บทที่ 478

พอเซวียนผิงโหวเข้าวังก็ได้รับราชโองการให้ลงใต้ทันที ฮ่องเต้แต่งตั้งให้เขาเป็นทูตลงใต้ และรับตำแหน่งผู้บังคับการทหารเรือเมืองหนานไห่เป็นการชั่วคราว ต้องปราบปรามโจรโดยเร็วที่สุดและสูญเสียน้อยที่สุด แย่งชิงเกาะเมืองหนานคืนมาให้ได้

เซวียนผิงโหวนำทัพทหารม้าเกราะเบาห้าร้อยนายออกเดินทางจากเมืองหลวงตลอดทั้งคืน และฉางจิ่งก็ติดตามไปด้วย

หลังจากที่กู้เจียวกลับมาจากเรือนขององค์หญิงซิ่นหยาง ก็นั่งรถม้าที่อวี้จิ่นจัดการให้กลับไปที่ตรอกปี้สุ่ย

ที่บ้านคึกคักมาก เพื่อนบ้านต่างมาเยี่ยมเจ้าหนูน้อย นี่เป็นเด็กน้อยที่ทั้งเชื่อฟังทั้งสวย

ฉินกงกงกับเว่ยกงกงก็มาด้วยเช่นกัน

กู้เจียวเข้าวังครานี้เพื่อบอกข่าวดีกับท่านย่าและฮ่องเต้ ผู้อาวุโสทั้งสองเรียกรวมขุนนางใหญ่ๆ มาประชุมตลอดทั้งคืนเพราะเรื่องโจรสลัด ไม่อาจไปเยี่ยมเจ้าเด็กน้อยที่ตรอกปี้สุ่ยด้วยตัวเองได้ จึงให้ฉินกงกงกับเว่ยกงกงไปแทน

“เจ้าอุ้มไปตั้งครึ่งชั่วยามแล้ว ให้ข้าอุ้มบ้างสิ!”

ภายในห้องตะวันตก ฉินกงกงบ่นให้เว่ยกงกง

เว่ยกงกงหันหลังหนี หลบมือปีศาจที่ยื่นมาของฉินกงกง ก่อนเอ่ยอย่างป่าเถื่อนไร้เหตุผล “ไม่ให้!”

เขาแย่งมาได้ก่อนนะ!

แย่งมาจากมือแม่เฒ่าหลิวด้วย สวรรค์รู้ดีว่าเขาสูญเสียไปมากมายเท่าใด!

“ครั้งหน้าเจ้าค่อยมาอุ้มสิ!” ฉินกงกงยืนกรานไม่ยอมส่งเด็กน้อยให้อย่างหนักแน่น

ฉินกงกงโมโหจนกัดฟันกรอดๆ

เจ้าเตี้ย อยู่กับฮ่องเต้จนลืมไปแล้วหรือว่าใครที่เป็นคนรับใช้ชั้นในอันดับหนึ่งแห่งวังหลัง

เว่ยกงกงไม่สนใจ

เขาไม่ให้ก็คือไม่ให้!

ฉินกงกงจะเอื้อมไปแย่งก็ไม่ได้ เกิดไปโดนเจ้าหนูเจ็บเข้า จวงไทเฮาได้กุดหัวเขาแน่

ฉินกงกงล้อ “ให้ข้าอุ้มหน่อย กลับไปข้าจะส่งเต๋อเฉวียนให้เจ้าเล่นสองวัน”

เต๋อเฉวียนเป็นตะพาบน้อยที่ฉินกงกงเลี้ยงไว้ เป็นตัวที่เขารักที่สุด เว่ยกงกงอยากเล่นมาตั้งนานแล้ว

เว่ยกงกงเอ่ยอย่างไม่คิดสักนิด “ชิ่วๆ!”

