ตอนที่ 650 ซื้อเรือนสี่ประสาน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 650 ซื้อ​เรือน​สี่ประสาน​

อย่างไรก็ตาม​ ว่าน​ฮุ่ย​ไม่ได้​ไป​รายงานตัว​ทันที​มาถึงมหาวิทยาลัย​ชิงหวา​ แต่​ใช้ประโยชน์​จาก​ความ​ไม่พร้อม​ของ​รุ่นพี่​ที่​รอ​ต้อนรับ​น้องใหม่​และ​ทิ้ง​กระเป๋า​ไว้​อย่าง​เงียบงัน​

หลิน​ม่าย​รู้สึก​งุนงง​

อีก​ฝ่าย​มาถึงมหาวิทยาลัย​ชิงหวา​แล้ว​ ทำไม​ไม่ปลอมตัว​เป็น​เธอ​?

หล่อน​มามหาวิทยาลัย​ชิงหวา​เพื่อ​อะไร​?

หล่อน​กำลัง​รอโอกาส​ที่​เหมาะสม​เพื่อ​ใส่ร้าย​หลิน​ม่าย​ หรือ​กำลัง​ลังเล​กัน​แน่​?

หลิน​ม่าย​คิด​ว่า​ความเป็นไปได้​ที่สอง​น่าจะ​เป็นไปได้​มากกว่า​

เพราะ​ว่าน​ฮุ่ย​ไม่มีเรื่องอื้อฉาว​ของ​หลิน​ม่าย​ให้​ขุดคุ้ย​เพื่อ​นำมา​เปิดโปง​ จึงไม่อาจ​ทำ​ตามเหตุผล​ประการ​แรก​ได้​

หลิน​ม่าย​เดา​ว่า​สาเหตุ​ที่​ว่าน​ฮุ่ย​ไม่มารายงานตัว​วันนี้​เพราะว่า​ความเสี่ยง​ที่จะ​ปลอมตัว​เป็น​นักเรียน​คะแนน​อันดับ​หนึ่ง​รายวิชา​วิทยาศาสตร์​ใน​การ​สอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​แห่งชาติ​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ ดังนั้น​หล่อน​จึงลังเล​และ​คอย​ตรวจสอบ​สถานการณ์​ก่อน​

แม้ว่า​หนังสือพิมพ์​จะลงข่าว​ว่า​เธอ​เป็น​ที่หนึ่ง​ใน​วิชา​วิทยาศาสตร์​สำหรับ​การ​สอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​ใน​ปี​นี้​ แต่​ก็​ไม่มีรูป​ของ​เธอ​ ดังนั้น​ หลาย​คน​ทั่วประเทศ​ก็​ไม่แน่​ว่า​จะจดจำ​เธอ​ได้​

แต่​ชื่อ​ของ​เธอ​เป็นที่รู้จัก​ใน​วิทยาลัย​และ​มหาวิทยาลัย​ทั่วประเทศ​ ดังนั้น​จึงไม่ง่าย​ที่​ว่าน​ฮุ่ย​จะสวมรอย​

หลิน​ม่าย​คิด​ว่า​ว่าน​ฮุ่ย​กำลังจะ​บ้าคลั่ง​เพราะ​ต้อง​การแทนที่​เธอ​ใน​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​ แต่​ไม่คาดคิด​ว่า​แผนการ​ของ​ตน​จะมีอุปสรรค​ขวางกั้น​

หา​กว่าน​ฮุ่ย​ฉลาด​พอ​ หล่อน​คง​ไม่พลาดโอกาส​ใน​การ​จัดการ​และ​สวมรอย​เป็น​หลิน​ม่าย​

หลิน​ม่าย​แอบ​ติดตาม​ว่าน​ฮุ่ย​เพื่อ​ดู​ว่า​หล่อน​กำลังจะ​ไป​ที่ไหน​

ว่าน​ฮุ่ย​เดิน​เตร็ดเตร่​ไป​ทั่ว​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ก่อน​จะพบ​โรงแรม​ราคา​ถูก​ที่จะ​เข้า​พัก​ และ​ไม่มีการเคลื่อนไหว​ใด​อีก​

เนื่องจาก​เมื่อวาน​มีชาย​คน​หนึ่ง​ต้องการ​ขาย​บ้าน​ ดังนั้น​เขา​จึงนัด​กับ​หลิน​ม่าย​ใน​ตอนเที่ยง​วันนี้​เพื่อ​ดู​บ้าน​

