บทที่ 631 ทำทุกวิถีทางโดยไม่เลือก

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

แววตาของเขาเพ่งมองนางอย่างจดจ้อง ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อจากนั้นก็มองที่มือของตัวเอง แล้วมองซ่างกวนหนานซู่ กลับไปกลับมาที่ตัวของตัวเองและใบหน้าของซ่างกวนหนานซู่สองสามครั้ง

สุดท้ายถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง……

“ท่านชนะแล้ว ฆ่าข้าเถอะ!”

ซ่างกวนหนานซู่ไม่หลงกล อีกทั้งตรวจออกมาได้ว่าบนมือของเขาถูยาพิษไว้ อีกทั้งพูดความคิดในใจของเขาออกมาอย่างแม่นยำไม่มีผิด

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของนางเป็นความจริง ถังมู่หวั่นวางยาพิษที่ไม่มียาถอนพิษให้ตัวเองดังคาด อย่างไงเสียก็มีชีวิตรอดไม่ได้แล้ว ก็ตายเช่นนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป เสียดายเพียงแค่แม้ว่าเขาจะตายก็ต้องพาหน้ากากหนังคนแผ่นนี้ไปด้วย แม้ตายก็ไม่มีทางเป็นตัวเองได้

เห็นซ่างกวนหนานซู่ไม่ได้ขยับ กลับหมุนตัวแล้วเดินจากไป

ฉินหวยก็ไม่ได้พูดอะไร ชักมีดสั้นด้ามหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อเตรียมจะแทงไปที่หัวใจของตัวเอง…….

ยาพิษบนมือใช้เพื่อต่อกรกับซ่างกวนหนานซู่จริงๆ แต่กลับเป็นยาพิษชนิดออกฤทธิ์ช้า อีกทั้งเขาก็เตรียมยาถอนพิษไว้แล้ว วางไว้ในที่ที่เขารู้จักเพียงผู้เดียว

จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้ซ่างกวนหนานซู่โดนยาพิษชนิดออกฤทธิ์ช้า ไม่ว่าเขาจะยินยอมหรือไม่ยินยอมก็ล้วนต้องถอนพิษในร่างกายของเขา แต่เขาคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง ถังมู่หวั่นจะวางยาพิษที่ไม่มีทางแก้ให้เขาจริงๆ และซ่างกวนหนานซู่ก็ไม่ได้หลงกล

ความจริงก็เป็นเช่นนี้ เขาไม่มีความจำเป็นจะต้องมีชีวิตอยู่แล้ว

ใครจะรู้……

มีดสั้นแทงไม่ลง ถูกพลังที่แข็งแกร่งควบคุมไว้ เงยหน้ามอง ตรงหน้าชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ท่าทางเหมือนปัญญาชน แต่กลับทำให้มีความรู้สึกคาดเดาได้ยากยิ่ง

คนผู้นั้นขยับมือเพียงเล็กน้อย มีดสั้นในมือของฉินหวยก็เด้งออกในพริบตา ปักตรงลงในดินข้างๆ ไม่ทันได้ทำปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ฉินหวยรู้สึกเพียงช่วงคอแสบร้อนเป็นระยะ จากนั้นก็หมดสติ

หลานเยาเยาเดินเข้ามา มองดูใบหน้าที่เหมือนกับเย่แจ๋หยิ่งทุกอย่างนั้น นางขมวดคิ้วอย่างหนัก

“จะตายก็ไม่ควรเอาใบหน้านี้ไปตายด้วย”

“อาส้ง ช่วยเสริมหน่อย!”

…….

องครักษ์ลับสิบกว่าคนที่ฝึกฝนอย่างดี หลังจากที่ไร้ผลลัพธ์จากการสืบหา เย่แจ๋หยิ่งก็หาหานแสพบโดยลำพัง หานแสกลับบอกว่าฆ่าซ่างกวนหนานซู่ไปแล้ว เย่แจ๋หยิ่งไม่เชื่อเป็นธรรมดา ทั้งสองต่อสู้กันรอบหนึ่ง สุดท้ายหานแสเป็นฝ่ายแพ้

ขณะที่เย่แจ๋หยิ่งจากไป หานแสเช็ดคราบเลือดบนมุมปากอย่างรุนแรง กล่าวเสียงดังต่อแผ่นหลังของเย่แจ๋หยิ่ง:

“ข้ารู้แล้วว่านางเป็นใคร นางไม่ได้เป็นเพียงหลานเยาเยา อ๋องเย่ อย่าคิดว่าท่านครอบครองนางได้แล้ว”