มีเจ้าหนูน้อยแล้ว ใครจะไปสนใจตะพาบของเจ้ากัน

อันที่จริงที่เขาอยากได้ตะพาบของฉินกงกงไม่ใช่เอามาเล่น แต่เอามาตุ๋นน้ำแกงตะพาบต่างหากเล่า!

สุดท้ายฉินกงกงก็ไม่อาจแย่งเว่ยกงกงมาได้

มหาศึกชิงเจ้าหนูน้อยยืดยาวมาจนถึงเสี่ยวจิ้งคงกลับมาจากกั๋วจื่อเจียน พอเสี่ยวจิ้งคงปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองคนก็ไม่มีอะไรต้องแย่งแล้ว

ใครจะไปแย่งเขาได้กันล่ะ

เสี่ยวจิ้งคงยังอุ้มเจ้าหนูน้อยไม่ค่อยเป็น เขาวางเด็กน้อยลงในเปลไกว ที่น่าสนใจคือเขายังสูงไม่ถึงเปลไกว จึงต้องยกม้านั่งเล็กๆ มาตัวหนึ่ง แล้วเหยียบบนม้านั่งขึ้นมาดูน้อง

“จมูกน้องเหมือนข้าเลย ปากก็เหมือนข้า ตาก็เหมือนข้า ขนก็เหมือนข้า!” เสี่ยวจิ้งคงยืดอกน้อยๆ ของตัวเองขึ้น โคลงศีรษะเอ่ยอย่างภาคภูมิใจยิ่ง “ช่างเป็นเจ้าหนูที่หล่อเหลาเอาการจริงๆ!”

ทุกคน “…”

ชมนู่นชมนี่ไปเรื่อย อันที่จริงเจ้าแค่อยากชมตัวเองแค่นั้นกระมัง

เด็กน้อยวัยยังไม่ครบเดือนนอกจากกินกับนอนแล้ว ก็ไม่อาจมีปฏิกิริยาอะไรต่อการหยอกล้อของเสี่ยวจิ้งคงได้มากนัก เสี่ยวจิ้งคงเล่นกับน้องสักพักก็เบื่อแล้ว เขาจึงพาไก่ไปเดินเล่นในตรอกต่อ

แม่นางเหยาพักอยู่ที่ห้องตะวันออกชั่วคราว น้ำนมนางมีไม่ค่อยพอ ท่านป้าหลิวจึงแนะนำแม่นมให้ แม่นมเป็นคนซื่อสัตย์ อายุน้อยกว่าแม่นางเหยาไม่กี่ปี คลอดลูกในเดือนที่ไล่ๆ กับพี่สะใภ้ที่บ้าน ลูกของนางส่งให้พี่สะใภ้เอาไปป้อนนมให้ ส่วนนางก็ย้ายมาพักที่ห้องเดิมของแม่นางเหยา หลักๆ แล้วนางจะป้อนนมให้เด็กตอนกลางคืน ตอนกลางวันหากเด็กกินไม่อิ่มก็จะป้อนเพิ่มมื้อสองมื้อ

พอรู้ว่ากู้เจียวจะต้องนอนที่ห้องตะวันตกสักระยะ คนที่เบิกบานใจที่สุดก็คือเสี่ยวจิ้งคง

“ข้าจะได้นอนกับเจียวเจียวแล้ว!”

เขาอาบน้ำจนหอมฟุ้ง หวีผมน้อยๆ จนเงาวับ ก่อนจะเดินอาดๆ ไปที่ห้องตะวันตก “เจียวเจียว! ข้ามาแล้ว!”

เขาสลัดรองเท้าออกก่อนปีนขึ้นเตียง

คิดไม่ถึงว่าขาสั้นๆ ของเขายังไม่ทันปีนขึ้นไป ก็ถูกพี่เขยนิสัยไม่ดีหิ้วตัวขึ้นมาเสียแล้ว

เซียวเหิง “เจ้าไปนอนบ้านท่านปู่ไป”

เสี่ยวจิ้งคงดีดดิ้นไปมา “ไม่เอา! ไม่เอา! ข้าจะนอนกับเจียวเจียว!”