ตอนนี้​เป็นเวลา​จวนจะ​เที่ยง​ ดังนั้น​หลิน​ม่าย​จึงต้อง​เร่งรีบ​

หลิน​ม่าย​ไม่มีเวลา​จับตาดู​ว่าน​ฮุ่ย​อีกต่อไป​ ขณะ​กำลังจะ​จากไป​ เธอ​พลัน​เห็น​ว่าน​ฮุ่ย​ออก​มาจาก​โรงแรม​เล็ก​ ๆ และ​เดิน​ตรง​ไป​ที่​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​

หลิน​ม่าย​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​เดินตาม​ไป​อย่าง​เงียบงัน​

เมื่อ​ว่าน​ฮุ่ย​มาถึงมหาวิทยาลัย​ชิงหวา​ หล่อน​ก็​เดิน​ไป​รอบ​ ๆ แผนกต้อนรับ​เพื่อ​รับ​น้องใหม่​ พูดคุย​กับ​เจ้าหน้า​ที่สอง​สามคำ​ และ​จากไป​อย่าง​กระฉับกระเฉง​

หลิน​ม่าย​สวมหน้ากาก​ เดิน​ไป​ถามพนักงาน​ที่​พูด​กับ​ว่าน​ฮุ่ย​เมื่อ​ครู่​ว่า​ว่าน​ฮุ่ย​พูด​อะไร​กับ​หล่อน​

เมื่อ​เห็น​ว่า​เธอ​สวมหน้ากาก​อยู่​ พนักงาน​จึงถามด้วย​ความตกใจ​ “เธอ​มีโรคติดต่อ​อะไร​หรือเปล่า​? อย่า​เข้าใกล้​ฉัน​นะ​!”

น้องใหม่​หลาย​คน​ที่​กำลัง​สอบถาม​เรื่อง​การ​ลงทะเบียน​ต่าง​ถอยร่น​ไป​ เหลือ​เพียง​หลิน​ม่าย​ที่​ยืน​อยู่​ที่​โต๊ะ​รับน้อง​

หลิน​ม่าย​รู้สึก​ตกใจ​กับ​คำถาม​ของ​เจ้าหน้าที่​ และ​อธิบาย​พลาง​ยก​มุมปาก​ “ฉัน​ไม่มีโรคติดเชื้อ​อะไร​ค่ะ​ ฉัน​ใส่หน้ากาก​เพราะ​พายุ​ทราย​ใน​เมืองหลวง​รุนแรง​เกินไป​”

พายุ​ทราย​ใน​เมืองหลวง​ไม่ได้​เกิดขึ้น​เฉพาะ​ใน​ปัจจุบัน​ แต่​มีมาตั้งแต่​สมัยโบราณ​

เหล่า​เฉ่อ​เคย​เขียน​ใน​หนังสือ​เรื่อง​ ‘คน​ลาก​รถ​’ ของ​เขา​ว่า​ ‘เสี่ยง​จื่อ​ หนี​กลับ​ไป​ปักกิ่ง​และ​เข้าไป​ใน​ห้อง​ศุลกากร​ ‘เท้า​เหยียบ​ฝุ่น​ที่​อ่อนนุ่ม​และ​สกปรก​’ พร้อม​เขียน​ว่า​ ‘ชั้น​ของ​ฝุ่น​ตก​ลงมา​บน​ใบไม้​แห้ง​ใน​ปักกิ่ง​’

นี่​คือ​คำอธิบาย​ของ​พายุ​ทราย​

นอกจากนี้​เหล่า​เฉ่อ​ยัง​ได้​บรรยาย​ถึงพายุ​ทราย​ใน​บันทึก​ของ​เขา​ด้วยว่า​ ‘ลม​จะพัดพา​ทราย​และ​ทำให้​มืดมิด​ จน​ดวงอาทิตย์​เปลี่ยนเป็น​สีเหลือง​’

หลิน​ม่าย​มาจาก​เจียง​เฉิง เมือง​ที่​มีทะเลสาบ​หลาย​ร้อย​แห่ง​ ที่​ซึ่งดอกไม้​บาน​ ต้น​หลิว​เขียวขจี​ หญ้า​กำลัง​เติบโต​ นก​กระจิบ​กำลัง​โบยบิน​ และ​ทิวทัศน์​ก็​สวยงาม​ เธอ​ไม่เคย​เห็น​พายุ​ทราย​มาก่อน​ ดังนั้น​เธอ​จึงรู้สึก​ไม่คุ้นเคย​เมื่อ​เธอ​มาถึงเมืองหลวง​

