บทที่ 628 ยังมีเรื่องอีกนิดหน่อยที่นึกไม่ได้

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หลานเยาเยามองดูบ้านที่พังถล่มแวบหนึ่ง เหมือนว่าหานแสจะรู้ความคิดในใจของนาง ไตร่ตรองครู่หนึ่ง กล่าวอีกว่า: “เขาไม่ตายหรอก”

หลานเยาเยาจ้องมองเขาอย่างเกรี้ยวกราด

นางรู้อย่างแน่นอนว่าเย่แจ๋หยิ่งจะไม่เป็นไร เพียงแค่เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเย่แจ๋หยิ่งจะกังวล แต่ฮัวหยู่อันจะเป็นไรไม่ได้ นางจำต้องไปช่วยนางก่อน

“นำทางเถอะ!”

หลานเยาเยาเอามือข้างเดียวไว้ด้านหลัง เอาของอย่างหนึ่งออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ทันทีที่มือดีดก็จมไปในดินครึ่งหนึ่ง จากนั้นรู้สึกว่าช่วงเอวแน่น เมื่อฉุดดึงด้ายเงินที่มัดตรงช่วงเอว พลังที่แข็งแกร่งพานางเหาะขึ้นในพริบตา และไปตามลม

เดินๆหยุดๆ บางช่วงเหาะขึ้น บางเวลาเดินเท้า เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า

นางแอบกังวลใจ

แต่หานแสกับมีความสุขย่างสบายใจ ราวกับว่าพานางออกมาเที่ยวเล่น อิ่มอกอิ่มใจ

นางถาม: “เมื่อไหร่จะถึง?”

เขาตอบ: “ไม่รีบ!”

มีสองคำนี้ หลานเยาเยาก็รู้ว่าชีวิตของฮัวหยู่อันไร้กังวล อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มี

นางกำลังคิดทิ้งสัญญาณลับไว้ แต่หานแสกลับหยุดฝีเท้าอย่างฉับพลัน เข้าใกล้ทันที กล่าวอย่างดูถูกเล็กน้อย:

“อย่าเปลืองแรงเลย เครื่องหมายที่เจ้าทิ้งไว้ คนของข้าอยู่ด้านหลังจัดการอย่างสะอาดตั้งนานแล้ว”

ถูกเขาจับได้ หลานเยาเยาก็ไม่หลบๆซ่อนๆอีก เก็บมืออย่างเปิดเผย ไม่ได้ทิ้งเครื่องหมายอีก กลับถามอย่างสนใจ

“หานแส เมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครแล้ว ทำเช่นนี้อีกทำไม?”

ได้ยินดังนั้น!

หานแสเก็บรอยยิ้มที่ชั่วร้าย สีหน้าจริงจัง: “ผู้ดูแลหลาน เจ้าเปลี่ยนแปลงไปมาก ค่อยๆถูกเรื่องซับซ้อนไร้ประโยชน์พันเกี่ยวมือเท้า ไม่ได้เป็นเทพธิดาผู้นั้นที่มองเรื่องประเพณีปฏิบัติเป็นเศษธุลีดินแล้ว และไม่ได้อยู่สูงส่งอีก กลายเป็นคนธรรมดาในโลกมนุษย์นี้

แต่เจ้าไม่ควรเป็นเช่นนี้ จากความสามารถของเจ้า สามารถเป็นคนมีอำนาจยิ่งใหญ่ กลายเป็นบุคคลเช่นนั้นเหมือนราชครูเทียนเวิง แม้ว่าจุดจบจะไม่ได้ชื่อเสียงเสียหายถูกคนประณามตลอดกาลเหมือนเขา แต่เกินพอที่จะมีชื่อเสียงแผ่ขจร

แต่เจ้าถูกความรักความผูกพันรั้งมือและเท้าไว้ เพื่อเขา ยอมเป็นคนธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ เฝ้ารักษาอยู่ข้างกายเขา

นี่ไม่น่าขำเป็นอย่างมากหรือ?”

