษะ ใครจะรู้ถังมู่หวั่นล้มไปด้านหลังอย่างกะทันหัน ดึงเอานางไปด้วยกัน

ทั้งสองคนล้มอยู่บนพื้นเช่นนี้ นางทับอยู่บนตัวของถังมู่หวั่น มือสองข้างทั้งๆที่ก่อนหน้านี้คือคิดจะค้ำบนพื้น ตอนนี้กลับค้ำอยู่บนหน้าอกที่นุ่มนวลสองข้างของถังมู่หวั่นอย่างแปลกประหลาด ปกเสื้อของถังมู่หวั่นยังจะเปิดออก ท่าทางถูกบังคับข่มเหง เหตุการณ์นี้จะมองอย่างไรก็เหมือนนางผู้หญิงที่แต่งตัวเป็นคุณชายหนุ่มกำลังใช้กำลังครอบครองคุณหนูที่สวยงามดั่งดอกไม้

“พวกเจ้าทำอะไรกัน?”

เสียงที่ดึงดูดดังขึ้นอย่างฉับพลัน

ในใจหลานเยาเยาเป็นกังวล หันหน้าไปดูเห็นเย่แจ๋หยิ่งปรากฏตัวอยู่ข้างๆ สายตาจับจ้องที่มองสองข้างของนาง เห็นตำแหน่งที่นางจับหน้าดำอย่างไร้ที่เปรียบในพริบตา

เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว หิ้วนางขึ้นมา หิ้วไปไกลมากจึงได้วางนางลง

เขาไม่พูดจา สายตามองดูนางเบาๆ

ท่าทางเช่นนั้นก็เหมือนนางสวมเขาอันใหญ่ให้เขา

“แฮ่ม!”

หลานเยาเยากระแอมเบาๆเสียงหนึ่ง กล่าวอย่างน่าต่อย: “สัมผัสไม่เลว”

เมื่อคำพูดนี้ออกไป เย่แจ๋หยิ่งโกรธแทบจะกลั้นไม่ได้ อยากลากมือของนางไปล้างสักสองร้อยแปดสิบรอบจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะมองยังไงก็ขวางตา

ที่โกรธอย่างหนักเหมือนกันยังมีถังมู่หวั่น

คิดไม่ถึงว่าซ่างกวนหนานซู่จะเลวทรามไปถึงในกระดูก เวลานี้ยังมีหน้าพูดจาชนิดนี้อีก แต่ว่า เห็นท่าทางที่โกรธเป็นพิเศษของอ๋องเย่ นางรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว

เพราะนางถูกซ่างกวนหนานซู่ลวนลามอ๋องเย่ถึงได้โกรธมากเพียงนี้สินะ