เจ้าหน้าที่​รู้สึก​โล่งใจ​เมื่อ​ได้ยิน​เธอ​พูด​ภาษาจีนกลาง​สำเนียง​ใต้​

ชาว​ใต้​จำนวนมาก​ไม่สามารถ​ปรับตัว​กับ​พายุ​ทราย​ได้​เมื่อ​มาถึงเมืองหลวง​

น้องใหม่​ที่​ซ่อนตัว​อยู่​ห่างไกล​ก็​รวมตัวกัน​อีกครั้ง​อย่าง​เชื่องช้า​

เจ้าหน้าที่​บอก​หลิน​ม่าย​ว่า​ เมื่อ​สักครู่​นี้​ว่าน​ฮุ่ย​ถามหล่อน​ว่า​ตน​สามารถ​ลงทะเบียน​ใน​ฐานะ​ผู้​ทำคะแนน​สูงสุด​ใน​การ​สอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​หรือไม่​

หลิน​ม่าย​ถามต่อ​ “แล้ว​คุณ​ตอบ​ไป​ว่า​ยังไง​คะ​?”

“ฉัน​ตอบ​ว่า​ไม่ค่ะ​” พนักงาน​ถามหลิน​ม่าย​อย่าง​ระแวดระวัง​ “ทำไม​คุณ​ถึงถามเรื่อง​นี้​คะ​?”

หลิน​ม่าย​พยายาม​คิด​หา​ข้ออ้าง​ “ฉัน​จะสอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​ใน​ปีหน้า​ และ​ฉัน​ก็​อยาก​จะมีความสุข​กับ​การ​สอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​เพื่อ​ให้ได้​อันดับ​หนึ่ง​ ฉัน​เลย​ถามเพราะ​อยากรู้​ว่า​อันดับ​หนึ่ง​มารายงานตัว​แล้ว​หรือยัง​ เลย​อยาก​สอบถาม​วิธีการ​ค่ะ​”

ความจริง​แล้ว​ เธอ​ได้​ฟังเนื้อหา​การ​สนทนา​ระหว่าง​ว่าน​ฮุ่ย​กับ​เจ้าหน้าที่​อย่าง​ชัดเจน​ แต่​เธอ​กลับ​เสียจังหวะ​ไป​เพียง​ประโยค​เดียว​ แต่​พนักงาน​ไม่ได้​สังเกต​เลย​

เจ้าหน้าที่​ยิ้ม​ให้กำลังใจ​เธอ​ พลาง​กล่าว​ “ถ้าเธอ​อยาก​เห็น​นักเรียน​อันดับ​หนึ่ง​ ให้​ลอง​มาดู​ใน​อีก​สอง​วัน​ นักเรียน​อันดับ​หนึ่ง​ควรจะ​เดินทาง​มารายงานตัว​ภายใน​สอง​วันนี้​”

หลิน​ม่าย​กล่าว​คำขอบคุณ​และ​จากไป​

เธอ​รู้อยู่​ใน​ใจแล้ว​ว่า​ว่าน​ฮุ่ย​ซึ่งเป็น​ผู้​สมอง​พิการ​ยังคง​ต้องการ​มาเรียน​ที่​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​แทน​เธอ​

แต่​คน​ไร้​ปัญญา​คน​นี้​ระมัดระวัง​ตัว​และ​ต้องการ​ดู​ว่า​อะไร​จะเกิด​ขึ้นกับ​เธอ​อยู่​เสมอ​

หลิน​ม่าย​ไม่สามารถ​มาเรียน​ที่​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​ได้​เพราะ​ใบ​รายงานตัว​สูญหาย​ ดังนั้น​เธอ​จึงต้องหา​วิธี​ออก​ใบรับรอง​เพื่อ​ลงทะเบียน​

หาก​เป็น​สถานการณ์​ใน​อดีต​ ว่าน​ฮุ่ย​จะกล้าเสี่ยง​และ​ปลอมตัว​เป็น​เธอ​อย่าง​แน่นอน​

หลิน​ม่าย​เยาะเย้ย​ใน​ใจ เป็นไปไม่ได้​ที่​เธอ​จะปล่อยไป​อย่าง​ง่ายดาย​ เธอ​ต้อง​ทำลาย​ชื่อเสียง​ของ​ว่าน​ฮุ่ย​!

