ตอนที่ 588 มีวาสนา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 588 มีวาสนา

ไป๋ชิงเหยียนนั่งรถม้าคันเดียวกับองค์หญิงใหญ่กลับไปยังจวนไป๋

บนรถม้าที่โคลงเคลง องค์หญิงใหญ่เห็นว่าไป๋ชิงเหยียนผอมลงกว่าเดิม เมื่อสำรวจจนแน่ใจว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้รับบาดเจ็บ นางจึงเล่าเรื่องที่ไป๋จิ่นซิ่วคลอดก่อนกำหนดให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง

ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่เต็มไปด้วยความยินดี นางรักเด็กคนนั้นจากใจจริง กล่าวถึงไม่หยุดปาก “นามเล่นของเด็กคือวั่งเกอ แม้จะคลอดก่อนกำหนด ทว่า จิ่นซิ่วเลี้ยงดูอย่างดี คลอดออกมาตัวกลมขาวน่ารักน่าชัง ช่วงแรกไม่ยอมดื่มนม ตัวเล็กจนทุกคนสงสาร ทว่า เมื่อครบหนึ่งเดือน เขาก็ค่อยๆ ดีขึ้น ตอนนี้มีแม่นมถึงสองสามคน ดื่มนมจนใบหน้ากลมดิก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเด็กมีวาสนา”

เจี่ยงหมัวมัวคุกเข่ารินน้ำชาให้เจ้านายอยู่ด้านข้าง นางส่งถ้วยน้ำชาให้องค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่กล่าวไม่หยุดเช่นนี้ รีบดื่มชาสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ไม่ได้กลับเมืองหลวงนาน ย่อมมีเรื่องมากมายอย่างกล่าวเช่นเดียวกัน องค์หญิงให้คุณหนูใหญ่กล่าวบ้างเถิดเจ้าค่ะ”

องค์หญิงใหญ่รับชามาถือไว้ จากนั้นหัวเราะออกมาทันที รอยเหี่ยวย่นใต้ตาชัดเจนยิ่งกว่าเดิม “ได้ๆ ข้าไม่กล่าวแล้ว ให้อาเป่ากล่าวบ้าง”

ไป๋ชิงเหยียนรับชามาจากเจี่ยงหมัวมัวยิ้มๆ เงยหน้ามององค์หญิงใหญ่ เอ่ยถาม “ท่านรู้หรือไม่เจ้าคะว่าเหตุใดจิ่นซิ่วถึงคลอดก่อนกำหนด จิ่นซิ่วไม่ได้เขียนบอกในจดหมาย ต่อมาฝ่าบาทเกิดเรื่องขึ้น ข้าจึงไม่ได้รับจดหมายจากจิ่นซิ่วอีกเจ้าค่ะ”

ได้ยินคำถามนี้ องค์หญิงใหญ่นึกถึงตอนที่หลานสาวของตัวเองเกือบเสียชีวิตขึ้นมาทันที หากไม่ใช่เพราะสาวใช้ที่พอมีวรยุทธ์ผู้นั้น หลานสาวของนางและเด็กในท้องก็คงไม่อาจมีชีวิตรอด รอยยิ้มบนใบหน้าขององค์หญิงใหญ่เจือนลงเล็กน้อย นางกุมมือของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นลูบไปที่ฝ่ามือของหลานสาวอย่างแผ่วเบา กล่าวขึ้น “จิ่นซิ่วรอเจ้าอยู่ที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว นางกำชับย่าว่าต้องการเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังด้วยตัวเอง”

องค์หญิงใหญ่รู้ดีว่าเมื่อไป๋ชิงเหยียนกลับมาถึง หลานสาวของนางต้องถามถึงเรื่องนี้ ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าจะถามทันทีเช่นนี้

ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น พยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเห็นผมขาวที่จอนผมขององค์หญิงใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงคำกล่าวของท่านยายขึ้นมา…ท่านย่าเป็นองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์หลิน ท่านไม่อาจทนเห็นราชวงศ์หลินดับสูญด้วยน้ำมือของหลานสาวแท้ๆ ของตนได้ ไป๋ชิงเหยียนกุมมือองค์หญิงใหญ่ไว้หลวมๆ พยักหน้าให้