ฝีเท้าของเย่แจ๋หยิ่งชะงักลง แต่ก็เพียงแปบเดียวเท่านั้น แล้วยกเท้าจากไปต่อ

หลานเยาเยาเป็นใคร เขากระจ่างแจ้งกว่าผู้ใด

แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รับการคุกคามจากแขกต่างประเทศ เขาหวังเพียงนางเป็นหลานเยาเยา เป็นเพียงหลานเยาเยาของเขาเท่านั้น

เย่แจ๋หยิ่งกลับไปในป่าทึบผืนนั้นอีกครั้ง

เป็นดังคาดทั้งที่เห็นนางไม่ได้เป็นอะไรแต่กลับยังเป็นห่วงหลานเยาเยาเป็นพิเศษ

หลานเยาเยาก็เห็นเขาแล้ว จิตใจค่อนข้างวิตกกังวลเล็กน้อย นาทีนั้นที่เห็นเย่แจ๋หยิ่งอีก ทั้งหมดก็สงบลงแล้ว

เวลานี้ อาส้งกำลังอยู่ข้างกายนาง พวกเขาใช้บ้านที่พังถล่มทำเหมือนโต๊ะทำงานเป็นโต๊ะที่เรียบง่าย ด้านบนมีคนนอนอยู่หนึ่งคน

เห็นเพียงร่างกายของคนผู้นั้น ยังไม่เห็นใบหน้าของเขา ในสมองของเย่แจ๋หยิ่งปรากฏเหตุการณ์ในความทรงจำบางอย่าง ทำให้คิ้วของเขาขมวดแน่น จนได้เห็นใบหน้าของเขามีรอยเลือดเล็กน้อย เขาจึงได้แอบถอนหายใจ

ไม่ใช่เขา!

ฮ่องเต้รุ่นแรกที่วางแผนจะอยู่กับนางไปชั่วชีวิตผู้นั้น

“เยาเยา ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ ไม่เป็นไรก็ดี”

เขาไม่กล้าเข้าใกล้มาก เพราะเวลานี้หลานเยาเยายังยุ่งมาก ในมือถือสิ่งของที่เป็นเหมือนหนังคนแผ่นหนึ่งไว้ ถามอย่างสงสัย:

“นี่คืออะไร?”

“หน้ากากหนังคน!” เย่แจ๋หยิ่งเคยเห็นหน้ากากหนังคน ทีแรกไม่อยากพูด เกรงว่าจะทำให้เขาอยากอาเจียน แต่หลานเยาเยารู้สึกว่ายังไงก็ต้องบอกเขา “อยู่ที่ถังมู่หวั่นนั่น เขาเป็นตัวแทนของท่าน”

ต่อจากนั้น นางพูดเรื่องที่เผชิญมารอบหนึ่ง และบอกกระทั่งความลับทุกอย่างที่ฉินหวยพูดออกมาทั้งหมด ไม่ว่าจริงเท็จ แค่ตรวจก็รู้

ยิ่งฟังสีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งยิ่งเคร่งขรึม ดำจนเหมือนถูกสาดน้ำหมึก

ฟังจบ

เขากำหมดแน่นนานแล้ว น้ำเสียงเฉียบขาด “นาง คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าเพียงนี้…….”

หาผู้ชายที่รูปร่างเหมือนเขาผู้หนึ่ง คลุมด้วยหน้ากากหนังคนของเขาแผ่นหนึ่ง ก็คิดว่านั่นคือเขาแล้ว? ยังทำเรื่องเช่นนั้นออกมาอีก

นี่คือการดูหมิ่นและการเหยียดหยามต่อเขาชนิดหนึ่งโดยแท้

“เย่แจ๋หยิ่ง อย่าใส่ใจ เจ้าคือเจ้า ฉินหวยคือฉินหวย ไม่ว่าถังมู่หวั่นกับเขาจะเกิดอะไรขึ้น นั้นล้วนเป็นเรื่องระหว่างถังมู่หวั่นกับฉินหวย ท่านจะรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องอัปยศชนิดหนึ่งทำไม? นางเพียงแค่อยากครอบครองท่านเกินไปเท่านั้น”

คำพูดนี้เดิมทีก็ไม่ผิด

กลับถูกเย่แจ๋หยิ่งมองอย่างเกรี้ยวกราด เสียงหนักแน่นเล็กน้อย: “เยาเยา…….”

“ได้ ไม่พูดถึงนางแล้ว เช่นนั้นพูดเรื่องฉินหวยเถอะ! เขาโดนยาพิษที่ไม่มีทางถอน ตอนนี้หน้ากากหนังคนบนใบหน้าถูกลอกออกแล้ว อย่างมากเขาก็มีชีวิตได้เพียงวันพรุ่งนี้ ต้องการจัดการกับเขาอย่างไร?”

