ตอนที่ 587 แค่ได้ยินก็หวาดหวั่น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 587 แค่ได้ยินก็หวาดหวั่น

ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเข้ามาท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า แววตาของหญิงสาวคมกริบ แสงสีทองของดวงอาทิตย์ส่องไปยังร่างของหญิงสาวราวกับจะสะท้อนรัศมีที่น่าเกรงขามและทรงคุณธรรมในร่างของนางออกมาทั้งหมด

ราชครูถานมองไปยังร่างที่อยู่ในชุดเกราะของไป๋ชิงเหยียน เขารู้สึกเหมือนเห็นไป๋เวยถิงผู้มีบารมีในชุดเกราะเดินทางกลับมาเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ

จวนเจิ้นกั๋วกงแห่งตระกูลไป๋เป็นตระกูลนักรบมานับร้อยปี ประวัติศาสตร์จารึกว่าจวนเจิ้นกั๋วกงคือเสาหลักและกระดูกสันหลังของแคว้นต้าจิ้นอย่างแท้จริง

นับตั้งแต่ที่ไป๋เวยถิงรับสืบทอดตำแหน่งเจิ้นกั๋วกง ที่ใดในแคว้นต้าจิ้นมีสงคราม ที่นั่นจะมีจวนเจิ้นกั๋วกงและกองทัพไป๋อยู่! หนานเจียง เป่ยเจียง ชายแดนฝั่งตะวันออกและตะวันตก ที่ใดบ้างไม่มีกระดูกและซากศพของกองทัพไป๋ ที่ใดบ้างไม่มีวิญญาณของบุรุษแห่งตระกูลไป๋อยู่

ทุกแคว้นต่างรับรู้ว่าตระกูลไป๋จงรักภักดี

ทุกแคว้นต่างรับรู้ว่าตระกูลไป๋เก่งกาจและกล้าหาญ

ขอเพียงมีจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่ ใต้หล้านี้ไม่มีสงครามที่ต้าจิ้นเอาชนะไม่ได้

ขอบตาของราชครูถานร้อนผ่าว จวนเจิ้นกั๋วกงไม่เคยมีคนไร้ความสามารถ คำกล่าวนี้ไม่ผิดเลย การที่เด็กสาวของตระกูลไป๋อย่างไป๋ชิงเหยียนตัดศีรษะแม่ทัพใหญ่ผางผิงกั๋วของแคว้นสู่ได้ทำให้ราชครูถานเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหญิงสาวมากแล้ว ตอนที่ตระกูลไป๋กำลังเผชิญกับวิกฤต เด็กสาวผู้นี้กล้าหาญถึงขั้นใช้ชีวิตทวงความยุติธรรมจากฮ่องเต้อีกต่างหาก

ไม่เหนือความคาดหมาย เด็กสาวผู้นี้ทำสงครามที่หนานเจียงจนแม่ทัพอวิ๋นพั่วสิงที่ดุดันของซีเหลียงต้องถอยทัพกลับไป นางทำให้บารมีและชื่อเสียงของตระกูลไป๋กลับมายิ่งใหญ่ในสายตาของทุกแคว้นอีกครั้ง

เด็กสาวที่เคยได้รับบาดเจ็บหนักจนสูญเสียวรยุทธ์ไม่เพียงไม่เคยทำให้ชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกงต้องแปดเปื้อน นางยังแบกคำว่าเจิ้นกั๋วได้อย่างสมเกียรติ ทำให้ทุกคนรู้ว่านางคู่ควรกับคำนี้จริงๆ

บางคนกล่าวว่าเด็กสาวผู้นี้โชคดี เพราะการเมืองภายในแคว้นซีเหลียงกำลังวุ่นวาย นางจึงรบชนะ มิเช่นนั้นอวิ๋นพั่วสิงไม่มีทางพ่ายแพ้ยับเยินในสงครามที่หนานเจียงเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนหลอกตัวเองว่านางคือเทพสังหารเพราะอยากกอบกู้สถานการณ์ของตระกูลไป๋ก็เท่านั้น

ทว่า ต่อมาเมื่อต้าเหลียงหวังบุกยึดอวี้ซานกวนที่เป่ยเจียง แม่ทัพสวินเทียนจางรบจนกองทัพต้าจิ้นต้องถอยหนีออกจากภูเขาชุนมู่ แม่ทัพใหญ่จางตวนรุ่ยเสียชีวิตในสงคราม เด็กสาวผู้นี้บุกไปยังเมืองหลงหยางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก ทำสงครามจนต้าเหลียงหนีกลับแคว้นไปแทบไม่ทัน เหตุการณ์น้ำท่วมเมืองหลงหยาง ทำให้กองทัพต้าเหลียงหวาดกลัวทุกครั้งที่ได้ยิน

หลังจากจบสงครามในครั้งนั้น ผู้ใดในเมืองหลวงยังกล้ากล่าวว่าไป๋ชิงเหยียนอาศัยโชคช่วยอีก ผู้ใดยังกล้ามารุกรานแคว้นต้าจิ้นอีก!

