ตอนที่ 583 ฆ่าไม่เว้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 583 ฆ่าไม่เว้น

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางฝูรั่วซี แม้ตอนนี้นางจะยังไม่สังหารฝูรั่วซี ทว่า จะปล่อยให้เขากุมอำนาจทางทหารต่อไปอีกไม่ได้

เมื่อเห็นองค์รัชทายาทมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง ฝูรั่วซีก็รู้ได้ทันทีว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนเสนอความคิดนี้

ฝูรั่วซีก้าวไปด้านหน้า ทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นกล่าวขึ้น “องค์ชาย ในค่ายทหารผิงอันมีคนที่สามารถดูแลกองทัพได้อยู่ เหตุใดต้องรบกวนใต้เท้าต่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ เติงโจวเพิ่งถูกรุกราน ใต้เท้าต่งคงมีเรื่องต้องจัดการมากมายจนไม่อาจปลีกตัวมาได้ เขาคงไม่สามารถดูแลทั้งสองกองทัพได้ในเวลาเดียวกัน กระหม่อมขอเอาศีรษะของตัวเองเป็นประกัน แม้กระหม่อมไม่ได้อยู่ในค่ายทหาร ทว่า แม่ทัพท่านอื่นสามารถดูแลค่ายทหารได้อย่างสงบเรียบร้อยแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียงของฝูรั่วซี ทหารหน่วยลาดตระเวนมารายงาน “รายงาน ด้านนอกมีคนขององครักษ์ไป๋นามว่าหลูผิงกล่าวว่ามีเรื่องสำคัญมารายงานขอรับ”

ฝูรั่วซีจะไม่รู้จักหลูผิงได้อย่างไร เขาไม่เพียงเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับหลูผิงในสงครามที่ต้าเหลียง ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินมาก่อนแล้วว่ากองทัพไป๋มีบุคคลนามว่าหลูผิงอยู่ ทว่า หลูผิงได้รับบาดเจ็บหนัก จึงถูกไป๋ฉีซานส่งตัวกลับไปอยู่ที่จวนไป๋ รับหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของสตรีตระกูลไป๋แทน

ใจของฝูรั่วซีเต้นรัว ทว่า สีหน้ายังคงเรียบเฉย เขากล่าวขึ้น “เชิญเข้ามา!”

นิ้วหัวแม่มือของไป๋ชิงเหยียนกดอยู่ที่ด้ามของดาบ ดูเหมือนว่าหลูผิงจะจับกุมตัวคนส่งจดหมายได้แล้ว

หลูผิงซึ่งอยู่ในชุดเกราะและองครักษ์อีกสองคนที่เดินตามหลังหิ้วปีกคนส่งจดหมายเข้ามาด้านใน ใบหน้าของฝูรั่วซีซีดเผือดลงทันที เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นเสียชีวิตแล้ว ฝูรั่วซีจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

หลูผิงกำดาบเดินเข้ามาด้านในด้วยฝีเท้าที่มั่นคง เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ทำความเคารพแล้วหยิบถุงผ้าใส่จดหมายที่ค้นเจอจากตัวคนส่งจดหมายออกมา ชูขึ้นเหนือศีรษะอย่างนอบน้อม “หลูผิงได้รับบัญชาจากองค์หญิงเจิ้นกั๋วให้ดักซุ่มอยู่ตามถนนที่ทอดยาวไปยังเมืองหลวง หลูผิงจับตัวคนผู้นี้ได้! ค้นเจอสิ่งนี้ในตัวของเขาพ่ะย่ะค่ะ”

“คนผู้นี้เพิ่งมาส่งจดหมายให้แม่ทัพฝูที่ค่ายทหารมิใช่หรือ” ฝูรั่วซีมีลูกน้องที่ตรงไปตรงมาและใจกล้าอยู่ เขาจับดาบเตรียมชักออกมาหาหลูผิง ตะคอกถามอย่างเกรี้ยวกราด “หมายความเช่นไรกัน!”

ฝูรั่วซีรีบจับมือที่เตรียมจะชักดาบของลูกน้องไว้ เขาขบกรามแน่น กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก

หากเขาสังหารองค์รัชทายาทตอนนี้ เขาไม่เพียงจะกลายเป็นกบฏเท่านั้น ทหารในค่ายผิงอันคงไม่ยอมทำตามเขาทุกคนแน่!