ไม่เอาก็ต้องเอา

เสี่ยวจิ้งคงถูกพี่เขยนิสัยไม่ดีหิ้วไปบ้านข้างๆ อย่างไร้ปรานี

เมื่อกู้เจียวอาบน้ำกลับมาถึงห้องตะวันตก ที่นอนบนเตียงก็ปูเรียบร้อยแล้ว ซ้ำยังปูไว้ผืนเดียวด้วย เสี่ยวจิ้งคงไม่อยู่ เซียวเหิง…อยู่ แต่กำลังเก็บชุดนอนตัวเองอยู่

“เจ้าไม่นอนรึ” กู้เจียวถาม

นางเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ผมยังไม่ทันได้เช็ด ใช้ผ้าฝ้ายผืนแห้งห่อผมเอาไว้ เหลือเพียงปอยผมที่เปียกอยู่ปรกลงข้างหูนาง หยาดน้ำแวววาวหยดบนลำคอขาวผ่องของนาง

ค่อนข้างเย้ายวนทีเดียว

เซียวเหิงกระแอมเบาๆ ก่อนจะเบนสายตาไปมองชุดนอนในมือ เอ่ย “ข้าจะไปนอนกับจิ้งคง”

กู้เจียวมองที่นอนในห้อง เอาเถอะ เตียงหลังนี้เบียดกันสามคนก็แคบไปหน่อยจริงๆ นั่นแหละ

อันที่จริงไม่ใช่ปัญหาที่เตียงเล็กไม่เล็กหรอก แต่เป็น…

เซียวเหิงมองร่างกายนางที่งดงามขึ้นทุกวัน ยามดึกสงัดจึงเงียบเป็นพิเศษ เขาสูดหายใจลึก กำจัดความคิดเพ้อเจ้อที่พลุ่งพล่านอยู่ในสมองทิ้ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ดึกมากแล้ว เจ้ารีบนอน อย่าลืมเช็ดผมด้วย”

“อื้ม” กู้เจียวพยักหน้า เอื้อมมือไปคว้าผ้าขนหนูบนหัวลงมา

ผมยาวดำขลับสยายลงมาปรกไหล่นาง ขับให้ผิวพรรณอ่อนนุ่มของนางขาวผ่องดุจหิมะ

เซียวเหิงมองแค่แวบเดียวก็รู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา เขากลัวว่าถ้าตัวเองยังไม่ไปคงได้ทำเรื่องที่แก้ไขอะไรไม่ได้ขึ้นมาแน่

“ข้าไปล่ะ”

เอ่ยจบ เขาก็เร่งฝีเท้าออกจากห้อง แทบจะเรียกได้ว่าหนีเตลิดเปิดเปิง

กู้เจียวส่งเสียงอ้อด้วยความแปลกใจ “เดินเร็วเสียจริง กำลังจะถามเรื่ององค์หญิงของเจ้าอยู่เลย”

ปฏิกิริยาในห้องใต้หลังคาขององค์หญิงซิ่นหยางผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยาแรกของนางคือโรคกลัวที่แคบ แต่หากนางมีโรคกลัวที่แคบละก็ เหตุใดจึงไปที่ห้องใต้หลังคาเล่า แล้วเหตุใดตอนนั่งรถม้าจึงไม่เป็นไร

กู้เจียวคิดไม่ตก

“เจียวเจียว นอนหรือยัง”

เป็นเสียงแม่นางเหยา

กู้เจียววางผ้าขนหนูในมือลง แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง “ข้ายังไม่นอน ท่านลงจากเตียงทำไมเล่า”

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าสบายดี ตอนกลางวันก็ลงจากเตียงมาเดินไปเดินมาอยู่บ้าง” แม่นางเหยาคลอดครานี้เวลายาวนานกว่าคราก่อน แต่ระหว่างนั้นไม่ได้ทรมานอะไร

