บทที่ 632 หมวกเขียวของเจ้าเบี้ยวแล้ว
บทที่ 632 หมวกเขียวของเจ้าเบี้ยวแล้ว
ข่าวการมาถึงของซูอันรู้ไปถึงหูของซ่างหงและซ่างเชียนอย่างรวดเร็ว พวกเขานำกลุ่มคนออกมาต้อนรับ
ซ่างเชียนแต่งตัวอย่างหล่อเหลา ใบหน้าของเขาเปล่งประกายและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ทุกคนรอบตัวเขามีแต่คำชมในใจ ซ่างเชียนเกิดมาหน้าตาดี แถมตอนนี้เขายังแต่งตัวหล่อเหลาจึงยิ่งทำให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
แขกจากทั่วทุกมุมในเมืองจันทร์กระจ่างกระซิบกระซาบกัน
“วันนี้นายน้อยซ่างดูมีความสุขมาก!”
“แน่นอนสิ! ไม่ว่าใครก็ต้องตื่นเต้นทั้งนั้น หากได้แต่งงานกับสาวงามอย่างแม่นางเจิ้ง!”
“แต่การมาถึงของตระกูลฉู่ค่อนข้างไม่เป็นมงคล… ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
“หมดสมัยของตระกูลฉู่แล้ว แม้แต่จักรพรรดิเองก็อยู่ข้างตระกูลซ่าง ตระกูลฉู่จะทำอะไรได้?”
…
ซูอันไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากเสียงซุบซิบโดยรอบ เขาทำท่าขบขันขณะมองดูคู่พ่อและลูกชายมาถึง
“หลานสาวที่รักของข้า! เราทำให้เจ้าต้องเสียเงินไปมากใช่ไหม? ฮ่า ๆ ก่อนหน้านี้พ่อของเจ้าให้ของขวัญมาเยอะแล้ว”
ซ่างหงจงใจหลีกเลี่ยงไม่มองซูอันและทักทายเซี่ยเต๋าอวิ๋นเท่านั้น
เซี่ยเต๋าอวิ๋นยิ้มและพูดว่า “ท่านลุงอย่าได้เกรงใจ ก่อนหน้านี้คือสินน้ำใจของพ่อข้า แต่ของขวัญนี้เป็นของข้าเอง ข้าอยากมอบให้นางเป็นการส่วนตัวเนื่องจากรู้จักกันมานาน”
ซ่างหงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “หลานสาวทั้งสวยและเต็มไปด้วยน้ำใจ! ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าวันหน้าใครจะเป็นผู้โชคดีได้เจ้าไปเป็นภรรยา!”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นหน้าแดงและก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย
ซูอันรู้สึกไม่มีความสุขอย่างชัดเจน “ท่านผู้ตรวจการซ่าง ท่านไม่เลือกปฏิบัติเกินไปเหรอ? เราสองคนมาถึงพร้อมกัน แต่ท่านเอาแต่สรรเสริญแม่นางเซี่ย แล้วข้าล่ะ? เอ้า ว่ายังไงล่ะหลานซ่าง? จะแต่งงานแล้วเหรอ?”
ซ่างหงรู้สึกอารมณ์เสียทันที
ซ่างเชียนโกรธจนตัวสั่นอย่างฉับพลัน ไอ้เวรนี่ยังไม่เลิกเรียกเขาว่าหลานอีก!
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
ทุกคนรอบ ๆ ตัวต่างมองมาทางซูอัน เจ้าไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าทำไมสองคนนั้นถึงทักทายแค่แม่นางเซี่ย?
ซ่างหงแสร้งทำเป็นแปลกใจ “นายน้อยซูนี่เอง! ฮ่า ๆ ขออภัยด้วย บางทีข้าหูตาฝ้าฟาง มองไม่ครบถ้วนทำให้พลาดพลั้งไปบ้าง แต่ตระกูลซ่างของเรายินดีต้อนรับทุกคนที่มาแสดงความยินดีกับเราอย่างจริงใจ”
ซ่างเชียนไม่ได้เสแสร้งเก่งเหมือนพ่อของเขา “นี่มันของขวัญบ้าอะไร?” เขาถามเสียงห้วนอย่างโกรธจัด
เขาสังเกตเห็นว่าของขวัญของซูอันคือหมวกสีเขียว
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าหมวกสีเขียวมีความหมายสื่อถึงอะไร แต่เขารู้โดยสัญชาตญาณว่านี่ไม่ใช่ของขวัญที่ดี
ซูอันยิ้มและยื่นหมวกให้ “ข้าชอบสีหมวกใบนี้และคิดว่ามันเหมาะกับหลานซ่าง มาสิ ข้าจะสวมให้เจ้า”
เขาทำท่าจะวางหมวกบนหัวของซ่างเชียนทันทีหลังจากที่พูดจบ
ซ่างเชียนกลัวว่าอาจมีบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน เขาจึงถอยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ใครให้หมวกเป็นของขวัญแต่งงานกัน? เจ้ามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาใช่ไหม!?”
