ซู่จี้งยี้เองก็รู้ว่าเวลานี้ไม่มีอะไรสามารถฉุดรั้งลี่จุนถิงได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเรียกตำรวจให้ไปกับเขาด้วย
เมื่อ ชิงโม่เห็นท่าทางที่เกรี้ยวกราดของลี่จุนถิง เขาก็รู้ทันทีว่าเกลกรุ๊ปมาถึงจุดจบแล้ว และเกรงว่าบริษัทในต่างประเทศก็ไม่มีทางได้อยู่เป็นสุขเช่นกัน
เมื่อพวกเขาไปถึงหน้าประตูของเกลกรุ๊ป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนของสำนักงาน อีกทั้งยังมีท่าทางเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง ก็รู้ว่าอาจมาเพื่อหาเรื่องดังนั้นจึงคอยขัดขวางไม่ให้เข้าไปข้างใน แต่เมื่อเห็นว่าด้านหลังของพวกเขามีตำรวจมาด้วย ก็รีบเปิดทางให้ทันที
ลี่จุนถิง และ ชิงโม่ไปที่สำนักงานของอลันทันที อลันที่อยู่ในห้องสำนักงานและกำลังกังวลเกี่ยวกับโครงการทางการแพทย์อยู่ จู่ๆกลุ่มคนก็บุกเข้ามาจนเขาตกใจ
ทันทีที่ลี่จุนถิงเข้าไป เขาก็เดินไปข้างๆอลันทันที จากนั้นจึงคว้าคอเสื้อของอลันขึ้นมา คิดอยากจะประเคนหมัดเข้าใส่ที่หน้าของเขาสักที แต่ ชิงโม่และ ซู่จี้งยี้ ก็หยุดเขาเอาไว้เสียก่อน ทำให้อลันหนีรอดจากหมัดนี้ไปได้
ใบหน้าของอลันแดงก่ำขึ้นมาด้วยความโกรธ ไหนเลยที่เขาจะเคยได้รับความอับอายขายหน้าแบบนี้? เขารีบปัดมือของลี่จุนถิงออกอย่างรวดเร็ว “ลี่จุนถิง นายกำลังทำอะไร? เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?”
ตำรวจที่อยู่ด้านหนึ่งเดินออกมาและแสดงบัตรประจำตัวตำรวจให้อลันดู “คุณอลัน คุณต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการลักพาตัว พวกเราจำเป็นต้องสอบสวนคุณ ได้โปรดให้ความร่วมมือด้วย”
อลันได้ยินจนมึนไป แต่ท่าทีของเขาก็ยังคงแข็งกร้าว “พวกนายอาศัยอะไรมาสอบสวนฉัน ถ้าพวกนายอยากกล่าวโทษฉัน ก็ไปหาหลักฐานมาให้ได้ก่อน”
ลี่จุนถิงที่ถูก ชิงโม่และ ซู่จี้งยี้ดึงเอาไว้ด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินว่าอลันยังคงปากแข็ง เขาก็สะบัดทั้งสองคนออกและก้าวเท้าเข้าไปทางอลันทันที อลันตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของลี่จุนถิง จนล้มนั่งลงบนเก้าอี้
“นายอย่ามาเสแสร้งกับฉัน ที่นี่คือเมืองจิ่งเฉิง ที่นี่ฉันพูดแล้วจบ ถ้าหากนายยังคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อ ก็จงสารภาพออกมาอย่างว่าง่ายซะ ไม่งั้น นายอย่าฝันว่าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อที่นี่และอย่าฝันว่าจะได้กลับประเทศ”
ตอนนี้เอง ที่อลันค่อยเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามามีความสุขแล้ว
“ฉันถูกใส่ร้าย ฉันไม่ได้จับใครไป บริษัทของฉันถูกนายทำเอาวุ่นวายไปหมด เรื่องนี้ฉันไม่ได้จัดการเรียบร้อยเสียด้วยซ้ำ จะมีกะจิตกะใจไปลักพาตัวเจียงหยุนเอ๋อได้ยังไง?”