“เข้ามาเถิด ข้างนอกมันเย็น” กู้เจียวบอก

แม่นางเหยาเข้ามาในห้อง นางนั่งลงบนเตียง แล้วดึงมือลูกสาวมา ก่อนเอ่ยเสียงนุ่ม “พี่รองเจ้ามาหา”

กู้เจียวส่งเสียงอ้อ แล้วเอ่ย “เขามาซื้อยาปลูกผมน่ะ” ยาปลูกผมของกู้เฉิงหลินใช้หมดอีกแล้วรึ ใช้หมดเร็วเกินไปแล้วกระมัง

“และเอาของมาให้เจ้าด้วย” แม่นางเหยาบอก นางส่งกล่องผ้าไหมในมือไปให้

กู้เจียวรับกล่องมา “นี่…เขาเป็นคนให้หรือ”

“อื้ม” แม่นางเหยายิ้มพลางพยักหน้า “ข้าก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เจ้าลองเปิดดูสิ”

กู้เจียวเปิดกล่องออก ด้านในใส่เนื้อแห้งไว้ห่อหนึ่ง

เป็นรสชาติที่กู้เจียวชอบกิน

ปกติกู้เจียวจะไม่ค่อยบอกสิ่งที่ตัวเองชอบออกไปสักเท่าใดนัก เป็นเซียวเหิงที่ละเอียดอ่อนพบว่านางชอบกินเนื้อแห้ง แต่นางเคยกินต่อหน้ากู้เฉิงเฟิงอย่างนั้นรึ

กู้เจียวจำไม่เห็นได้เลย

“พี่ชายเจ้าสามคน…” แม่นางเหยาเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็หยุด นางไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี นางกับลูกชายสามคนของฮูหยินคนก่อนเคยทะเลาะกันใหญ่โตมาก่อน แต่เรื่องเหล่านั้นผ่านไปนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ถูกอนุหลิงหลอกลวงด้วย

เด็กน้อยจะไปรู้ความอะไร เว้นแต่ผู้ใหญ่จะสอนอย่างไร แล้วพวกเขาก็ทำอย่างนั้น

ว่ากันตามตรง เรื่องบางเรื่องจนป่านนี้นางก็ไม่อาจอภัยให้ได้ แต่บางครั้งนางก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับมัน

พวกเขาเคยทำร้ายกู้เหยี่ยน และพวกเขาก็เคยช่วยกู้เหยี่ยน

หากจะต้องไปแยกแยะสามพี่น้องว่าใครมีความผิดมากที่สุด ใครมีความดีมากที่สุด ล้วนแล้วแต่ไม่ได้อะไรขึ้นมา

ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็เป็นญาติทางสายเลือดของลูกสาว

ในอนาคตหากมีวันใดที่พ่อแม่ของนางไม่อยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ลูกสาวก็ยังมีพี่ชายคอยรักคอยดูแล

กู้เจียวเลิกคิ้วเอ่ย “เอาละ เห็นแก่ที่เขาส่งของขวัญมาให้ ครั้งหน้าจะลดค่ายาปลูกผมให้เขาสักหน่อยแล้วกัน”

แม่นางเหยาหัวเราะไม่หยุด

หลายวันต่อมา กู้เจียวก็เข้าออกวังเป็นว่าเล่น

เดิมทีนางกำลังคิดว่าจะเตือนท่านย่าดีหรือไม่ ว่าด่านชายแดนอาจจะมีกองทัพแคว้นเฉินรวมตัวกันอยู่ไม่น้อย

แต่ความจริงได้พิสูจน์ว่าจวงไทเฮาสามารถเบ่งอำนาจในราชสำนักได้นานหลายปีโดยไม่ต้องพึ่งโชคเลย ทันทีที่โจรสลัดปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหนานไห่ จวงไทเฮาก็ส่งจดหมายไปให้ถังเย่ว์ซานทันใด ให้เขาตรวจสอบการเคลื่อนไหวกองทัพแคว้นเฉิน

