ลี่จุนซินและเวียร์เที่ยวเล่นจนมากพอแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะกลับไปประเทศ ลี่จุนซินกำลังจัดกระเป๋าและเห็นว่าเวียร์จองตั๋วสองใบ เธอจึงเอ่ยถาม
“คุณอุตส่าห์กลับมาแล้ว แล้วคุณยังจะตามฉันกลับไปที่เมืองจิ่งเฉิงอีก อย่าบอกนะว่ามีจุดประสงค์เพื่อไปส่งฉันโดยเฉพาะ?”
หลังจากเวียร์จองตั๋วเสร็จ เขาก็นั่งลงข้างเตียงและดูลี่จุนซินแพ็คของ
“ไม่ใช่สักหน่อย คุณก็ช่างหลงตัวเองเกินไป ผมกลับไปเพราะความร่วมมือกับลี่ซื่อยังไม่เสร็จสิ้น แถมกลับไปผมยังเรื่องสำคัญหลายอย่างต้องทำ”
“ดีนี่ โอ๋ฉันสักหน่อยก็ไม่ได้” ลี่จุนซินหยิบเสื้อผ้าข้างๆไปตีใส่เวียร์
“คุณบอกว่าคุณยังมีเรื่องอย่างอื่นที่ต้องทำ เรื่องอะไรกัน?”
“คุณลองเดาสิ” เวียร์หัวเราะเบาๆ ผู้ชายที่แต่เดิมก็หล่อเหลาอยู่แล้ว ในเวลานี้ยิ่งมีเสน่ห์มาก
ลี่จุนซินเห็นเขายิ้มให้เธอทุกวัน แต่น้อยครั้งนักที่จะทำให้เธอรู้สึกหลงใหลขนาดนี้ ลี่จุนซินเห็นมุมปากของเวียร์โค้งกว้างขึ้นทันใดก็ตระหนักว่าตนเอาแต่จ้องมองเขามาโดยตลอด
“หัวเราะอะไรกัน ฉันไม่เดาหรอก”
เวียร์กอดเอวของลี่จุนซิน รอยยิ้มยิ่งสดใสมากขึ้น ลี่จุนซินตบเขาเบาๆต้องการให้เขาปล่อยตน แต่เวียร์กลับกอดแน่นขึ้น
“ถ้าคุณไม่เดา ผมบอกคุณก็ได้ ภรรยาของผมต้องการกลับไปที่เมืองจิ่งเฉิง ผมย่อมต้องกลับไปด้วยอยู่แล้ว อีกทั้งผมจะยื่นขอใบอนุญาตผู้พำนักระยะยาวในเมืองจิ่งเฉิง ยังต้องซื้อบ้านแต่งบ้าน จากนั้นจึงไปหาแม่ยาย และขอแต่งงานกับลูกสาวคนสวย ผู้แสนสวยและใจดี จากนั้นผมยังต้องจัดงานแต่งงาน ร่วมหัวลงท้ายไปกับผู้หญิงที่ผมรักไปตลอดชีวิต ”
“คุณคิดว่าเรื่องพวกนี้สำคัญมากรึเปล่าล่ะ?”
เมื่อลี่จุนซินได้ยินว่าเวียร์อยากจะแต่งงานกับเธอ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำด้วยความอายขึ้นมาจนต้องหันหน้าหนี และทำท่าทางจัดของต่อ แถมยังเอ่ยเปลี่ยนหัวข้อ
“อุ๊ย ฉันไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านมานานแล้ว ไม่รู้ว่าหยุนเอ๋อเป็นยังไงบ้าง คุณส่งมือถือให้ฉันหน่อย ฉันจะโทรหาแม่”
ตั้งแต่ที่ลี่ซื่อเกิดเรื่อง ลี่จุนถิงบอกว่าเขาสามารถจัดการกับมันได้ ให้พวกเขาออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอีกสักสองสามวัน ดังนั้นวัยร์จึงไปเอามือถือของลี่จุนซินมาเก็บไว้ ส่งผลให้เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเลยสักนิด
ยังไงตอนนี้พวกเขาก็ต้องกลับแล้ว วิกฤตของลี่ซื่อก็คลี่คลายลงแล้ว ดังนั้นตอนนี้ให้โทรศัพท์มือถือกับลี่จุนซิน ก็ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะเห็นข่าวอีกต่อไป
ลี่จุนซินรับมือถือมาและโทรหาโม่เสี่ยวฮุ่ยก่อน “แม่ หนูจะกลับไปแล้ว แม่คิดถึงหนูไหม?”
โม่เสี่ยวฮุ่ยที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ไม่สนใจเธอ “จุนซิน ลูกรีบกลับมาเร็ว ๆ หยุนเอ๋อถูกลักพาตัวออกไปต่างประเทศแล้ว จุนถิงไปต่างประเทศเพื่อตามหาหยุนเอ๋อแล้ว เขาบอกให้ลูกกลับมาบริหารบริษัท”
หลี่จุนซินตกใจอย่างมาก “เกิดอะไรขึ้น? หยุนเอ๋อถูกลักพาตัวไปได้ยังไง?”
