“แต่ตอนนี้เจ้าใช้คนโดนมนต์ดำข่มขู่ข้าเพราะจุดประสงค์ใด?”

หานแสผู้นี้ ตามอารมณ์จริงๆ

ทำเรื่องทั้งเลวร้ายทั้งมีคุณธรรม ทั้งที่รู้ว่าข่มขู่นางไม่มีประโยชน์ กลับยังต้องการทำเช่นนี้อีก กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำจริงๆ คือต้องการหาความสุขเล็กน้อยอย่างบริสุทธิ์ใจ

หลานเยาเยามองเขาทะลุปรุโปร่งแล้ว

“ฮัวหยู่อันคิดต้องการชีวิตของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าปล่อยนางไปทุกครั้งก็เป็นความเมตตาแล้ว นางก็ต้องจ่ายค่าชดเชยสักหน่อย อีกทั้งข้าก็ต้องได้ประโยชน์สักหน่อยไม่ใช่หรือ?”

นางพยักหน้า

หาที่นั่งลง รินน้ำชาให้ตัวเองดื่มชาดับความตระหนก

“อยากได้ประโยชน์อะไร?”

“กลับมาเป็นผู้ดูแลของข้า”

“ไม่ดี!” หลานเยาเยาตอบปฏิเสธ ไม่เหลือช่องทางให้สักน้อย

“หารือไม่ได้?”

กลิ่นอายเย็นยะเยือกเกิดขึ้นรอบตัวหานแส รัศมีที่แข็งแกร่งม้วนรอบตัวหลานเยาเยา

“ไม่มีให้หารือ”

แรงสังหารของหานแสเกิดขึ้นทุกทาง แฉลบตัวมาถึงด้านหน้าของหลานเยาเยา พูดนิ่งๆหนึ่งประโยค: “เช่นนั้นก็ดี ข้าก็เปลี่ยนเป็นอีกประโยชน์หนึ่ง”

“ฟู่ว แฮ่มแฮ่มแฮ่ม…….”

น้ำชาที่ดื่มไปถึงลำคอ โดนสำลักออกมานับไม่ถ้วน พ่นใส่หานแสเต็มทั้งตัว โชคดีที่เขาปิดหน้าทันเวลา ไม่เช่นนั้นใบหน้าที่สง่างามมีเสน่ห์ก็จะต้องรับเคราะห์

“เหอะ ดูความคืบหน้าอันน้อยนิดนี้ของเจ้า เหมือนไม่เคยดื่มชาดีๆเช่นนั้น” หานแสเยาะเย้ยนาง

ไม่ง่ายที่หลานเยาเยาจะผ่อนคลายลงได้ อดกลั้นหัวเราะไม่ได้ “นี่คือปัญหาของชาหรือ? หานแส ความหยิ่งทะนงทำแล้วต้องทำให้ถึงที่สุดของเจ้าล่ะ?”

ฮัวยหยู่อันที่ถูกมัดอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างโพลงอย่างน่าเหลือเชื่อ

ซ่างกวนหนานซู่…….อ่อไม่ คุณชายซ่างกวนมาช่วยนาง หรือว่ามาโน้มน้าวให้หานแสสังหารนาง? อีกทั้งความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนดีมากหรือ?

เห็นเพียงหานแสถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มือค้ำใบหน้า กึ่งหมอบอยู่บนโต๊ะ “ความหยิ่งทะนงสนุกมากกว่าเจ้าหรือ? ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือว่าตายแล้ว ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าเกลียดข้า”

คำพูดนี้ทำให้หลานเยาเยาค่อนข้างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

นางมองหานแส รินชาให้เขาแก้วหนึ่ง ค่อยๆเลื่อนไปด้านหน้าของเขา จงใจกล่าวอย่างโกรธเคือง:

“เช่นนั้นเจ้ายังจะข่มขู่ข้าอีก?”

“หากว่าข้าเชิญเจ้ามาเล่น อ๋องเย่จะปล่อยคนมาหรือ? ข้าคิดวิธีไปจับเจ้ามาเล่นเองยังดีซะกว่า”

“…….”

