เมื่อดอกเตอร์คูลี่ เข้ามาในห้องในตอนบ่าย เจียงหยุนเอ๋อเห็นได้ชัดว่าตัวกำลังแข็งทื่อ เธอเอนกายอยู่บนเตียงและตัวสั่นสะท้านอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นดุดัน
“คุณเป็นใคร คุณต้องการทำอะไร?”
“ไม่ต้องกลัว เรียกฉันว่าดอกเตอร์คูลี่ เธอมั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่ทำร้ายเธอ ฉันแค่มาดูอาการของเธอ”
แต่เห็นได้ชัดว่าเจียงหยุนเอ๋อไม่เชื่อเขาและมองดูเขาอย่างระมัดระวัง
“ฉันไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงต้องจับฉันมา? คุณมีจุดประสงค์อะไร?”
ดอกเตอร์คูลี่ ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองไปที่เจียงหยุนเอ๋อ เจียงหยุนเอ๋อถูกจ้องมองจนขนลุก สีหน้าปรากฏความโกรธ
“พวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ดอกเตอร์คูลี่ถอนหายใจ สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อเจียงหยุนเอ๋อ
“ถ้าอยากเธอยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ก็ควรที่จะเชื่อฟังแต่โดยดี อยู่ที่นี่พักผ่อนให้เต็มที่ อย่ามีอารมณ์มากเกินไป เธอควรจำไว้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว”
หลังจากพูดจบ ดอกเตอร์คูลี่ ก็จากไป เมื่อเขาไปถึงประตูก็หันกลับมามองไปที่เจียงหยุนเอ๋อและถอนหายใจอีกครั้ง
หลังจากที่เห็นดอกเตอร์คูลี่ ออกไป เจียงหยุนเอ๋อก็ผ่อนคลายลงมา เธอเห็นแววตารู้สึกผิดของดอกเตอร์คูลี่ ดังนั้นเธอจึงสับสนมากขึ้น
“พวกเขาจะทำอะไรกันแน่? คิดจะเอาลูกออกจากท้องของฉันรึเปล่า? ไม่ได้! ฉันจะมาทำให้ตัวเองกลัวไม่ได้ ดอกเตอร์คูลี่นั่นพูดถูก ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว ฉันต้องใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันต้องปกป้องตัวเองและลูกให้ดี”
“ฉันหายตัวไปหลายวันขนาดนี้ จุนถิงคงจะเป็นกังวลหนักมาก ไม่รู้ว่าเขาจะมาช่วยฉันได้เมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ทุกครั้งเขาล้วนสามารถหาฉันได้ ครั้งนี้เขาก็ต้องทำได้แน่”
“ทำไมฉันถึงได้เอาแต่สร้างปัญหาให้จุนถิงตลอด? เขาจะคิดว่าฉันช่างมีปัญหาหรือเปล่า? ไม่! ไม่มีทาง! ฉันคิดแบบนั้นกับจุนถิงได้ยังไง เขารักฉันมากแค่ไหนฉันเองก็รู้ดีนี่”
ลี่จุนถิงในเวลานี้ กำลังตามรอยเบาะแสของ ชิงโม่ไป หลังจากสืบหามาสองวันก็เริ่มมีร่องรอยบ้างแล้ว
พวกเขาพบว่าชายลึกลับคนนั้นเกี่ยวข้องกับองค์กรจักรวรรดิอเมริกาใต้ และองค์กรนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นโหดร้ายอย่างมาก แต่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดกับพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจียงหยุนเอ๋อ ผู้ซึ่งไม่เคยไปอเมริกาใต้มาก่อน จู่ๆจะไปมีปัญหากับเขาได้อย่างไร
“ประธานลี่ คุณนายถ้าหาก…ถ้าหากว่าตกไปอยู่ในมือพวกเขา ผมเกรงว่านี่จะเป็นอันตรายไม่มากก็น้อยแล้ว” แม้ว่า ชิงโม่จะทนไม่ไหว แต่ก็ยังเอ่ยเตือนลี่จุนถิง
“ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง? แค่นึกถึงภาพหยุนเอ๋อโดนพวกมันรุมทำร้าย ในใจของฉันก็เจ็บปวดเจียนตาย หากเป็นเพราะพวกเราเคยไปทำร้ายพวกเขาโดยไม่ตั้งใจ อย่างนั้นทำไมไม่มาหาฉันซะ ทำไมต้องไปหาเรื่องผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง!”