สตรีอ่อนแอของตระกูลไป๋ยืนหยัดด้วยคำว่าเจิ้นกั๋วได้อีกครั้ง หญิงสาวทำได้เหมือนดั่งป้ายเจิ้นกั๋วที่แขวนอยู่หน้าจวน…หากไม่ขับไล่ศัตรูที่บุกมาข่มเหงรังแกชาวต้าจิ้นออกไปจากแคว้น จะรบจนวันตาย! มีชีวิตอยู่เพื่อชาวบ้าน ยอมตายเพื่อบ้านเมือง! ปกป้องคุ้มครองแผ่นดินและชาวบ้านต้าจิ้นให้อยู่อย่างสงบสุข ชีวิตนี้ไม่เสียชาติเกิด!

ราชครูถานคิดได้ถึงตรงนี้ ขอบตาของเขาแดงก่ำ

ไป๋เวยถิงเคยกล่าวกับเขาว่าหลานสาวของเขาคือดาบล้ำค่า หากหมั่นลับดาบบ่อยๆ ดาบจะยิ่งแข็งแกร่ง ทว่า ไป๋เวยถิงสงสารหลานสาวของตัวเองจึงไม่ได้ทำเช่นนั้น

หากเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงยังมีชีวิตอยู่แล้วเห็นหลานสาวของตัวเองนำดาบออกมาลับจนแหลมคมและเก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจหรือสงสารหลานสาวของตัวเองกันแน่

ราชครูถานเป็นคนที่รักหลานสาวเช่นเดียวกัน เขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ได้อย่างไรกัน

ราชครูถานสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหดหู่ หากเจิ้นกั๋วอ๋องและแม่ทัพคนอื่นในตระกูลไป๋ยังมีชีวิตอยู่ ต้าจิ้นจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน

เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงประตูเมืองหลวงแล้ว ไป๋ชิงเหยียนยกมือขึ้น ทหารที่อยู่บนหลังม้าทุกคนหยุดนิ่งเงียบสงบทันทีที่เห็นสัญญาณมือ

ใบหน้าของเหลียงอ๋องเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แสร้งเดินไปด้านหน้าสองก้าวพลางมองไปยังเบื้องหน้าอย่างดีใจ

เหลียงอ๋องนึกถึงภาพเหตุการณ์วันที่ไป๋ชิงเหยียนมีท่าทีข่มขู่เขาตอนอยู่หน้าประตูจวนของใต้เท้าหวังเสนาบดีกรมพิธีการผู้เป็นตาของหลิ่วรั่วฟู ชายหนุ่มลอบกำมือที่แนบอยู่ข้างกายแน่น

ตั้งแต่ที่เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงเสียชีวิตจนถึงทุกวันนี้ ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากเรือนหลังทีละก้าวจนมีอย่างทุกวันนี้ ในที่สุดเหลียงอ๋องก็เชื่อในคำกล่าวของตู้จือเวยที่ว่าไป๋ชิงเหยียนคือนักรบโดยกำเนิด

เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งๆ ที่ตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนหวั่นไหวกับเขาแล้วแท้ๆ เหตุใดนางจึงปฏิบัติต่อเขาเปลี่ยนไปเช่นนี้ ที่สำคัญนางไม่ได้เปลี่ยนไปตอนที่เขาสั่งให้ชุนเหยียนนำจดหมายใส่ร้ายไป๋เวยถิงว่าเป็นกบฏไปวางในห้องตำราของไป๋เวยถิง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเริ่มหวาดระแวงเขาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว

เหลียงอ๋องหรี่ตาแคบมองไปยังธงสัญลักษณ์แห่งชัยชนะขององค์รัชทายาทที่สยายพลิ้วอยู่ องค์รัชทายาทช่างดวงแข็งจริงๆ เขามีไป๋ชิงเหยียนและทหารค่ายผิงอันคุ้มครองตลอดทาง

บัดนี้เขากับไป๋ชิงเหยียนเข้าหน้ากันไม่ติดแล้ว หญิงสาวกลายเป็นพวกเดียวกับองค์รัชทายาท เขาไม่มีทางทำให้หญิงสาวมารับใช้เขาได้อีกแล้ว ในเมื่อไม่อาจใช้งานนางได้ เช่นนั้นไป๋ชิงเหยียนจะมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกนี้ไม่ได้เด็ดขาด