หลิน​ม่าย​ออกจาก​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​ และ​รีบ​ไป​ยัง​สถานที่​ที่​ตกลง​กับ​ผู้ขาย​ ซึ่งผู้ขาย​ก็​มาถึงแล้ว​

แต่​ไม่มีใคร​มาเพิ่ม​ มีเพียง​สี่คน​เท่านั้น​

หลิน​ม่าย​มอง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ทั้ง​สี่ที่​ดู​คล้ายคลึง​กัน​ และ​รู้​ทันที​ว่า​พี่น้อง​ทั้ง​สี่คน​เป็น​เจ้าของบ้าน​หลัง​นี้​ร่วมกัน​

เธอ​ขอโทษ​และ​บอ​กว่า​ติดธุระ​จึงล่าช้า​และ​นั่น​คือ​สาเหตุ​ที่​ทำให้​เธอ​มาสาย​

สี่พี่น้อง​พูด​พร้อมกัน​ว่า​ไม่เป็นไร​

ผู้​เป็น​พี่ใหญ่​ใน​นั้น​ชวน​เธอ​ไป​ยัง​ร้านอาหาร​เพื่อ​รับประทาน​อาหาร​และ​พูดคุย​กัน​

ทั้ง​สี่พี่น้อง​ล้วน​เป็น​ชาย​ นั่น​ทำให้​เธอ​รู้สึก​แปลกประหลาด​เมื่อ​ร่วม​รับประทาน​อาหาร​กับ​พวกเขา​ใน​ฐานะ​หญิง​เพียง​คนเดียว​

หลิน​ม่าย​เสนอ​ “เรา​ไปดู​บ้าน​กัน​ก่อน​ดีกว่า​ค่ะ​ แล้ว​ค่อย​มารับประทาน​อาหาร​ ฉัน​ยังมี​อีก​หลาย​สิ่งที่​ต้อง​ทำ​ใน​ช่วง​บ่าย​นี้​”

อันที่จริง​เธอ​ไม่ได้​มีธุระ​อะไร​ที่​ต้อง​จัดการ​ใน​ตอนบ่าย​

แต่​จุดประสงค์​ที่​เธอ​พูด​เช่นนั้น​ ก็​เพื่อ​ไม่ให้​ชาย​ทั้ง​สี่คิด​ว่า​เธอ​สนใจ​บ้าน​มาก​แล้ว​หาทาง​ขึ้นราคา​

เมื่อ​ได้ยิน​ดังนั้น​ ชาย​ทั้ง​สี่จึงพา​เธอ​เข้าไป​เยี่ยมชม​บ้าน​

พี่​รอง​ของ​ครอบครัว​นี้​เป็น​ผู้​ติดต่อ​ทำ​การซื้อขาย​กับ​หลิน​ม่าย​

พี่​รอง​บอก​หลิน​ม่าย​ในเวลานั้น​ว่า​บ้าน​ของ​พวก​เขาใหญ่​มาก​

แต่​หลิน​ม่าย​ไม่คิด​ว่า​มัน​จะเป็น​เรือน​สี่ประสาน​สามวง​ ใหญ่โต​ยิ่งกว่า​ที่​เธอ​คิด​ไว้​มาก​

ศาลา​ภายใน​ได้รับ​การ​ตกแต่ง​และ​จัดระเบียบ​อย่าง​ดี​

พี่​รอง​กล่าว​แนะนำ​ “ดู​สวน​ของ​เรา​สิครับ​ เรา​ปลูก​ดอก​ไม้ใบ​หญ้า​และ​ต้นไม้​ไว้​มากมาย​ ทิวทัศน์​สวยงาม​ตลอด​ทั้งปี​ โดยเฉพาะ​ใน​ฤดูหนาว​ และ​จะสวยงาม​ยิ่งขึ้น​เมื่อ​มีหิมะ​ตก​เชียว​ล่ะ​ครับ​”