ฉินหวยเป็นคนน่าสงสาร

เดิมทีเป็นเพียงปัญญาชนผู้หนึ่ง คิดเพียงสอบเพื่อผลงานและตำแหน่งชื่อเสียง สุดท้ายตกอับถึงจุดจบที่ต้องสูญเสียครอบครัว ตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทางที่บริสุทธิ์แล้ว เพื่อมีชีวิตรอดหรือเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของตัวเอง เขาเรียนรู้ที่จะทำทุกวิถีทาง

เช่นนี่เดิมทีก็ไม่มีอะไรให้ตำหนิมาก

ไม่ว่าผู้ใดที่มาถึงจุดนั้นเช่นเขา ก็ล้วนไม่ไร้เดียงสาอีก แต่สวรรค์ไม่ให้โอกาสเขาได้เป็นคนใหม่อีกรอบ ในไม่ช้าเขาจะตาย

“เยาเยาคิดว่าควรจะทำอย่างไร?”

“ข้าคิดดู” หลานเยาเยามองหน้ากากหนังคนในมือแวบหนึ่ง แม้ว่าจะเหมือนหน้าของเย่แจ๋หยิ่งเป็นที่สุด แม้ว่าจะมีมูลค่ามาก แต่นางยังทำลายสิ่งนั้นโดยไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย “ในเมื่อฉินหวยเกลียดแค้นถังมู่หวั่น เช่นนั้นก็ให้พวกเขาทำให้มันจบเอง”

ดีชั่วล้วนมีผลกรรม เพราะผลกรรมต้องได้รับการตอบสนอง ตั้งแต่ไหนแต่ไรรักษาสัจจะเสมอ

“ดี!”

ไม่ว่าอย่างไรก็ดี เพียงแค่อย่าทำให้เขาสะอิดสะเอียนอีก

เย่แจ๋หยิ่งเก็บรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับศพคนโดนมนต์ดำที่ถังมู่หวั่นขโมยไปซ่อนในงานเลี้ยงดอกไม้นานาพันธุ์ปีนั้น นางบิดเบือนจำนวนคนของงานเลี้ยงดอกไม้นานาพันธุ์ ตอนนี้ได้ใช้ประโยชน์จากศพคนโดนมนต์ดำอีก ใช้คนเป็นสร้างคนโดนมนต์ดำ เป็นอันตรายต่อประชาชน กลับเพียงเพื่อเรื่องส่วนตัว

ตอนนี้บวกกับการคุมขัง ฉินหวยอีก ฆ่าคนมั่วซั่วข้อหนึ่งนี้

ถังมู่หวั่นจำเป็นต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา

ในตอนกลางคืน ลมหนาวพัดกระหน่ำ พัดโชยใบไม้ต้นหญ้า ประตูหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดก็ถูกพัดเกิดเสียงดัง

ในจวนเฉิงเสี้ยง คืนนี้เงียบสงบผิดปกติ องครักษ์ที่ลาดตระเวนยังคงลาดตระเวนเหมือนปกติ แต่ไม่ได้มีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด เพียงแต่ในจวนนี้กลับเผยความผิดปกติออกมาทุกที

อันดับแรกคือไฟในลานหลักของลานด้านหลังที่ส่องสว่าง หลังจากนั้นโคมไฟตรงระเบียงทางเดินมากมายไม่ได้จุด

ในห้องนอนของถังมู่หวั่น เป็นห้องเพียงห้องเดียวที่ดับไฟเทียนแล้ว

แต่นางกลับนอนไม่หลับ หมุนกลับไปมา ทั้งสมองล้วนเป็นเงาร่างของอ๋องเย่ และเสียงพูดเอาอกเอาใจที่กล่าวออกมา ผู้ชายที่เหมือนดั่งเทพเซียนเช่นนี้ ทำให้นางหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า

ผู้คนล้วนกล่าวว่า พวกเขาผู้ชายมีความสามารถผู้หญิงงดงาม เป็นคู่ที่สวรรค์กำหนด นางก็คิดเช่นเดียวกัน ในโลกนี้ผู้ที่พอจะคู่ควรกับอ๋องเย่ได้ มีเพียงนางแล้ว

น่าเสียดาย ไม่ว่านางจะงดงามโดดเด่นเพียงใด ตั้งแต่เริ่มจนจบก็ไม่ได้รับสายตาที่แตกต่างออกไปของอ๋องเย่

อ๋องเย่ที่ยังคงเย็นชาเหมือนดั่งน้ำแข็งผู้นั้น อ๋องเทพสงครามที่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงคนใดเข้าใกล้ภายในสามก้าว เขาอยู่อย่างสูงส่ง อีกทั้งชื่อเสียงความดุร้ายภายนอก นางกล้ามองเพียงไกลๆ ไม่กล้าเข้าใกล้

ชื่นชอบอย่างระมัดระวังก็คือความงดงามชนิดหนึ่ง

แต่ทว่า…….