เหลียงอ๋องกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่นจนเกิดเสียงเล็กน้อย

ทว่า เขาจะใช้คนของตัวเองสังหารไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ มิเช่นนั้นอาจทิ้งร่องรอยจนคนสืบมาถึงตัวเขาได้ ไม่รู้ว่าท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจะยินดีช่วยเหลือเขาหรือไม่

ไป๋ชิงเหยียนให้ค่ายผิงอันรออยู่ที่เดิม พาหลูผิงที่เร่งเดินทางตามมาจากค่ายผิงอันคุ้มกันองค์รัชทายาทเข้าไปในเมืองพร้อมกับองครักษ์ขององค์รัชทายาท เมื่อถึงหน้าประตูเมือง ไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า

เฉวียนอวี๋ประคององค์รัชทายาทที่ใบหน้าซีดเซียวลงมาจากรถม้า องค์รัชทายาทไข้ขึ้นสูง เขาจึงอ่อนแรงไปทั้งร่าง ทว่า พยายามฝืนกายยืนเคียงคู่กับไป๋ชิงเหยียน

“เสด็จพี่!” เหลียงอ๋องรีบทำความเคารพองค์รัชทายาทด้วยท่าทีดีใจ “ในที่สุดเสด็จพี่ก็กลับมาเสียทีนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ยินดีต้อนรับองค์รัชทายาทเสด็จกลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูถานนำบรรดาขุนนางคุกเข่าคำนับ

“ท่านราชครูถาน!” องค์รัชทายาทรีบเข้าไปประคองร่างของราชครูถาน “ท่านราชครูไม่ต้องคุกเข่าคำนับขอรับ”

เมื่อประคองราชครูถานได้แล้ว องค์รัชทายาทถอยหลังไปก้าวหนึ่ง โค้งกายคำนับราชครูถานและองค์หญิงใหญ่ในฐานะผู้ด้อยอาวุโสกว่า “เราไม่อยู่เมืองหลวง ลำบากท่านราชครูและองค์หญิงใหญ่แล้ว”

องค์หญิงใหญ่สวมเครื่องแต่งกายสง่างามเต็มยศ ในมือถือไม้เท้าหัวพยัคฆ์สีดำเลี่ยมทองและหยก หยัดกายตรงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ในชุดเกราะสีเงินอย่างสง่างามและองอาจ ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หางตาส่อแววอ่อนล้าเล็กน้อย

ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพราชครูถานและองค์หญิงใหญ่ “ท่านย่า ท่านราชครู!”

ชุนเถาที่อยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนรีบทำความเคารพองค์หญิงใหญ่

ราชครูถานมองไปทางองค์รัชทายาทที่มีท่าทีนอบน้อมและถ่อมตัว เขาอดพยักหน้าออกมาไม่ได้ จากนั้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “ลำบากองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว!”

“เป็นหน้าที่ที่เหยียนควรทำ ไม่กล้ารับคำว่าลำบากเจ้าค่ะ” ท่าทีของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หยิ่งยโสแม้แต่น้อย มีแต่ความเคารพนอบน้อม ยิ่งทำให้ราชครูถานประทับใจยิ่งกว่าเดิม

“เสด็จพ่อทรงเป็นอย่างไรบ้าง” องค์รัชทายาทหันไปถามองค์หญิงใหญ่

“องค์ชายทรงไม่ต้องเป็นกังวล หมอหลวงบอกว่าฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ โชคดีที่ช่วยไว้ได้ทันการ อีกไม่กี่วันคงดีขึ้น อีกไม่เกินสองวัน ฝ่าบาทก็คงฟื้นแล้ว” องค์หญิงใหญ่กล่าว

เมื่อองค์รัชทายาทได้ยินว่าอีกไม่นานฮ่องเต้จะฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาจึงไม่กล้ากลับจวน ตรงไปเฝ้าฮ่องเต้ที่ตำหนักของพระองค์ด้วยความกตัญญูทันที

ก่อนจากไป องค์รัชทายาทสั่งให้หลู่จิ้นจับกุมตัวฝูรั่วซีไปขัง ทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันตั้งค่ายพักอยู่ที่นอกเมืองหลวง บรรดาแม่ทัพเข้ามาพักในเมืองหลวงโดยมีไป๋ชิงเหยียนเป็นคนจัดการ

ฝูรั่วซีถูกคุมขัง แม้บรรดาลูกน้องของฝูรั่วซีจะเชื่อใจไป๋ชิงเหยียน ทว่า เมื่อเข้ามาในเมืองหลวง พวกเขาต่างรีบตรงไปยังจวนฝูเพื่อขอความคิดเห็นจากฝูเหล่าไท่จวิน