หลิน​ม่าย​เชื่อ​ใน​สิ่งที่​เขา​พูด​

ทิวทัศน์​ที่​เธอ​เห็น​ตอนนี้​คือ​ สวน​ที่​เต็มไปด้วย​องุ่น​ซึ่งมีรสชาติ​พิเศษ​

หลิน​ม่าย​อยาก​จะซื้อ​เรือน​สี่ประสาน​หลัง​ใหญ่​ที่​มีทิวทัศน์​อัน​งดงาม​แบบนี้​ไว้​ชื่นชม​เหลือเกิน​

แต่​สิ่งที่​เธอ​แสดง​ออกมา​คือ​ท่าทาง​เฉยเมย​และ​ถามว่า​ทำไม​พวกเขา​ถึงต้องการ​ขาย​บ้าน​

สี่พี่น้อง​อธิบาย​ทันที​

หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​ สี่พี่น้อง​ต้อง​ทนทุกข์ทรมาน​มาก​กับ​เรือน​สี่ประสาน​หลัง​นี้​

พวกเขา​ถูกตราหน้า​ว่า​เป็น​ผู้สืบทอด​ความมั่งคั่ง​จาก​ตระกูล​ แต่​ไร้ความสามารถ​ บ้าน​หลัง​นี้​เป็น​ที่พึ่ง​ทางจิตใจ​แก่​พวกเขา​มาก​ก็​จริง​ แต่​ก็​นำมาซึ่ง​ความ​เศร้าใจ​ไม่น้อย​

หาก​ขาย​ไป​ก็​คง​อุ่นใจ​มากขึ้น​

นอกจากนี้​พวกเขา​ทั้ง​สี่ยัง​ไม่ต้อง​การอาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​หลัง​นี้​ เพราะ​ง่าย​ที่จะ​ทำให้เกิด​ความขัดแย้ง​เมื่อ​อยู่​ด้วยกัน​

ดังนั้น​พี่น้อง​ทั้ง​สี่จึงขาย​บ้าน​เพื่อ​นำ​เงิน​มาซื้อ​บ้าน​แยก​ของ​แต่ละคน​

หลิน​ม่าย​ไม่พูด​อะไร​หลังจาก​ได้ยิน​เหตุผล​ใน​การ​ขาย​บ้าน​

พี่น้อง​ทั้ง​สี่งุนงง​และ​มองหน้า​กัน​ด้วย​ความสงสัย​ว่า​เธอ​ต้องการ​ซื้อ​หรือไม่​

พี่​รอง​ถามอย่าง​ไม่แน่ใจ​ “เสี่ยว​หลิน​ คุณ​ชอบ​เรือน​สี่ประสาน​หลัง​นี้​ไหม​ครับ​?”

หลิน​ม่าย​ไม่ตอบ​ แต่กลับ​เอ่ย​ถาม “เรือน​สี่ประสาน​ของ​พวกคุณ​ราคา​เท่าไหร่​คะ​?”

พี่ชาย​รอง​และ​พี่ชาย​สามยก​มือขึ้น​ใน​ลักษณะ​เดียวกัน​ “คุณ​คง​ได้​เห็น​กับ​ตา​แล้ว​ว่า​บ้าน​ของ​เรา​งดงาม​และ​ใหญ่โต​ขนาด​ไหน​ ดังนั้น​ราคา​ต่ำสุด​จึงจะอยู่​ที่สาม​แสน​หยวน​”

มือ​ของ​หลิน​ม่าย​สั่น​ด้วย​ความตื่นเต้น​ แต่​ไม่มีใคร​สังเกตเห็น​

แน่นอน​ว่า​เงิน​เพียง​เท่านั้น​ไม่ใช่ราคาแพง​สำหรับ​บ้าน​หลัง​ใหญ่โต​เช่นนี้​ เพราะ​หลัง​ผ่าน​ไป​ราว​สอง​ถึงสามทศวรรษ​ เงิน​สามแสน​หยวน​จะกลายเป็น​อย่าง​น้อย​สามร้อย​ล้าน​ล้าน​หยวน​ ซึ่งเป็น​ลาภลอย​มหาศาล​

แม้เธอ​จะคิด​เช่นนั้น​ใน​ใจ แต่​ก็​เป็นไปไม่ได้​ที่​หลิน​ม่าย​จะตอบโต้​ข้อเสนอ​ในทันที​