ทว่า หากไม่สังหารองค์รัชทายาท เขาจำเป็นต้องหาข้ออ้างที่น่าเชื่อถือสำหรับจดหมายฉบับนั้น

องค์รัชทายาทกลั้นลมหายใจอย่างระมัดระวังตัว ขยับเข้าไปใกล้ฟางเหล่าเล็กน้อย

ฝูรั่วซีส่งจดหมายไปยังเมืองหลวงตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน

หมายความว่าฝูรั่วซีกำลังวางแผนใดสักอย่างกับคนทางเมืองหลวงเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ไปจากเขา กระทั่งอาจ…ร่วมมือกับฮองเฮา

ไป๋ชิงเหยียนรับถุงผ้ามาจากมือของหลูผิง เมื่อเปิดถุงผ้าออกก็เห็นกระบอกใส่จดหมายกระบอกหนึ่ง หญิงสาวเปิดฝากระบอกออก หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา บนกระดาษมีข้อความเขียนว่า รอจังหวะลงมือ

ไป๋ชิงเหยียนกำกระดาษในมือแล้วมองไปทางฝูรั่วซี ฟางเหล่าก้าวเข้าไปแย่งจดหมายมาอ่านอย่างทนไม่ไหว “แม่ทัพฝู เมื่อครู่ลูกน้องของท่านกล่าวว่าคนผู้นี้เพิ่งมาส่งจดหมายให้ท่าน แล้วตอนนี้ท่านให้เขานำจดหมายไปมอบให้ผู้ใดกัน ท่านให้ผู้ใดรอโอกาสลงมืออย่างนั้นหรือ! ตอบมาสิ!”

ฝูรั่วซีเม้มปากแน่น

“ท่านแม่ทัพ!” ลูกน้องของฝูรั่วซีมองไปทางฝูรั่วซีอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นกล่าวขึ้น “ต้องเป็นการใส่ร้ายแน่ๆ ท่านแม่ทัพ ท่านกล่าวสิ่งใดสักหน่อยสิขอรับ!”

“แม่ทัพฝูยังคิดปฏิเสธอีกหรือ แม่ทัพฝูกล้าให้ข้าเปรียบเทียบลายมือของท่านหรือไม่…” ฟางเหล่าลูบไปที่จดหมายฉบับนั้น ก้าวเข้าไปใกล้ฝูรั่วซี “กระดาษแผ่นนี้มีไว้สำหรับใช้รายงานสถานการณ์รบของค่ายผิงอันใช่หรือไม่ ไหนจะน้ำหมึกนี่อีก! ฮ่องเต้ทรงสลบไม่ได้สติ องค์รัชทายาทยังเสด็จกลับไปไม่ถึงเมืองหลวง หากแม่ทัพฝูไม่มีคำอธิบายที่น่าเชื่อถือมากพอ ข้าคงต้องลงโทษท่านในข้อหากบฏ!”

ฟางเหล่าขอคำอธิบายจากฝูรั่วซีด้วยความโมโห แต่ละคำจี้แทงใจดำจนฝูรั่วซีร้อนใจยิ่งกว่าเดิม เหงื่อซึมทั่วใบหน้าของเขา

บัดนี้ความตายรออยู่ตรงหน้าของฝูรั่วซีแล้ว เขาจะยอมตายไปเฉยๆ เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด

ฝูรั่วซีขบกรามแน่นไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เขากำดาบแน่น ตัดสินใจบางอย่างได้ในชั่วพริบตา ดาบคมโผล่ออกจากฝักอย่างรวดเร็ว แววตาของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมลง กระชากคอเสื้อของฟางเหล่าเหวี่ยงไปทางด้านหลัง จากนั้นชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ทัพ! ท่านกำลังทำสิ่งใดขอรับ!” รองแม่ทัพของฝูรั่วซีตกตะลึง หากยังไม่ลงมือ ฝูรั่วซียังพออธิบายแก้ต่างได้ ทว่า หากฝูรั่วซีชักอาวุธออกมาต่อหน้าองค์รัชทายาท เขาไม่มีทางแก้ต่างสิ่งใดได้อีกทั้งสิ้น

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรวดเร็วทำเอาบรรดาทหารในค่ายผิงอันต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน พวกเขาจับดาบที่เอวของตัวเองแน่น ทว่า ไม่รู้ว่าควรชักดาบออกมาห้ามฝูรั่วซีหรือชักดาบไปทางองค์รัชทายาทกันแน่