“ชิงโม่ ตอนนี้นายรีบไปหาเส้นสายทั้งหมดที่มีมาให้ฉัน และไปหาว่าตอนนี้หยุนเอ๋ออยู่ที่ไหน มิฉะนั้นฉันจะพาพวกนายไปตายด้วยกันที่นี่ พวกเราจะฝังไปพร้อมๆกับหยุนเอ๋อ”
ชิงโม่เห็นว่าลี่จุนถิงใกล้จะเป็นบ้าไปแล้ว ก็ยิ่งไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป
…………
เจียงหยุนเอ๋ออาศัยอยู่ในห้องนี้เป็นเวลาสองวัน ทุกวันยกเว้นคนที่ส่งอาหารให้เธออย่างตรงเวลาก็ไม่มีใครมาอีก เธอเคยคิดจะอาศัยช่วงเวลาตอนส่งอาหารวิ่งหนีไป แต่ว่าข้างนอกมีคนชุดดำมากมายจนเธอไม่สามารถหนีไปได้เลย
บ่ายวันนั้น ดอกเตอร์คูลี่ ปรากฏตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว เขานำผู้ช่วยมาด้วย จากนั้นก็ให้พวกเขาพาเจียงหยุนเอ๋อไป
เจียงหยุนเอ๋อพยายามดิ้นรนอยู่บนเตียง ไม่ยอมไปกับพวกเขา แต่คนเหล่านั้นแข็งแกร่งและป่าเถื่อนมาก ดอกเตอร์คูลี่ กลัวว่า เจียงหยุนเอ๋อจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงคอยเอ่ยกล่อมทั้งสองฝ่าย
“เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอ พวกนายอย่ารุนแรงนัก เธอยังต้องช่วยคุณหนูเบ็ตตี้นะ พวกนายจงระวัง เกิดพวกนายไปทำร้ายเธอขึ้นมา เธอก็ไม่สามารถช่วยคุณหนูเบ็ตตี้ได้แล้ว คุณท่านจะต้องโกรธแน่”
“สาวน้อย เธอก็อย่าดิ้นรนอีกเลย ถ้าเธอยังขัดขืนแบบนี้ลูกในท้องอาจจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย”
หลังจากฟังคำเกลี้ยกล่อมของดอกเตอร์คูลี่ ทั้งสองฝ่ายก็หยุดลง เมื่อดอกเตอร์คูลี่เห็นว่าพวกเขาหยุดมือลงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพูดกับเจียงหยุนเอ๋ออย่างใจเย็น
“สาวน้อย เธอให้ความร่วมมือกับเราแต่โดยดีเถอะ ไม่อย่างนั้นสุดท้ายแล้วก็เป็นการทำร้ายตัวเองและลูกในท้อง”
ในที่สุดเจียงหยุนเอ๋อก็สงบลง เธอเองก็รู้ว่าการต่อสู้ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ เธอได้แต่ต้องไปกับพวกเขาเท่านั้น คราวนี้เธอไม่ได้ถูกปิดตาหรือทำให้สลบไป ดังนั้นเธอจึงสามารถสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบได้
เนื่องจากเธอมีท้องขนาดใหญ่อยู่บ้าง ดังนั้นจึงเดินช้ามากและการเดินก็ยิ่งยากขึ้นไปอีกเนื่องจากไม่มีใครคอยพยุงเธอ ดอกเตอร์คูลี่รีบขอให้พวกเขาเอารถเข็นมา และเข็นเธอไปยังที่หมาย
เจียงหยุนเอ๋อพบว่าตนเองดูเหมือนจะอยู่ในฐานที่ตั้งที่ไหนสักที่ ทางเดินในฐานเป็นกระจกและโปร่งแสงทั้งหมด คนด้านในสามารถมองเห็นภายนอกได้ ถึงแม้จะดูเลือนรางอยู่มาก แต่คนข้างนอกนั้นไม่สามารถมองเห็นภายในได้เลย
