บทที่ 646 เผชิญหน้ากับหลูเสวี่ยน

วันต่อมาหวังหยูและซานเป่าไปฝึกศิลปะการต่อสู้กับตู้เย่ หวังหยูไม่เพียงแต่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายเท่านั้น แต่เขายังขยันมากอีกด้วย

บทเรียนที่ตู่เย่มอบหมายให้เขาทำค่อนข้างยาก แต่หวังหยูก็ทำสำเร็จได้เป็นอย่างดี เกินกว่าที่ตู้เย่ประเมินเอาไว้ด้วยซ้ำ เขาพอใจกับหวังหยูมาก หลังจากที่ฝึกทักษะพื้นฐานให้สองสามวันเขาก็เริ่มสอนเพลงมวยให้กับหวังหยู

วันเวลาผ่านไปกับการฝึกฝน ในที่หยุดตู่เย่ก็มีวันหยุดให้แก่พวกเขา ซานเป่าพาเด็กหนุ่มออกไปเดินเล่น

“ข้าเบื่อจะตายอยู่แล้ว ข้าอยากกินขนมอบหอมหมื่นลี้ กับถังหูลู่จริงๆ” ซานเป่าบ่น

“หวังหยู เจ้าไม่เคยไปที่ตลาดในเมืองมาก่อนใช่หรือไม่ ข้าจะพาเจ้าไปเอง” ซานเป่ามองไปทางหวังหยู กระพริบตาโตๆของนาง เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ

แม้เขาจะยังกลัวผู้คนอยู่ แต่ความกลัวของเขาลดลงหากได้อยู่กับซานเป่า ทั้งสองตรงไปที่ร้านขายขนม ร้านนี้เป็นร้านโปรดของซานเป่า ทุกครั้งที่นางไปที่ร้านจะได้ของติดไม้ติดมือกลับมาเป็นจำนวนมาก คนขายทุกคนในร้านรู้จักนางเป็นอย่างดี ทำให้พวกเขาอดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้เมื่อเห็นบุรุษที่เดินตามหลังซานเป่า

“คุณหนูเว่ย เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครหรือ? หน้าตาดีทีเดียว”

“เขาคือหวังหยู เป็นองครักษ์ของข้า” ซานเป่ากล่าว

“นั่นน้องสาวสกุลอู่ไม่ใช่หรือ? ช่างบังเอิญเสียจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นทักทาย ทำให้สีหน้าของซานเป่าเปลี่ยนไปกะทันหัน นางหันไปมอง เป็นหลูเสวี่ยนนั่นเอง ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียว และเมื่อส่งยิ้มบางๆ ให้ ดูอ่อนแอไร้พิษสง

เขามองซานเป่าพลางคิดในใจ เด็กคนนี้เป็นบุตรสาวของฮูหยินอู่แต่นางกลับใช้ชื่อเว่ยหนิง น่าแปลก! วันนี้เขาเบื่อจะอยู่บ้านจึงออกมาเดินเล่นที่ข้างนอก จึงได้เจอนางเข้าโดยบังเอิญ

“น้องอู่ชอบขนมแบบใดหรือ? พี่ชายคนนี้จะซื้อให้เจ้าเอง” หลูเสวี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ข้าขอปฏิเสธความหวังดีของเจ้า ข้าเกรงว่าจะถูกเจ้าวางยาพิษจนตายแทน” ซานเป่าพูดด้วยความโกรธ

“เหตุใดเจ้าพูดเรื่องน่าขบขันเช่นนี้ ข้าไม่ได้ว่าง จนมีเวลาไปวางยาพิษเจ้าได้หรอก” หลูเสวี่ยนยิ้มบางๆ

ซานเป่าโกรธจนแทบอาเจียน เหตุใดจึงมีคนที่น่าขยะแขยงเช่นนี้อยู่อีก ขณะหลูเสวี่ยนต้องการที่จะเข้ามาใกล้ซานเป่ามากขึ้น ในตอนนั้นเองหวังหยูก็เดินเข้ามาขวาง น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นยิ่งทำให้หวังหยูดูสูงใหญ่ จนกระทั่งบังซานเป่าแทบมิดเลยทีเดียว

หลูเสวี่ยนนิ่งอึ้งไปเมื่อมองหวังหยู เขา จากนั้นจึงจำได้ว่าเป็นทาสอู๋ซานของเขานั่นเอง

ทาสอู๋ซานคนนี้ควรคุกเข่าอยู่แทบเท้าของเขาราวกับสุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง แต่กลับมายืนต่อหน้าเขา ใช้สายตาเหยียดหยามมองเขาเช่นนี้ ทำให้หลูเสวี่ยนแทบจะทนไม่ได้

“ไอ้ทาสต่ำช้า กล้ามาขวางทางข้าหรือ?” หลูเสวี่ยนพูดอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หวังหยู เขาตัวเตี้ยกว่าหวังหยูมาก ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ความน่าเกรงขามของหลูเสวี่ยนลดลง

จริงอยู่ที่หวังหยูกลัวหลูเสวี่ยน ทั้งแส้ที่เคยฟาดเขา ทั้งให้สุนัขกัดเขา ความเจ็บปวดเหล่านั้นยังติดอยู่ในความทรงจำ เมื่อเห็นเจ้านายเก่าหวังหยูแทบอยากจะขดตัวให้กลายเป็นลุกหนังลูกเล็กๆ แต่เขาจำต้องอดกลั้นเอาไว้ หวังหยูเป็นองครักษ์ของซานเป่า เขาจะไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายซานเป่าได้เป็นอันขาด

ซานเป่ามองหวังหยูอย่างสะเทือนใจ แม้เขาตัวสั่นแต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ต่อหน้านาง