หลานเยาเยาอดกุมหน้าผากไม่ได้

นี่อะไรกับอะไรกัน ไม่ระวังสักหน่อย จะเล่นถึงชีวิตคน

นางดื่มชาให้สดชื่นดับความตระหนกอีกครั้ง จึงกล่าวอย่างจนปัญญา: “เอาเถอะ ต้องการเปลี่ยนประโยชน์เป็นอะไร?”

“เรือแห่งความสิ้นหวังสร้างเสร็จอีกครั้งแล้ว หลังจากผ่านวันจับจ่ายสิ้นปีก็จะทดลงลงน้ำ ฤกษ์ดีวันเปิดกิจการเจ้าจำเป็นต้องมา ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่จบกับเจ้า”

“แค่นี้? ได้สิ!” แต่ว่า หลานเยาเยากลับเข้าใกล้เขาเล็กน้อย ยิ้มอย่างลึกลับ กดเสียงต่ำแล้วกล่าว “สามารถพาภรรยามาได้หรือไม่?”

หานแสหน้าดำทันที

มองดูหน้าตาที่กวนประสาทของนาง ลุกขึ้นด้วยความโมโห “พาพาพา พามาให้หมด ดีที่สุดหมาแมวก็พามาให้ข้าด้วย แต่ว่า แค่เจ้าที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย คนอื่นราคาเป็นเท่าตัว”

“ได้ คนของข้าท่านนั้นร่ำรวยไร้ที่เปรียบ ไม่ขาดแคลนเงินไม่เท่าไหร่นั่น”

“…….”

น่าโมโหจัง!

ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เฝ้าดูฮัวหยู่อัน เห็นเจ้านายตัวเองเช่นนั้น นอกจากดวงตาสองข้างจ้องโตด้วยความสะพรึง เขายังเอามีดสั้นที่เปื้อนเลือดเนื้อของคนโดนมนต์ดำแทงกลับเข้าไปบนร่างของคนโดนมนต์ดำอย่างรุนแรง จากนั้นหูสองข้างก็เหมือนครอบระฆังทองไว้ ไม่ได้ยิน ไม่ได้ยิน เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

ทีแรกฮัวหยู่อันยังมีความหวังกับซ่างกวนหนานซู่

ตอนนี้เห็นพวกเขาสนทนาอย่างสบายใจเป็นที่สุด กระทั่งยังพูดคุยกันเรื่องที่นางฟังไม่เข้าใจ

ความหวังสูญสิ้น เป็นลมไปเองยังดีกว่าสินะ!

กระทั่งหานแสถูกหลานเยาเยาทำให้โกรธจนไม่ไหวแล้ว เขาไล่หลานเยาเยาออกไป ประตูห้องส่วนตัวมีเสียงลงกลอนอย่างแรง แต่ฮัวหยู่อันค่อนข้างน่าสงสาร หานแสให้คนโยนออกไปนอกหน้าต่างโดยตรงทั้งที่ยังมัดอยู่

ในห้องส่วนตัวชั้นสาม โชคดีที่โยนคนไปด้านในตรงทางเดิน แต่ไม่ใช่โยนไปบนถนนใหญ่โดยตรง

หลานเยาเยาแกะเชือกที่มัดฮัวหยู่อันออก กล่าวอย่างปวดใจเป็นที่สุด:

“เจ้าไม่ควรตาย ข้ายังจำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่งบำรุงเจ้า บริการของกินบริการเครื่องดื่มยังต้องบริการยาอีก เฮ้อ ขาดทุนมากแล้ว!”