เจียงหยุนเอ๋อมองออกไปข้างนอก และสังเกตเห็นว่ามีเหวอยู่ข้างหน้า ใต้ก้นบึ้งน่าจะเป็นทะเล เพราะเธอได้ยินเสียงคลื่นยักษ์ดังอย่างชัดเจน ภูมิประเทศแบบนี้ต้องอยู่ใกล้หน้าผา และเป็นภูมิประเทศที่อันตรายมาก
เธอมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบและแอบประหลาดใจ เธอคิดไม่ออกเลยว่าตนไปมีเรื่องกับบุคคลระดับนี้ตั้งแต่ตอนไหน ทำไมพวกเขาถึงต้องจับเธอมาที่นี่ ขณะกำลังคิด เจียงหยุนเอ๋อก็ถูกนำตัวเข้ามาในห้องที่คล้ายกับฐานทางการแพทย์
อุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกอย่างสามารถเห็นได้จากที่นี่ มีเครื่องมือการวิจัยและพัฒนามากมาย ดูเหมือนว่าที่นี่ยังเป็นสถานที่สำหรับการวิจัยทางการแพทย์อีกด้วย เป็นไปได้ไหมที่ตนเองจะถูกนำตัวมาเป็นวัตถุทดลองเพื่อทำการวิจัย? เธอรู้สึกตกใจ
หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อถูกนำเข้ามา เธอก็ถูกบังคับให้ลุกขึ้นจากรถเข็นแล้วถูกพาไปที่เตียง มือและเท้าของเธอถูกมัด มีหลายคนกดเธอเอาไว้พร้อมกันจนเจียงหยุนเอ๋อไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย พวกเขาไม่ปล่อยเจียงหยุนเอ๋อไปจนกระทั่งมือและเท้าของเธอถูกมัดเอาไว้กับเครื่องมือบนเตียง
ขณะที่กำลังมัดเธอไว้ เจียงหยุนเอ๋อยังคงพยายามดิ้นรนอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพบว่าเธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยและเลิกต่อต้านในที่สุด
ดอกเตอร์คูลี่กำลังเตรียมของอยู่ข้างๆ เมื่อเจียงหยุนเอ๋อเห็นเขาถือเข็มและท่อเล็กๆ ในมือ รูม่านตาของเธอก็ขยายออกอย่างรวดเร็วและมองไปยังสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในมือของดอกเตอร์คูลี่ อย่างหวาดกลัว
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าแขนของตนกำลังถูกแทงจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา ดอกเตอร์คูลี่ สอดเข็มเข้าไปในแขนของเธอ จากนั้นจึงเริ่มเจาะเลือดอย่างระมัดระวัง
เจียงหยุนเอ๋อมองดูเลือดของตนที่ถูกดึงออกมาทีละน้อยๆ ตัวเธอเริ่มหนาวเหน็บขึ้นมาทันที “คุณกำลังทำอะไร?”
ดอกเตอร์คูลี่คำนวณปริมาณเลือดอย่างระมัดระวัง “เธอไม่จำเป็นต้องถามอะไรมากมาย เธอแค่หุบปากอย่างว่าง่าย แล้วเธอจะไม่ได้รับอันตราย”
จนกระทั่งเจียงหยุนเอ๋อกำลังจะหมดสติไป ดอกเตอร์คูลี่ถึงค่อยหยุดการกระทำในมือลง ถึงแม้ว่าเขาจะดึงเลือดออกมาไม่มาก แต่ว่าเจียงหยุนเอ๋อกำลังตั้งครรภ์ดังนั้นจึงรับไม่ไหว ดอกเตอร์คูลี่จึงเข้มงวดอย่างยิ่งในการควบคุมปริมาณเลือด