องค์หญิงใหญ่ตะลึงงัน ตั้งแต่เกิดเรื่องของจี้ถิงอวี๋ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลานสาวห่างเหินกันออกไปทุกที ไป๋ชิงเหยียนคุกเข่าก้มศีรษะแนบพื้นเพื่อตัดความสัมพันธ์ย่าหลานกับนางกลางหอทำพิธี องค์หญิงใหญ่คิดว่าชาตินี้หลานสาวของนางจะไม่กลับมาหานางอีกแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะกุมมือตอบนางเช่นนี้

ขอบตาขององค์หญิงใหญ่ร้อนผ่าว หัวเราะเบาๆ พลางลูบที่หลังมือของหลานสาว กล่าวออกมายิ้มๆ อย่างพยามกลั้นน้ำตา “ครั้งนี้เจ้ามีความดีความชอบยิ่งใหญ่ในการคุ้มครององค์รัชทายาทกลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย หากเจ้าอยู่เมืองหลวงต่ออีกสักพัก องค์รัชทายาทก็คงไม่ว่ากระไรหรอก”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ช่วงนี้ลำบากท่านย่าแล้วเจ้าค่ะ”

องค์หญิงใหญ่กุมมือไป๋ชิงเหยียนแน่น ส่ายหน้ายิ้มๆ

เจี่ยงหมัวมัวใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาของตัวเอง ดันจานของว่างไปตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นยื่นตะเกียบเงินที่สลักลายดอกไม้สวยงามให้ไป๋ชิงเหยียนด้วยมือทั้งสองข้าง “คุณหนูใหญ่เดินทางมาทั้งวันคงหิวแย่ บ่าวเตรียมของว่างไว้ให้คุณหนูใหญ่ ทานรองท้องคู่กับน้ำชาร้อนๆ ไปก่อนนะเจ้าคะ”

“ขอบคุณเจี่ยงหมัวมัวมาก!” ไป๋ชิงเหยียนรับตะเกียบเงินมาคีบชิมขนมถั่วนึ่งหนึ่งคำ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ฝีมือของเจี่ยงหมัวมัวนี่”

“เมื่อทราบข่าวว่าเจ้าจะกลับมา เจี่ยงหมัวมัวจึงไปขอยืมโรงครัวหลวงทำของว่างให้เจ้าด้วยตัวเอง นางตื่นขึ้นมาเตรียมการตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง” คงเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างนางและหลานสาวเป็นไปในทางที่ดีขึ้น น้ำเสียงขององค์หญิงใหญ่จึงร่าเริงขึ้น นางกุมมือข้างหนึ่งของไป๋ชิงเหยียนแน่นไม่ยอมปล่อย

ชุนเถาเดินตามรถม้ากลับไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว นางเห็นกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญที่ปกติมักรวมตัวอยู่กับหลู่หยวนเผิงก็นึกประหลาดใจ คนในเมืองหลวงกล่าวว่ากลุ่มคุณชายเจ้าสำราญไปเข้าร่วมกองทัพแล้วไม่ใช่หรือ

ชุนเถามองดูกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญเดินเข้าไปในหอเยี่ยนเชวี่ย ทว่า ไม่เห็นร่างของหลู่หยวนเผิง ชุนเถายังไม่ทันมองให้แน่ชัดว่ามีผู้ใดอยู่ในกลุ่มนั้นบ้าง จู่ๆ ทหารในชุดเกราะเทาคนหนึ่งก็ขี่ม้าผ่านหน้าชุนเถา มุ่งหน้าไปยังจวนว่าการอย่างรวดเร็วพลางตะโกนให้ชาวบ้านหลีกทางลั่น

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงจึงแหวกม่านรถม้าออกดู ชุนเถาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนพลางเดินไปพลาง “คุณหนูใหญ่มีสิ่งใดจะรับสั่งเจ้าคะ”

“ผู้ใดอยู่บนถนนกัน” ไป๋ชิงเหยียนถาม

“เรียนคุณหนูใหญ่ คือทหารในชุดเกราะสีเทาเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าเขาจะมุ่งหน้าไปยังจวนที่ว่าการเจ้าค่ะ” ชุนเถาเอ่ยตอบ

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เดาว่าอาจเป็นทหารที่กลับมารายงานสถานการณ์ทางทหารที่เมืองหลวง

ทว่า เขาไม่ได้ตรงไปยังวังหลวง กลับไปที่จวนว่าการแทน น่าจะรายงานไปยังกรมทหาร แสดงว่าไม่ใช่สถานการณ์เร่งด่วนอันใด