ความสามารถของหลานเยาเยาหานแสเคยได้พบเจอแล้ว เพียงต้องการความช่วยเหลือของเขาเล็กน้อย นางก็สามารถเรียกลมฝนได้ กลายเป็นเทพธิดาที่ทุกคนในโลกต้องยำเกรง

น่าเสียดาย นางที่เป็นเช่นนั้น ตายในทะเลทรายแล้ว

“หานแส มีบางเรื่องที่เจ้ายังมองไม่ทะลุ เรียกลมเรียกฝนได้น่าเกรงขามไปทั่วสารทิศ แต่ช่วงเวลานั้นข้าไม่เคยมีความสุขเลย ทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างชินชาเท่านั้น

ข้าไม่ยอมใช้ชีวิตเช่นนั้น ข้าปรารถนาเพียงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสงบสุขกับเขาทั้งชีวิต”

ได้ยินคำนี้

ในตาหานแสฉายแววแปลกประหลาด จากนั้นหัวเราะเจื่อนเสียงหนึ่ง พึมพำคำพูดของนางซ้ำอีก

“เรียบง่ายสงบสุข? เหอะ เกรงว่าโลกนี้คงไม่ได้สุขสมรื่นรมย์เช่นนั้น ท้องฟ้าจะถล่มแล้ว วันที่สุขสบายเหลือเพียงไม่กี่วัน”

“หมายความว่าอะไร? เป็นเพราะสี่ประเทศมหาอำนาจของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้จะเกิดสงครามใหญ่หรือ?”

จากมุมมองของหลานเยาเยา ขณะนี้ปัญหาที่จัดการยากที่สุดคือช่วงการมีชีวิตที่ผู้อ่อนแอจะถูกผู้ที่แข็งแกร่งกลืน หลังจากผ่านวันจับจ่ายสิ้นปีก็อาจจะเกิดสงครามใหญ่ได้ จากนั้นบรรยากาศสงครามดุเดือดประชาชนล้มตาย

แต่……หานแสกลับหัวเราะเยาะเย้ยต่อสิ่งนี้

“หลานเยาเยาเอ๊ยหลานเยาเยา มุมมองของเจ้าเปลี่ยนเป็นแคบขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เจ้ารู้ว่าทำไมราชครูเทียนเวิงจึงต้องการเพราะเลี้ยงทุ่งดอกกระดูกขาวในทุกประเทศ ตั้งใจทำให้คนทั้งหมดกลายเป็นคนโดนมนต์ดำที่ไม่มีความรู้สึกไม่รู้จักเจ็บปวดไหม?

เจ้ารู้ว่าอ๋องเย่รู้การกระทำในอดีตของอดีตราชครูเทียนเวิงอย่างกระจ่างแจ้ง แต่ก่อนหน้าที่จะพบเจ้า เขาไม่เคยคิดต้องการทำลายทุ่งดอกกระดูกขาว กระทั่งบางคราวยังช่วยคนเลวทำเรื่องเลวหรือไม่?

ยังมี เจ้าอยู่ในเรือแห่งความสิ้นหวังตั้งนาน เคยรู้ว่าเรือแห่งความสิ้นหวังทำไมจึงได้คงอยู่ในโลกหรือไม่? แล้วทำไมทุกคนล้วนไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเรือแห่งความสิ้นหวัง แต่กลัวเกรงกลัวไม่กล้าหาเรื่อง?

ความจริงประวัติความเป็นมาของมันก็เกี่ยวข้องกับเทพธิดาที่แท้จริง

หลานเยาเยา เจ้ากับราชครูเทียนเวิงแตกต่างจากทุกคนในโลกนี้ของพวกเรา เคยได้ยินว่า ราชครูเทียนเวิงมาจากต่างประเทศ ความลึกลับและความแข็งแกร่งของเขา ความทะเยอทะยานอย่างฮึกเหิม อีกทั้งไม่เคยสงสารผู้คน คิดเพ้อเจ้อจะใช้คนโดนมนต์ดำปกครองทั้งโลกนี้

แม้แต่อ๋องเย่ก็จนปัญญา แต่หลังจากที่พบเจ้าเขาก็พบความแตกต่างของเจ้าอย่างว่องไว เขาเริ่มส่งคนไปที่ชนเผ่าหยินไห่ ตรวจสอบว่าก็เจ้ามาจากต่างประเทศด้วยหรือไม่