ลี่จุนถิงยังคงไม่เชื่อเขา “ถ้านายยังไม่พูดความจริง นายก็เตรียมตัวตายที่นี่ได้เลย”
อย่างไรก็ตาม อลันยังคงยืนยันว่าเขาไม่ได้จับใครไป ลี่จุนถิงที่เห็นว่าแค้นอะไรจากเขาไม่ได้ ก็จากไป
ลี่จุนถิงใช้เส้นสายทั้งหมดของเขาในเมืองจิ่งเฉิง ตามหาคนตลอดทั้งวัน แต่ก็ยังไม่พบเจียงหยุนเอ๋อ ราวกับว่าเธอสลายหายไปในอากาศ
ลี่จุนถิงยิ่งเกรี้ยวกราดมากขึ้น หลังจากที่โม่เสี่ยวฮุ่ยและซูม่านลีรู้เรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็กังวลอย่างยิ่งเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปถามอะไรลี่จุนถิง และได้แต่เกลี้ยกล่อมเขาไปก่อนเท่านั้น
“จุนถิง ลูกกินสักหน่อยเถอะ ถ้าลูกยังมัวเป็นแบบนี้ต่อ ร่างหายจะรับไม่ไหว เดี๋ยวจะล้มลงไปก่อนที่จะเจอหยุนเอ๋อ นอกจากนี้หยุนเอ๋อเป็นคนโชคดีมาก จะต้องไม่เป็นไรแน่”
ลี่จุนถิงไม่ได้สนใจโม่เสี่ยวฮุ่ย และทำเพียงแค่ก้มหน้าลงเอาข้าวเข้าปากไม่หยุด ตามที่แม่พูด ก่อนจะหาหยุนเอ๋อเจอ ตนเองห้ามล้มลงไปก่อน”
ถ้าถึงตอนนั้น ช่วยหยุนเอ๋อกลับมาแล้วเธอเห็นว่าเขาทั้งผอมและโทรมขึ้น ในใจของเธอจะต้องโทษตัวเองแน่
“จุนถิงเอ๋อ ให้จุนซินกลับมาช่วยจัดการบริษัทก่อนไหม ลูกจะได้ตามหาหยุนเอ๋อได้อย่างสะดวก”
โม่เสี่ยวฮุ่ยพูดพลางมองลี่จุนถิงอย่างกังวลใจ
“ตอนนี้ยังไม่เป็นไร ทางด้านบริษัทผมยังดูแลได้ อีกทั้งยังมีซู่จี้งยี้อยู่ พี่สาวกว่าจะออกไปเที่ยวต่างประเทศได้สักครั้งไม่ง่าย อีกทั้งยังไปกับเวียร์ด้วย ให้พวกเขาสองคนด้านเล่นสนุกด้านนอกหลายวันหน่อย ถึงเวลานั้นหากต้องการจริงๆค่อยเรียกกลับมาก็ยังไม่สาย”
ในที่สุดลี่จุนถิงก็เงยหน้าขึ้น และมองโม่เสี่ยวฮุ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวของเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงยังคงคิดว่าเป็นอลันที่จับเธอไว้ ดังนั้นเขาจึงเปิดฉากโจมตีเกลกรุ๊ป ขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น ลี่จุนถิงขอให้ซู่จี้งยี้เปิดเผยข้อมูลออกไป ก่อนอื่นเริ่มจากการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการทางการแพทย์ทั้งหมด ในเมื่อลี่จุนถิงกล้าที่จะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดดังนั้นเขาจึงย่อมไม่กลัวที่จะถูกขโมย
จากนั้น เขาก็เชิญเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์เข้ามาตรวจสอบ เจ้าหน้าที่กล่าวว่าโครงการทางการแพทย์ของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไม่มีปัญหาใดๆ และเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโครงการหนึ่ง
จากนั้น เขาก็เปิดหลักฐานที่เกลกรุ๊ปขโมยและลอกเลียนแบบบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปออกไป โจมตีอลันอย่างไม่ทันให้เขาได้ระวังตัว จนหุ้นของเกลกรุ๊ปร่วงลงดิ่งตั้งแต่เช้า