สภาพจิตใจฮัวหยู่อันทลายในพริบตา นางตะโกนเสียงดังประโยคหนึ่ง “ข้าหาเงินได้”

คราวนี้ หลานเยาเยาดวงตาเปล่งประกายทันที แต่ดูนางอย่างละเอียดถี่ถ้วนรอบหนึ่ง แววตาก็ค่อยๆหงอยลง ส่ายหน้าแล้วกล่าว

“เจ้าเป็นนักฆ่า ข้าไม่ต้องการเงินที่เปื้อนเลือดคนตาย อัปมงคล ทั้งยังนำพาโชคร้ายมาอีก ไม่ดีไม่ดี ยังไงก็เลี้ยงให้อ้วนๆแล้วขายออกไปดีกว่า! แขนขาเล็กๆก็สวยมาก น่าจะคุ้มตั๋วเงินสองสามใบ”

“ข้าไม่ใช่นักฆ่า และไม่ได้ฆ่าคนหาเงิน แต่ข้าหาเงินเป็นจริงๆ”

พูดต่อหน้านางว่าต้องการขายนางดีจริงๆหรือ?

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาสังเกตนางอีกครั้ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แล้วพูดกดดันนาง

“ช่วยชีวิตเจ้าหนึ่งชีวิต มูลค่ามหาศาล ยังมีค่ายารักษาที่ราคาแพงหูฉี่ ค่าสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ค่าจ้างคนดูแลเจ้า ตอนนี้เพื่อช่วยเจ้า ข้าเผชิญอันตรายคนเดียว ต่อสู้กับหานแสด้วยปัญญาและความกล้าหาญ จิตใจได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก เจ้ายังจำเป็นต้องชดใช้ค่าปลอบขวัญของข้า นี่โดยคร่าวๆรวมกัน เหรียญเงินมากมายขนาดนั้นแล้ว สองชาติของเจ้าก็คืนไม่หมด”

ฮัวหยู่อัน: “…….”

นางน่าสงสารขนาดนั้นเชียว คิดไม่ถึงว่าคุณชายซ่างกวนยังจะต้องการรีดไถนางอีก ยังมีคุณธรรมอีกหรือ?

ไม่ใช่แค่หาเงินหรือ แม้ว่าจะหาทั้งชีวิต นางก็จะคืนให้หมด

เพื่อป้องกันไว้ก่อน ฮัวหยู่อันรีบถามทันที: “คุณชายบอกตัวเลขที่แท้จริงมา ข้าจะได้วางแผนว่าจะหาเงินอย่างไรดี”

“ได้ ช่วยลดให้เจ้า ลบศูนย์ไปตัวหนึ่ง ไม่มาก แค่ทองคำ…….หนึ่งพันชั่ง”

ฮัวหยู่อันเลือดลมพรั่งพรูในพริบตา

ชีวิตนางมีมูลค่ามากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว ทำไมนางไม่รู้?

ภายใต้ความกดดันของเงินทอง ตอนนี้ในสมองทั้งหมดของฮัวหยู่อันก็คือหาเงิน ฆ่าหานแสอะไร หลบเลี่ยงโม่เหลียงเฉินอะไร ล้วนถูกนางทิ้งไว้ด้านหลังแล้ว

เห็นท่าทางตอนนี้ของนาง หลานเยาเยายิ้มบางๆ

ในที่สุดก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อฆ่าหานแสแล้ว!

พาฮัวหยู่อันกลับไปส่ง จนกระทั่งหลานเยาเยากลับไปถึงบ้านไม้ที่พังถล่มในป่าทึบผืนนั้น ทับอัดอุโมงค์ลับด้านล่างไว้ได้ถูกจัดการจนสะอาดแล้ว ด้านในว่างเปล่าไร้ผู้คน

ไม่รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ไม่เห็นเขา นางมักจะกังวล สักนาทีก็ไม่กล้าปล่อยวาง

เครื่องหมายที่นางทำไว้ถูกคนของหานแสกำจัดทิ้งแล้ว

เย่แจ๋หยิ่งจะไปหานางที่ไหน?

จะไปยิงจวนหรือว่าสถานที่ที่สร้างเรือแห่งความสิ้นหวังใหม่?

หมุนตัวก็พบร่างคนผู้หนึ่งอยู่ด้านหลังไม่ไกล มองดูนางด้วยแววตาสุกสกาว

“เย่แจ๋หยิ่ง? !”