ตอนนี้​เธอ​กำลังจะ​ซื้อ​บ้าน​ ดังนั้น​เธอ​ควร​ต่อรองราคา​ตาม​ราคาตลาด​ปัจจุบัน​

หลิน​ม่าย​พูด​กับ​พี่ชาย​รอง​ “สามแสน​แพง​เกินไป​ ฉัน​จ่าย​ไม่ไหว​หรอก​ค่ะ​”

พี่น้อง​มองหน้า​กัน​อย่าง​สลดใจ​

บ้าน​ของ​พวก​เขาใหญ่​มาก​ การ​ขาย​ใน​ราคา​สามแสน​หยวน​จึงถือว่า​ไม่แพง​

คน​ที่มา​ดู​บ้าน​แต่​ไม่ได้เงิน​มากมาย​ขนาด​นั้น​ก็​หมดหนทาง​

พี่ใหญ่​ใน​หมู่​พวกเขา​เอ่ย​ถาม “แล้ว​คุณ​จ่าย​ได้​เท่าไหร่​ครับ​?”

หลิน​ม่าย​กล่าว​อย่าง​จริงจัง​ “มาก​ที่สุด​ที่​ฉัน​จ่าย​ได้​คือ​สอง​แสน​ห้า​หมื่น​หยวน​ค่ะ​ และ​ฉัน​ต้องหา​ยืม​เงิน​ด้วย​”

สี่พี่น้อง​เผย​สีหน้า​ประหลาดใจ​

ยัง​ไม่มีใคร​เสนอ​ราคา​สูงเช่นนี้​มาก่อน​

แต่​สี่พี่น้อง​ยังคง​แสดงออก​อย่าง​เฉยเมย​ราวกับว่า​ราคา​นี้​ยัง​ต่ำ​เกินไป​

พี่ใหญ่​ของ​พวกเขา​กล่าว​ “เสี่ยว​หลิน​ รา​คาที่​เรา​เสนอ​เป็น​ราคา​ที่ต่ำ​ที่สุด​แล้ว​ แม้ว่า​คุณ​จะอยากได้​น้อยกว่า​นี้​ ก็​ลดราคา​ไม่ได้​หรอก​ครับ​”

พี่​คน​ที่สอง​กล่าว​ “คุณ​ก็​เห็น​แล้ว​ว่า​บ้าน​ของ​เรา​มีทำเล​ดี​และ​มีลาน​กว้าง​ แม้จะซื้อ​ใน​ราคา​สามแสน​หยวน​ก็​ไม่ถือว่า​ขาดทุน​”

แฝด​คน​ที่สาม​กล่าว​ “ถ้าอย่างนั้น​เรา​มาถอย​กัน​คนละ​ก้าว​ดีกว่า​ครับ​ เรา​จะขาย​ใน​ราคา​สอง​แสน​เก้า​หมื่น​หยวน​”

แฝด​คน​ที่สี่​กล่าว​ “นี่​คือ​ราคา​ต่ำสุด​ที่​เรา​สามารถ​ลด​ให้ได้​แล้ว​”

พี่น้อง​สี่คน​นี้​มีความคิด​ที่​แน่วแน่​

ใน​เมื่อ​ผู้หญิง​คน​นี้​สามารถ​จ่าย​ได้​สอง​แสน​ห้า​หมื่น​หยวน​ เธอ​ต้อง​สามารถ​ใช้จ่าย​ได้​อีก​สี่หมื่น​หยวน​แน่​ ดังนั้น​ทำไม​พวกเขา​จะไม่ขอ​เพิ่ม​ล่ะ​?

หลิน​ม่าย​ผาย​มือ​ “ฉัน​ไม่สามารถ​จ่าย​สอง​แสน​เก้า​หมื่น​หยวน​ได้​จริง ๆ​ ข้อตกลง​นี้​คง​ต้อง​จบ​ลง​แล้ว​ละ​ค่ะ​” หลัง​พูด​จบ​ เธอ​ก็​ทำ​ท่าจะ​จากไป​

ฝาแฝด​ทั้ง​สี่รีบ​ตะโกน​หยุด​เธอ​ “เรา​ตกลง​ยอม​รับข้อเสนอ​ของ​คุณ​ครับ​!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สาร​จาก​ผู้แปล​

หู​ววว​ เรือน​สี่ประสาน​สามวง​เชียว​นะ​ ถือว่า​ถูก​นะ​สอง​แสน​ห้า​เนี่ย​

ไหหม่า​(海馬)