มาจากประตูทิศตะวันออก หรือว่าเป็นรายงานทหารจากหนานหรงกันนะ

“เจ้าบอกให้ลุงผิงไปสืบที่กรมทหารดูทีว่ามีเรื่องอันใดกันแน่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“เจ้าค่ะ!” ชุนเถาวิ่งไปยังด้านหน้าของขบวนเพื่อสั่งการกับหลูผิง

ไป๋ชิงเหยียนปิดม่านลงตามเดิมพลางลดมือลง องค์หญิงใหญ่กล่าวขึ้น “รายงานส่งไปยังกรมทหารคงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอันใด เจ้าพักผ่อนสักหน่อยเถิด”

“เกรงว่าจะเป็นข่าวจากหนานหรงเจ้าค่ะ บัดนี้ทหารค่ายผิงอันตามกลับมาเมืองหลวงครึ่งค่าย ข้ากลัวว่าหนานหรงจะสร้างปัญหา หากเรารู้เรื่องเร็วหน่อยจะได้เตรียมรับมือทันเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

องค์หญิงใหญ่มองดูหลานสาวตรงหน้าที่ได้รับสืบทอดความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวมาจากบรรพบุรุษนิ่ง จากนั้นก้มหน้าลูบหลังมือของไป๋ชิงเหยียนอย่างปลอบโยน “เจ้าช่างเหมือนกับท่านปู่ของเจ้ามากจริงๆ เป็นห่วงแคว้นต้าจิ้นตลอดเวลา เป็นทายาทที่ดีของตระกูลไป๋”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กล่าวตอบ หญิงสาวนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว

ฮูหยินสองหลิวซื่อ ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นเซ่อ แม่นางหลูและหมอหงยืนรอต้อนรับองค์หญิงใหญ่และไป๋ชิงเหยียนอยู่หน้าจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว

เดิมทีหลังจากวั่งเกออายุครบหนึ่งเดือน ฮูหยินสองหลิวซื่อควรตามฮูหยินสามหลี่ซื่อที่มาร่วมงามฉลองครบเดือนของวั่งเกอกลับไปซั่วหยาง ทว่า ต่งซื่อฝากหลี่ซื่อมาบอกหลิวซื่อว่าไป๋จิ่นซิ่วคลอดก่อนกำหนด หากให้หลิวซื่อกลับไปซั่วหยางตอนนี้หลิวซื่อก็คงไม่สบายใจ ตระกูลฉินไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล ไป๋จิ่นซิ่วตั้งครรภ์ครั้งแรก ต่งซื่อให้หลิวซื่ออยู่ดูแลไป๋จิ่นซิ่ว วั่งเกอ ไป๋จิ่นเซ่อต่อที่เมืองหลวง

หลิวซื่อรู้สึกขอบคุณต่งซื่อมากจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร นางอยู่เมืองหลวงต่ออย่างไม่คิดเล่นตัว ตั้งใจว่าหากวั่งเกออายุเกินหกเดือน นางจะรีบเดินทางกลับไปยังซั่วหยางทันทีโดยไม่บ่ายเบี่ยงอีก

เมื่อเห็นรถม้าขององค์หญิงใหญ่แล่นมาแต่ไกล อีกทั้งเห็นชุนเถาที่เดินตามอยู่ข้างรถม้า ใบหน้าของหลิวซื่อเต็มไปด้วยความยินดี นางรีบถลกชายกระโปรงลงมาจากบันไดอย่างรวดเร็ว “กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว!”

แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปที่กำแพง แสงสีทองอร่ามไปทั่วท้องถนนยาวของเมืองหลวง

ไป๋จิ่นเซ่อรีบวิ่งลงจากบันไดเช่นเดียวกัน ใบหน้าของสาวน้อยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หันไปบอกไป๋จิ่นซิ่ว “พี่หญิงรอง พี่หญิงใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้ายิ้มๆ ความเป็นแม่ทำให้ใบหน้าของไป๋จิ่นซิ่วอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม อาจเป็นเพราะหญิงสาวคลอดก่อนกำหนด ร่างของนางจึงซูบผอมกว่าเมื่อก่อนมากนัก ทว่า ใบหน้าแจ่มใสแข็งแรง