ข้าแปลกใจมาตลอดว่าทำไมอ๋องเย่ต้องการพนันไว้บนร่างกายของเจ้า เพื่อเจ้าแล้วไม่เสียดายที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อถอนราชครูเทียนเวิงเนื้อร้ายชิ้นนี้

ต่อจากนั้นเจ้ากลายเป็นเทพธิดา ข้าจึงค่อยๆเข้าใจความคิดของอ๋องเย่

เพราะว่าเจ้าลึกลับกว่าราชครูเทียนเวิง มีของที่ในโลกนี้ไม่มีไว้ในครอบครอง รู้เรื่องราวที่โลกนี้ไม่มีทางได้รู้ ในสมองของเจ้ายังมีโลกอื่น ในโลกนั้นอาจจะสามารถหาวิธีช่วยเหลือโลกนี้ได้

โชคดี การมาของเจ้ามาพร้อมคุณงามความดี อ๋องเย่จึงพยายามอย่างสุดความสามารถกำจัดราชครูเทียนเวิง

หลังจากเหตุการณ์ที่ตื่นตระหนกไปเอง ปัญหาแขกที่มาจากต่างประเทศไม่จบ อ๋องเย่ก็ผ่อนปรนความระมัดระวัง กลับไม่รู้ว่าอันตรายใกล้จะมาถึง และพวกเรากลับไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย”

ราชครูเทียนเวิงทำให้ทุกคนเป็นคนโดนมนต์ดำเพื่อป้องกันอะไร……

ทำไมเรือแห่งความสิ้นหวังจึงเกี่ยวข้องกับนาง…….

เย่แจ๋หยิ่ง หานแสกระทั่งของที่ราชครูเทียนเวิงกลัว มาจากต่างประเทศใช่หรือไม่?

ข่าวสารเหล่านี้ทำให้ในสมองของนางระเบิดทันที ทำให้นางค่อยๆนึกถึงอะไร แต่กลับเป็นภาพเลือนราง โดยสรุปนางในเวลานั้นเจ็บปวดเป็นพิเศษ ราวกับว่าอยู่ในสภาวะที่เหมือนตายทั้งเป็นทุกวัน

เหมือนกับว่านางยังมีเรื่องความเจ็บปวดเป็นพิเศษอีกมากมายที่จำไม่ได้……..

นางเคยคิด หลังจากที่ฮ่องเต้รุ่นแรกกับนางตายไปทั้งคู่แล้ว ยังเกิดอะไรอีก? ทำไมสามารถข้ามเวลามาได้อีกครั้ง ทำไมระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บจึงถูกตั้งระบบใหม่ ทำไมนางจึงมีความทรงจำที่เจ็บปวดกว่าการสูญเสียฮ่องเต้รุ่นแรก

หลานเยาเยานวดศีรษะที่ปวดอย่างเลือนราง

ถอนหายใจอย่างหนัก

“พรุ่งนี้ก็คือปีใหม่ ข้าอยากฉลองปีใหม่กับเขาดีๆ หลังจากผ่านวันจับจ่ายสิ้นปี เจ้าล่อทุกคนที่รู้เรื่องทั้งหมดมา พูดเรื่องราวทั้งหมดอย่างเปิดเผย”

“จากที่ข้ารู้ ตอนนี้ประเทศก่วงส้ามีเพียงอ๋องเย่รู้คนเดียว”

แน่นอน อดีตยังมีราชครูเทียนเวิงอีกคน บางทีเย่นเฉิงเสี้ยงก็อาจจะรู้เล็กน้อย แต่พวกเขาล้วนตายแล้ว เขาเชิญคนตายมาไม่ได้เป็นธรรมดา

“เช่นนั้นเจ้าเป็นคนประเทศไหน?”

“ข้า? ไร้ประเทศไร้ถิ่นกำเนิด เกิดบนเรือ เรือแห่งความสิ้นหวังก็คือบ้านเกิดของข้า ข้าก็คือฮ่องเต้ของเรือแห่งความสิ้นหวัง”

“น่าเสียดายประเทศล่มแล้ว” หลานเยาเยาเปิดโปงอย่างไร้เยื่อใย

หานแสหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง และไม่โกรธ แต่หานแสแค่หัวเราะ “ข้าสร้างประเทศขึ้นใหม่อีกแล้ว ตอนนี้มันเทียบท่าสามารถทำเงินได้ การเดินเรือสามารถทำสงครามได้

ปลอดภัยรวดเร็ว ยังมีเหล้าดีๆอาหารชั้นเยี่ยมด้วย อีกทั้งสามารถกินดื่มเที่ยวเล่นได้ หากว่าเจ้าอยาก ข้าเจ้าของเรือผู้นี้ยังสามารถกินเป็นเพื่อนดื่มเป็นเพื่อนกระทั่งนอนเป็นเพื่อนได้ เป็นอย่างไร? ผู้ดูแลหลานต้องการกลับมาไหม?”