ซูอันถอนหายใจ “ข้ามาที่นี่ด้วยความจริงใจ แต่ขออภัยด้วยจริง ๆ ที่ข้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก จึงไม่สามารถนำของขวัญล้ำค่าเช่นไข่มุกแบบของแม่นางเซี่ยมามอบให้ได้ อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของข้าเท่าเทียมกับนาง! หรือว่าตระกูลซ่างเล็งแต่จะรับของขวัญราคาแพงเพียงอย่างเดียว และเมินเฉยต่อของขวัญทั้งหมดที่มีราคาไม่สูง?”
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าซูอันจงใจเล่นละคร แต่แขกรอบ ๆ ตัวก็ยังคงกระซิบกระซาบกัน เพราะของขวัญแม้จะไม่มีมูลค่าแต่เจ้าของงานก็ควรรับไว้ตามมารยาทที่ควรมี
ยิ่งกว่านั้น อ๋องฉู่ก็เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องความใจกว้างมีคุณธรรม หลายคนในเมืองจันทร์กระจ่างต่างนับถือในตัวฉู่จงเทียน ดังนั้นการที่ตระกูลฉู่ไม่สามารถแม้แต่จะนำของขวัญราคาแพงมาร่วมแสดงความยินดีเช่นนี้ มันจึงยิ่งทำให้ผู้คนเห็นใจ
ซ่างเชียนโกรธอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินเสียงกระซิบรอบ ๆ ตัวเขา “ไอ้สารเลว มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา!” เขาตะโกน
“เชียนเอ๋อร์!” ซ่างหงตวาดใส่ลูกชาย “ทุกคนที่มาวันนี้เป็นแขก วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองของเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องรับของขวัญทั้งหมด!”
“แต่…” ซ่างเชียนรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ซูอันยิ้ม “ท่านซ่างช่างใจกว้างนักที่ไม่ดูหมิ่นของขวัญน้อยมูลค่าของข้า มาหลานซ่าง ข้าจะสวมมันให้เจ้าเอง”
หลังจากพูดจบ ซูอันเดินปรี่เข้าไปสวมหมวกบนหัวของซ่างเชียนโดยไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย
ซ่างเชียนต้องการจะหนีไปให้พ้น แต่พ่อของเขามองอยู่ เขาจึงทำได้แต่บังคับตัวเองให้ยืนนิ่งอยู่กับที่
แน่นอน หากรู้ความหมายเบื้องหลังการสวมหมวกสีเขียว พวกเขาคงไม่เห็นด้วย
“อย่าขยับ หลานซ่าง! มันเบี้ยวไปหมด” ซูอันปรับหมวกอีกครั้ง จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ไม่เลว ไม่เลว หมวกใบนี้เหมาะกับหลานซ่างจริง ๆ”
ซูอันเดาได้ว่า หลายปีหลังจากนี้ วลี ‘สวมหมวกสีเขียว’ จะแพร่กระจายไปทั่วโลก และทั้งหมดจะมาจากเหตุการณ์ในวันนี้…
ซ่างหงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นายน้อยซู ตอนนี้เจ้าคงพอใจแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เชิญกลับไปเถอะ แน่นอน หากเจ้าต้องการอยู่ร่วมพิธีเป็นสักขีพยาน เราก็ยินดีต้อนรับเจ้าเช่นกัน”
ซูอันทิ้งรอยยิ้มของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่มีทาง แน่นอน ข้ายังไม่เสร็จธุระ ข้าตั้งใจมาที่นี่วันนี้เพราะข้ามีหนี้ที่ต้องชำระกับท่านซ่าง!”
“หนี้บ้าหนี้บออะไรที่เจ้าอยากทวงกับพ่อข้า? วันนี้ถ้าเจ้ากล้าก่อกวนงานของข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่!” ซ่างเชียนคำรามด้วยความโกรธ
เขาคือผู้ที่มีภูมิหลังโดดเด่น ดังนั้นเขาจึงดูถูกใครก็ตามที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยเช่นซูอัน แต่การที่ซูอันได้ครอบครองหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่าง มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาที่เห็นซูอัน
ซ่างหงก็เยาะเย้ยเช่นกัน “อ๋องฉู่อาจมีสิทธิ์พูดคำเหล่านี้ต่อหน้าข้า แต่เจ้ามีสิทธิ์อะไร? เจ้ายังห่างไกลนัก!”
ซ่างหงไม่เสแสร้งอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ แขกหลายคนก็หัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินประโยคนี้ ในสายตาของพวกเขา ซูอันประเมินตัวเองสูงเกินไปจนน่าหัวร่อ
ต่อให้ไม่ใช้อำนาจในฐานะผู้ตรวจการ ซ่างหงก็ยังคงเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด เด็กหนุ่มอย่างเจ้ากล้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร?