คนผู้นั้นไม่พูดจา

เพียงแค่เผยมือสองข้างออก เหมือนว่าต้องการจะกอดนาง

หลานเยาเยายิ้มเล็กน้อย วิ่งเข้าไปในพริบตา ใกล้จะพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดเขา แต่ขณะที่กำลังพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ฝืนหยุดฝีเท้าลง มองดูเขาเหมือนการสังเกตอย่างละเอียด ตั้งแต่หัวถึงเท้ามองพิจารณาละเอียดอย่างจริงจัง

จากนั้นสีหน้าเย็นชา กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด:

“เจ้าเป็นใคร?”

“ยังเป็นใครได้? ไม่ใช่ว่าท่านรู้ดีที่สุดหรือ?” น้ำเสียงดึงดูด แฝงความแหบเล็กน้อย

ทั้งๆที่แตกต่างไม่มาก แต่ทันทีที่นางฟังก็รู้ว่าไม่ใช่เสียงของเย่แจ๋หยิ่ง

“ปลอมก็คือปลอม เสื้อผ้าไม่ใช่ระดับเดียวกัน รัศมีที่แผ่กระจายออกมาอย่างเป็นธรรมชาติไม่เพียงต่างกันเป็นช่วง แม้การเลียนแบบเสียงก็ต้องพัฒนา แต่ว่า…….” นางเพ่งมองใบหน้าปลอมนั้นติดๆ แอบพยักหน้า “หน้ากากหนังคนกลับไม่เลว ถ้าไม่เพิ่มความใส่ใจ บางทียังคิดว่าของปลอมเป็นของจริง ได้หน้ากากหนังคนแผ่นนี้มาถึงมือวางแผนทำทุกวิถีทางเลยสินะ?”

คนผู้นี้ไม่มีแรงสังหารต่อนาง

บนร่างมักจะมีพลังความโกรธเคืองและเศร้าโศกอยู่จางๆ

“เพราะนางพยายามทำทุกวิถีทาง เพียงเพื่อได้รับหน้าปลอมอันหนึ่ง”

“เป็นใคร?”

“ซ่างกวนหมอเทวดาไม่ใช่ว่าเดาได้แล้วหรือ?”

“ถังมู่หวั่นหรือ?” เห็นคนผู้นั้นพยักหน้า หลานเยาเยายิ้มอย่างเย็นชาเล็กน้อย “นางยังจะลุ่มหลงจนบ้าคลั่งไปแล้วจริงๆ”

“ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ? นางก็คือปีศาจร้ายที่คลุ้มคลั่งผู้หนึ่ง”

นึกถึงความน่ารังเกียจทุกอย่างก่อนหน้านี้ คนผู้นั้นหลับตาลงอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมา ขณะที่ลืมตาอีกครั้ง ในดวงตาเขาก็มีความหนักแน่น

“คุณชายซ่างกวน ได้ยินว่าวิชาการรักษาของท่านล้ำเลิศ ได้โปรดช่วยข้า เอาใบหน้าปลอมนี้ถอดลงมา ไม่ว่าเจ็บปวดเท่าไหร่ ข้าล้วนไม่ต้องการมันแล้ว” ทั้งๆที่ใบหน้าปลอมนั้นคืออำนาจอิทธิพลเหนือผู้คน ใบหน้าของอ๋องเย่ที่ทุกคนเลื่อมใส แต่สำหรับเขาแล้ว กลับเป็นความอัปยศตลอดชีวิต

เห็นซ่างกวนหนานซู่ไม่กระดิก

เขาหัวเราะอย่างทุกข์ทรมานเสียงหนึ่ง หายใจเข้าลึกๆ กล่าวช้าๆ: “ข้ารู้ท่านไม่เชื่อข้า ข้าเล่านิทานให้ท่านฟัง หลังจากฟังจบ ท่านค่อยตัดสินใจว่าจะช่วยข้าหรือไม่?”