คมดาบของฝูรั่วซีเฉียดหยกที่ประดับอยู่บนหมวกขุนนางของฟางเหล่าไปเพียงนิดเดียว หยกขาวแตกละเอียด ฟางเหล่าเบิกตาโพลงมองดูดาบเฉียดใบหน้าของเขาไปอย่างฉิวเฉียด เส้นผมขาวโพลนของเขายุ่งเหยิงในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

บัดนี้หันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว เมื่อฝูรั่วซีเห็นว่าสังหารฟางเหล่าไม่สำเร็จ เขาจึงพุ่งเข้าไปสังหารองค์รัชทายาท ขอเพียงองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ เขาสามารถอ้างได้ว่าองค์รัชทายาทเป็นกบฏ ฮ่องเต้ส่งจดหมายลับสั่งให้เขาสังหารองค์รัชทายาท เขาอยู่ในค่ายผิงอันมานาน เขามั่นใจว่าสามารถทำให้ทหารในค่ายผิงอันเชื่อคำกล่าวของเขาได้

องค์รัชทายาทเบิกตาโพลงพลางถอยหลังหนีไม่หยุด วินาทีที่คมดาบพุ่งเข้ามาใกล้องค์รัชทายาท เสียงดาบกระทบกันก็ดังสนั่นขึ้นทั่วบริเวณ

แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็นและสงบนิ่ง ดาบคมในมือของหญิงสาวกั้นดาบที่อยู่ห่างจากศีรษะขององค์รัชทายาทเพียงไม่ถึงคืบเอาไว้ได้อย่างมั่นคง จากนั้นเอื้อมไปหยิบดาบที่เอวของลูกน้องฝูรั่วซีออกมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนเห็นเพียงเงาของดาบตัดลงที่แขนข้างที่ถือดาบของฝูรั่วซี…

ทุกคนยังไม่ได้ตั้งตัวว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของฝูรั่วซีดังขึ้นเสียก่อน จากนั้นต่างเห็นเลือดสดมากมายไหลทะลักออกมา

ดวงตาดำขลับของไป๋ชิงเหยียนล้ำลึกและเยือกเย็น หญิงสาวยืนถือดาบคุ้มกันอยู่ด้านหน้าองค์รัชทายาทด้วยมือทั้งสองข้างอย่างมั่นคงด้วยท่าทีอาจหาญ ร่างทั้งร่างราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกที่แดงฉานอีกหนึ่งชั้น หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงเกรี้ยวกราดและทรงพลัง “ฝูรั่วซีคิดกบฏ จงใจสังหารองค์รัชทายาท รีบจับกุมตัวเข้าไว้เดี๋ยวนี้ ผู้ใดกล้าขัดขวาง ต้องโทษเดียวกัน ฆ่าไม่เว้น!”

หลูผิงได้สติเร็วที่สุด เขารีบทำตามคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน

ขณะที่หลูผิงชักดาบออกจากฝัก บรรดาแม่ทัพของฝูรั่วซีต่างชักดาบออกมาเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นดาบของหลูผิงจ่ออยู่ที่ลำคอของฝูรั่วซีที่กำลังโอดครวญเพราะสูญเสียแขนข้างหนึ่งไป เหล่าแม่ทัพต่างหันดาบไปทางหลูผิงอย่างพร้อมเพรียง

“ฝูรั่วซีคิดสังหารองค์รัชทายาท ต้องโทษกบฏ พวกเจ้าคิดจะกบฏร่วมกับฝูรั่วซีอย่างนั้นหรือ”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน ทหารเติงโจวสองพันนายที่ไป๋ชิงเหยียนพามาด้วยต่างล้อมกระโจมแม่ทัพไว้อย่างแน่นหนา

แววตาของไป๋เหยียนสงบนิ่งจนคนรู้สึกหวั่นวิตก

รองแม่ทัพของฝูรั่วซีหวาดกลัวจนไม่รู้จะทำเช่นไร มองดูไป๋ชิงเหยียน จากนั้นหันไปมององค์รัชทายาทที่ถูกประคองไว้ เขาทิ้งดาบคมในมือลง คุกเข่าข้างหนึ่งลงข้างกายฝูรั่วซี ตะโกนเสียงดังลั่น “ท่านแม่ทัพ! ท่านกล่าวสิ่งใดบ้างสิขอรับ!”

เมื่อเห็นรองแม่ทัพของฝูรั่วซีทิ้งดาบในมือลง ทหารคนอื่นๆ ในค่ายผิงอันต่างทิ้งอาวุธในมือลงแล้วคุกเข่าขอให้ฝูรั่วซีกล่าวแก้ต่างเช่นเดียวกัน