“เช่นนั้น สิ่งนี้คงทำให้ข้าพอมีสิทธิ์ได้บ้าง!” ซูอันเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งสัญญาณที่ตระเตรียมไว้กับกลุ่มทหารที่เขาพามา กองทัพผ้าคลุมสีชาด บุกเข้ามาล้อมรอบแขกในงานทั้งหมด
ใบหน้าของซ่างเชียนมืดลง นี่คืองานมงคลสมรสของเขา ดังนั้นเขาจึงทิ้งกองทหารลาดตระเวนลำน้ำส่วนใหญ่ไว้ในค่าย มีเพียงนายทหารระดับสูงเพียงไม่กี่คนที่ติดตามมาด้วย และมีเพียงคนรับใช้ในตระกูลเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่บริเวณลานหน้าจวน ทุกคนล้วนไม่ใช่คู่มือกองทัพผ้าคลุมสีชาดทั้งสิ้น
ซ่างหงค่อนข้างตกตะลึง เขารู้อยู่แล้วว่าซูอันได้นำกองทัพผ้าคลุมสีชาดเข้ามาในเมืองเพื่อเผชิญหน้ากับกองทหารราชองครักษ์ของหลิวเหย่า แต่เขาไม่คิดว่าซูอันจะนำส่วนหนึ่งของกองทัพผ้าคลุมสีชาดมาที่นี่ด้วย
แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายรูปแบบ เขาจึงคุ้นเคยกับการเปลี่ยนสีเหมือนกิ้งก่า “นายน้อยซู พยายามทำอะไร? เราค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันดีกว่าจะดีไหม?”
ซูอันถอนหายใจ ถ้าไม่มีกองทัพผ้าคลุมสีชาด ใครเล่าจะปฏิบัติต่อผู้บ่มเพาะระดับห้าเช่นเขาอย่างโอนอ่อน?
ความแข็งแกร่งยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกใบนี้
ในเมื่ออีกฝ่ายหวาดกลัวกองทัพผ้าคลุมสีชาดอย่างชัดเจน จึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะรั้งตัวเองไว้ “ก่อนหน้านี้เจ้ายังแสดงท่าทีแข็งกร้าวและวางอำนาจอยู่เลย แต่ไฉนตอนนี้เจ้ากลับทำตัวราวกับตาแก่ใจกว้างแบบนี้กัน?”
“อย่าล้ำเส้นให้มันมากนักนะโว้ย!” ซ่างเชียนคำรามด้วยความโกรธ
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 888!
—
แม้แต่คนที่ฉลาดอย่างซ่างหงก็ไม่สามารถทนต่อการล่วงเกินของคนรุ่นเยาว์ขนาดนี้ได้ “ข้าแค่ไม่อยากให้สุนัขส่งเสียงดังรบกวนงานแต่งงานของลูกชายข้า อย่าได้คิดว่าข้ากลัวเจ้าจริง ๆ!”
เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและแผ่คลื่นพลังกดดันอันหนักอึ้งซึ่งเกิดจากระดับการบ่มเพาะระดับแปดระเบิดออก จนแขกหลายคนรอบตัวเขาตื่นตระหนกและไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้ ก่อนจะพากันถอยออกไปทีละคน
กำลังพลของกองทัพผ้าคลุมสีชาดก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อช่วยป้องกันแรงกดดันที่มาจากซ่างหง
ซูอันยืนนิ่งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพหลิวดูถูกกองทัพผ้าคลุมสีชาดของตระกูลฉู่ และยืนกรานที่จะต่อสู้ น่าเสียดายที่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ ท่านซ่างปรารถนาที่จะลองเสี่ยงโชคหรือไม่?”
ซ่างหงหวั่นไหว เขาตอบสนองทันที “นายน้อยซู กองทัพผ้าคลุมสีชาดแห่งตระกูลฉู่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดน ข้าผู้นี้จะกล้าลองดีได้อย่างไร? ทว่า ในฐานะมนุษย์ การจะทำอะไรสักอย่างควรมีเหตุผลที่เหมาะสม งานแต่งงานเป็นเหตุการณ์สำคัญ คนพาลที่พากองทัพเข้ามารังแกผู้ร่วมงานถือเป็นความผิดที่ยากที่จะแก้ตัว ถูกต้องไหม?”
“คนพาล?” ซูอันเกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะ เขาไม่คิดเลยว่าซ่างหงผู้นี้จะใช้คำพูดนี้กับเขา
“อาซู!” เซี่ยเต๋าอวิ๋นดึงแขนเสื้อของเขา นางส่งเสียงถึงเขาผ่านพลังชี่ “ทำอย่างนี้เจ้าจะเผชิญศึกถึงสามด้านพร้อมกัน! กองทหารที่รับใช้ซ่างหงจะรู้ข่าวเรื่องนี้ในไม่ช้า หากเกิดการสู้รบครั้งใหญ่ กองทัพผ้าคลุมสีชาดไม่มีทางจะต้านทานกองกำลังประจำเมือง กองทหารราชองครักษ์ และกองทหารลาดตระเวนลำน้ำในเวลาเดียวกันได้!”
แน่นอนว่าในฐานะสมาชิกของตระกูลเซี่ย นางไม่ต้องการเห็นสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น หากเป็นเช่นนั้น ตระกูลเซี่ยของนางจะถูกลากเข้าไปด้วย
“ก็ได้ เห็นแก่แม่นางเซี่ย ข้าจะทำตัวมีเหตุผลขึ้นสักหน่อย!” คำพูดของซูอัน ทำให้เซี่ยเต๋าอวิ๋นหน้าแดงทันที