“ไอ้ทาสชั้นต่ำ เจ้ารนหาที่ตายหรือ?” เสียงของหลูเสวี่ยนพูดขึ้นอย่างชั่วร้าย เขายื่นเท้าจะเตะหวังหยู ซานเป่าดึงเด็กหนุ่มออกไป นางสกัดเตะของหลู่เสวี่ยนด้วยเท้าของตนอย่างว่องไว

หลูเสวี่ยนเจ็บหน้าแข้ง เขาล้มลงไปที่พื้น บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลังรีบวิ่งเข้ามาช่วยเขาทันที หลูเสวี่ยนพิงไปที่ร่างของบ่าวรับใช้ หลังจากที่เขาหายเจ็บแล้ว เขาจ้องมองซานเป่าอย่างดุร้าย แล้วหันไปมองเถ้าแก่ของร้าน

“เจ้าอนุญาตให้ทาสเข้ามาในร้านได้ด้วยหรือ?”

“ทาสอะไรขอรับ?” เขาตกใจ

ทาสถือว่าเป็นตัวอัปมงคล คนส่วนใหญ่ย่อมถอยห่างจากพวกเขา ผู้เป็นทาสจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านด้วยซ้ำ หลูเสวี่ยนชี้ไปที่หวังหยู

“เจ้าทาสอู๋ซานชั้นต่ำ เจ้าอนุญาตให้เขาเข้ามาในนร้าน ต่อไปใครจะกล้าซื้อของร้านเจ้า ไล่มันออกไปสิ!” ชายคนนั้นมองหวังหยู คนผู้นี้เป็นทาสหรือ? แต่คุณหนูเว่ยบอกว่าเขาเป็นองครักษ์ของนาง

เมื่อเห็นว่าเริ่มมีปัญหา ซานเป่าจึงพูดขึ้น

“ช่างเป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรง คนผู้นี้คือหวังหยู เขาเป็นองครักษ์ของข้า”

ซานเป่าไม่กลัว นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“แม้เจ้าจะเป็นนายน้อยสกุลหลู แต่เจ้าก็ไม่สามารถได้ทุกอย่างตามต้องการหรือแม้แต่รังแกผู้อื่นได้ง่ายๆ หากเจ้าดุด่าหรือลงมือกับองครักษ์ของข้า ระวังข้าจะฟ้องร้องเจ้ากับทางการก็แล้วกัน”

ซานเป่าจงใจเปิดเผยตัวตนของหลูเสวี่ยน ท่านแม่ของนางบอกว่าคนสกุลหลูเป็นพวกที่รักษาหน้าของตนเป็นที่สุด เขาเองก็เป็นคนสกุลหลู จะกล้าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์สกุลของตนได้อย่างไร?

หลังจากที่นางข่มขู่เขา ซานเป่าก็หันไปหยิบขนมต่อทันที

หลูเสวี่ยนหอบหายใจแรงๆ เขากำมือของตัวเองแน่นเมื่อระงับความโทสะ อยากจะฉีกสาวน้อยคนนี้เป็นชิ้นๆ ซานเป่าทำราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุ หลังจากที่นางซื้อขนมจนพอใจแล้ว ซานเป่าก็ส่งให้แก่หวังหยู พร้อมลากเขาไปซื้อของต่อ นางซื้อของมากมายให้กับหวังหยู

“หมวกใบนี้เหมาะกับเจ้า”

“ข้าจะซื้อดาบไม้ให้เจ้าไว้ฝึก ตอนแรกข้าก็ใช้เพราะท่านแม่กับอาจารย์กลัวว่าข้าจะเผลอทำมันบาดตัวเอง”

“นายท่าน พอแล้วขอรับ” หวังหยูรีบเอ่ยห้าม ของที่เขาถือส่วนใหญ่แล้วเป็นของเขาแทบจะเกินครึ่ง

เหตุใดนางจึงซื้อของให้องครักษ์มากมายเช่นนี้ เจ้านายเขาช่างใจดี

ชีวิตของหวังหยูเป็นของนาง นางใจดีกับเขาจนหวังหยูไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของนางได้อย่างไร

เมื่อซื้อข้าวของจนพอใจแล้วซานเป่าจึงได้พาหวังหยูขึ้นรถม้ากลับบ้าน ระหว่างทางรถม้าของนางหยุดกะทันหัน เมื่อซานเป่าเปิดม่านรถม้าออกดู จึงเห็นหลูเสวี่ยนมาขวางที่หน้ารถ ใบหน้าของนางเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

“คุณหนูอู่ จริงๆ แล้วข้าเตรียมของขวัญไว้ให้เจ้า แต่ข้าดันลืมเสียได้” หลูเสวี่ยนถือกล่องไว้ในมือก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่จำเป็น ข้าไม่รับ” ซานเป่าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“น้องสาวปฏิเสธเช่นนี้ข้าเสียใจมาก ข้าคิดว่าเจ้าจะต้องชอบมันแน่นอน ลองดูก่อนสิ” หลูเสวี่ยนกล่าว

เขาให้บ่าวรับใช้มาล้อมรถม้าไว้ ความหมายย่อมชัดเจนว่าจะไม่ยอมปล่อยซานเป่าไปหากนางไม่ยอมรับของ

“น้องอู่ เจ้าลองดูสิ” หลูเสวี่ยนพูดพลางยื่นกล่องใบนั้นให้ซานเป่า ทันทีที่เปิดกล่องออกมา ร่างเรียวเล็กพุ่งออกมาจากกล่องไปที่ใบหน้าของซานเป่า เมื่อนางเห็นชัดจึงรู้ว่าเป็นงูตัวหนึ่ง

ทันใดนั้นร่างของซานเป่าก็ถูกปกป้องด้วยอ้อมกอดที่แน่นหนา