นกพิราบสื่อสารของถังเย่ว์ซานบินเข้าตำหนักเหรินโซ่วในห้าวันต่อมา

ในจดหมายกล่าวว่าหลังจากที่ถังเย่ว์ซานได้รับข่าวจากจวงไทเฮาก็รีบนำคนลอบเข้าไปในชายแดนแคว้นเฉินทันที พบว่าแคว้นเฉินแอบนำกองกำลังแปดหมื่นคนมาด้วย

ชายแดนแคว้นเฉินโกลาหลวุ่นวาย ตามหลักการแล้วกองทัพหนึ่งหมื่นนายก็เพียงพอแล้ว เหตุใดต้องเอามาตั้งแปดหมื่น

จวงไทเฮาจึงคาดเดาว่าพวกเขาคิดจะเปิดศึกกับแคว้นเจา ซ้ำครานี้ก็เลือกละแวกใกล้ๆ ชายแดนด้วย เป็นไปได้มากที่จะสมคบคิดกับกากเดนของราชวงศ์ก่อนของแคว้นเจา

ณ ตำหนักเหรินโซ่ว ฮ่องเต้ฟังการวิเคราะห์ของจวงไทเฮาจบก็ขมวดคิ้วมุ่น “หยวนถังยังอยู่ในแคว้นเจา กษัตริย์แคว้นเฉินบ้าไปแล้วหรือไร แม้แต่ชีวิตลูกชายแท้ๆ ของตัวเองก็จะไม่เอาแล้วรึ! ใครก็ได้! ไปจับหยวนถังมาให้เรา!”

เพียงไม่นาน เหอกงกงก็มาทูล “ฝ่าบาท! หยวนถังหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ตรัสอย่างเดือดดาลว่า “หนีรึ ไปปิดประตูเมือง เราจะดูซิว่าเขาจะหนีไปไหนได้!”

จวงไทเฮากลับไม่ค่อยสนใจหยวนถังเท่าใดนัก ในเมื่อแคว้นเฉินกล้าเคลื่อนทัพในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เช่นนั้นก็หมายความว่าได้ทอดทิ้งหยวนถังไปแล้ว จับเขาได้หรือไม่ก็ไม่ค่อยจะมีความหมายเท่าใดนัก

นางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาในห้อง “กองทัพแคว้นเฉินแปดหมื่นนาย กองทัพกบฏราชวงศ์ก่อนห้าหมื่นนาย…”

นางหลับตาลง ชายแดนตกอยู่ในอันตราย

เรื่องเกิดขึ้นในเวลาต่อมาได้ยืนยันการคาดเดาของจวงไทเฮา

“รายงานด่วนจากชายแดน องค์หญิงหนิงอันถูกจับตัวไป!”

“ท่านเหล่าโหวก็โดนกบฏราชวงศ์ก่อนจับตัวไปเพราะไปช่วยองค์หญิงหนิงอันเช่นกัน!”

“กองทัพแคว้นเฉินเข้าดินแดนมาแล้ว ถังเย่ว์ซานพ่ายแพ้ ชายแดนเสียเมืองไปสามเมืองติดๆ กัน!”

เสียไปสามเมืองติดๆ กัน!

แคว้นเจามีทั้งหมดแค่ยี่สิบเอ็ดเมืองเท่านั้น!

จวงไทเฮาแววตาเย็นเยียบ ชุดคลุมหงส์ปลิวสะพัดท่ามกลางสายลม “ข้าขอออกราชโองการ เรียกตัวกู้ฉังชิงให้รีบกลับเมืองหลวงโดยด่วน! แล้วแต่งตั้งกองทัพตระกูลกู้ใหม่ ขึ้นเหนือไปปราบศัตรู!”