“อย่าอย่าอย่า รับไว้ไม่ได้”

หลังจากถูกปฏิเสธ

เหมือนว่าสายตาเปลี่ยนทันที มองดูนางอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง เอ่ยปากอย่างไร้เยื่อใย

“ดูท่า ยังไงก็จำเป็นต้องใช้ความเป็นตายของฮัวหยู่อันจึงสามารถบีบบังคับให้เจ้ากลับมาอยู่ข้างกายข้าได้”

พูดจบ ร่างของหานแสแฉลบ เหาะจากไป พาหลานเยาเยาไปด้วย ในไม่ช้าก็ถึงในห้องส่วนตัวของโรงเหล้าแห่งหนึ่ง

ในห้องส่วนตัวมีสามคน สองคนเป็นคนมีชีวิต คนหนึ่งเป็นคนตาย หญิงผู้หนึ่งในผู้ที่มีชีวิต ผู้หญิงที่ถูกมัด นางก็คือฮัวหยู่อัน อีกคนที่มีชีวิตคือคนของหานแส บนมือเขามีมีดสั้น บนมีดสั้นแทงเลือดเนื้อของคนตายแล้ว

และคนตายผู้นั้นอธิบายได้ชัดว่า ก็คือคนโดนมนต์ดำที่ตายไปแล้วแต่กลับไม่ได้เผาทำลาย มันยังสวมใช้เสื้อผ้าที่หรูหราของคุณชายหนุ่ม คิดว่าตอนมีชีวิตน่าจะเป็นคุณชายตระกูลใหญ่โตที่ร่ำรวยและมีเกียรติมากผู้หนึ่งเป็นแน่

นี่ทำให้หลานเยาเยาคิดถึงไม่กี่ปีก่อนที่ถังมู่หวั่นจัดเทศกาลชมดอกไม้เหตุการณ์นั้นทันที ในเทศกาลชมดอกไม้เหตุการณ์นั้น เพราะพิษกู่จิ้นทำให้คนโดนมนต์แพร่เชื้อจำนวนมาก แม้จะถูกฆ่าตายทีละคน แต่ถังมู่หวั่นกลับแอบซ่อนศพคนโดนมนต์ดำสองศพ ยังปลอมแปลงจำนวนคนที่ตายอีก

“เจ้าหลอกนาง”

นางตรงนี้หมายถึงถังมู่หวั่น

สำหรับสิ่งนี้ หานแสหัวเราะเสียงหนึ่ง “ใครให้นางกล้าหลอกใช้ข้า ยังคิดจะใส่ร้ายป้ายความผิดให้ข้าอีก รนหาที่ตายเองจริงๆ”

ถังมู่หวั่นคิดไปเองว่าแผนการของตัวเองจะสำเร็จโดยไร้ข้อผิดพลาด คิดแผนการอย่างล้ำลึก เพื่อเอาใจอ๋องเย่ แล้วปิดบังเรื่องไม่ดีที่ตัวเองเคยทำแสดงว่าตัวเองบริสุทธิ์ คิดไม่ถึงว่าจะหายิงจวนของเขาพบ จ่ายเหรียญเงินจ้างนักฆ่าไม่กี่คน วางแผนให้ยิงจวนสร้างคนโดนมนต์ดำโยนความผิดให้ยิงจวน

อย่างไรเสีย

แต่ถึงมู่หวั่นจัดเทศกาลชมดอกไม้ เขายมราชยิงจวนผู้นี้ก็อยู่ โยนความผิดให้เขาไม่มีใครจะคิดมาก กระทั่งคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป

เหอะ!

ความฉลาดน้อยนิดนี้เขาจะให้นางทำสำเร็จได้อย่างไร?