แต่นี่ยังไม่ใช่จุดจบ บริษัทที่เคยร่วมมือกับเกลกรุ๊ปก่อนหน้านี้ ค่อยๆถอนตัวออกไปตามๆกัน โดยอ้างว่าเกลกรุ๊ป ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายเพื่อบังคับให้พวกเขาลงนามในสนธิสัญญาความร่วมมือที่ไม่เท่าเทียมกันหลายฉบับ และมักจะเข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับสัญญาในความร่วมมือในภายหลัง
เพียงพริบตา ชื่อเสียงของเกลกรุ๊ปก็ยิ่งตกต่ำลงกว่าเดิม หุ้นดิ่งลงอย่างไม่หยุด เสียงด่าทอเกลกรุ๊ปบนอินเทอร์เน็ตก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบสวนเกลกรุ๊ป อย่างเคร่งครัด
ขณะนี้โครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ของเกลกรุ๊ปก็พลอยถูกดึงเข้าไปด้วย มีบริษัทพันธมิตรบางแห่งออกมาเรียกร้องขอหยุดความร่วมมือ การกระทำนี้เป็นการเพิ่มการดูถูกเกลกรุ๊ป ขึ้นไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อลันโกรธจัดจนแทบบ้า จู่ๆ เขาก็นึกถึงซูซานและรีบโทรหาเธอ อย่างไรก็ตามเรื่องที่เจียงหยุนเอ๋อหายตัวไป ทำให้ลี่จุนถิงบล็อกข่าวสารทั้งหมดเอาไว้ ดังนั้นซูซานจึงไม่รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อถูกลักพาตัวไป เธอยังคงรอให้อลันแจ้งเธอ
“ซูซาน เธอเป็นคนลักพาตัวคนไปรึเปล่า?”
ซูซานเมื่อได้ยินคำถามของอลันก็งงงวย “ฉันลักพาอะไรไป คุณกำลังพูดถึงอะไร?”
อลันคิดว่าซูซานแกล้งทำเป็นโง่ เขาเอ่ยตะคอกเสียงต่ำ ในเวลานี้ เขาลืมไปแล้วว่าซูซานเป็นผู้หญิงคนโปรดของเขา ตอนนี้เขาแค่อยากจะรักษาบริษัทของเขาไว้เท่านั้น
“ฉันพูดถึงเจียงหยุนเอ๋อ เธอเป็นคนลักพาเธอไปหรือเปล่า? ถ้าเป็นเธอ จงรีบปล่อยคนเดี๋ยวนี้ อย่าได้มาทำร้ายฉันให้ตายเด็ดขาด”
เมื่อซูซานได้ยินว่าเจียงหยุนเอ๋อหายไป เธอก็ปรบมือและหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า เจียงหยุนเอ๋อหายตัวไป? ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ ลี่จุนถิงคราวนี้ถึงตาของฉันแล้ว พระเจ้ากำลังช่วยฉันอยู่”
ทันทีที่อลันได้ยิน เขาก็รู้ทันทีว่าซูซานไม่ได้เป็นคนลักพาตัวไป หลังจากด่าไปหนึ่งประโยคเขาก็วางสายไป
“ไอ้บ้า!”
ซูซานได้ยินเขาด่าเธอ กลับไม่รู้สึกโกรธ เธอแค่รู้สึกว่าโอกาสของตนมาถึงแล้ว เธอแทบจะรอไม่ไหวที่เจียงหยุนเอ๋อจะต้องตายอยู่ข้างนอก
ซูซานแสร้งทำเป็นว่าเธอเพิ่งกลับมาและโทรหาลี่จุนถิงเพื่อชวนเขาไปทานอาหารเย็น แต่ในเวลานี้ลี่จุนถิงกลับไม่มีเวลามาเล่นเสียเวลากับเธอ
“จุนถิง ฉันกลับมาแล้ว เย็นนี้พวกเราไปกินข้าวเย็นด้วยกันเถอะ”
ลี่จุนถิงเห็นว่าแม้ในช่วงเวลาแบบนี้ ซูซานก็ยังคงมาหาตน เขาปฏิเสธเธอไปทันที
“ขอโทษที ไม่มีเวลา”
ซูซานคิดอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ลี่จุนถิงได้วางสายอย่างไร้เยื่อใย เธอไม่โกรธนั่น และถือซะว่าในเมื่อลี่จุนถิงยุ่งอยู่กับการทำงาน อย่างนั้น เธอจะเป็นฝ่ายไปหาเขาด้วยตนเองแทน
แต่เมื่อซูซานมาถึงบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป เธอกลับได้รับแจ้งจากแผนกต้อนรับว่าลี่จุนถิงไม่ต้องการพบเธอ