เวียร์หลังจากได้ยิน มือที่กำลังเก็บของอยู่ก็หยุดลง
“เอ่ยในโทรศัพท์คงไม่เคลียร์ เอาเป็นว่าลูกกลับมาก่อน แต่ว่าลูกไม่ต้องรีบร้อน ความปลอดภัยต้องมาก่อน”
“ได้ค่ะได้ค่ะ หนูรู้แล้ว หนูจะรีบเก็บของและกลับทันที”
ลี่จุนซินวางสาย จากนั้นจึงยัดเสื้อผ้าเข้าไปในกระเป๋าเดินทางทันที ทั้งตัวเกร็งแน่น
เวียร์เห็นท่าทางร้อนรนของลี่จุนซินเข้าก็เป็นกังวลมาก เขารีบหยุดมือของเธอ
“จุนซิน เกิดอะไรขึ้น คุณอย่าเพิ่งลน คุณบอกผมมา ผมน่าจะช่วยได้”
ลี่จุนซินหยิบเสื้อผ้าในมือ สีหน้าทำอะไรไม่ถูก “แม่ของฉันบอกว่าหยุนเอ๋อถูกลักพาตัวไป ตอนนี้จุนถิงออกไปตามหาหยุนเอ๋อแล้ว จากนั้นก็ขอให้ฉันกลับไปบริหารบริษัทเดี๋ยวนี้”
“จู่ๆ หยุนเอ๋อถูกลักพาตัวไปได้ยังไง? เธอยังท้องอยู่นะ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอขึ้นมาจะทำยังไง?”
จะ ลี่จุนซินในอ้อมแขนของเขา ลูบหลังเธอเบา ๆ ปลอบโยนเธอ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เก็บของแล้วไป สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้คือใจเย็นๆ เก็บกระเป๋า แล้วกลับไปช่วยลี่จุนถิงทำให้บริษัทสงบลง”
เวียร์ดึงลี่จุนซินเข้ามากอดและลูบหลังเธอเบาๆเพื่อปลอบโยน
“ไม่เป็นไร จะต้องไม่เป็นอะไรแน่ เก็บของเสร็จพวกเราจะไปทันที ตอนนี้คุณจะต้องใจเย็นลงก่อน เก็บของซะ จากนั้นก็ไปช่วยจุนถิงคุมบริษัท”
หลังจากเวียร์คลายลี่จุนซินออกจากอ้อมกอด เขาก็โทรศัพท์ จากนั้นก็ช่วยลี่จุนซินเก็บข้าวของและพาเธอไปที่สนามบิน
เมื่อมาถึงสนามบิน ลี่จุนซินก็สงบลงในที่สุด แต่เมื่อเธอเห็นว่าเวียน์กำลังพาเธอไปอีกช่องทางหนึ่ง เธอคิดว่าเขาไปผิดทางและเตือนเขาอย่างรวดเร็ว
“เวียร์ ที่ตรวจความปลอดภัยอยู่ที่นั่น พวกเรามาผิดที่แล้ว”
“ไม่ผิด ผมเรียกเครื่องบินส่วนตัวของครอบครัวเรามาที่นี่ แบบนี้พวกเราจะลดเวลาในการไปเมืองจิ่งเฉิงได้ครึ่งหนึ่ง” เวียร์หันกลับมายิ้มและบอกกับลี่จุนซิน
ลี่จุนซินรู้ดีว่าการจัดเวลาของเครื่องบินส่วนตัวเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ดังนั้นตอนนี้เธอจึงรู้สึกขอบคุณเวียร์อย่างยิ่ง
ในเวลานี้ เจียงหยุนเอ๋อตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง แต่ดวงตาของเธอกลับไม่สามารถเปิดได้อย่างเต็มที่ และทำได้เพียงหรี่ตาเพื่อสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบเท่านั้น เธอรู้ว่าตนกำลังนอนอยู่บนเตียง และข้างๆมีชายในเสื้อคลุมสีขาวที่ดูเหมือนหมอ และผู้ชายคนนี้กำลังเจาะเลือดของเธอ
เธอได้ยินคนข้างๆกำลังพูดคุยกัน และคนที่อยู่ข้างๆเธอก็คือดอกเตอร์คูลี่กับชายลึกลับคนนั้น
ดอกเตอร์คูลี่ ขมวดคิ้วเหลือบมองไปที่เจียงหยุนเอ๋อ และพูดกับชายลึกลับว่า “ท่านครับ พวกเราได้ทำการตรวจสอบแล้ว กรุ๊ปเลือดของเธอเข้ากันทุกประการ แต่คุณต้องการบังคับใช้เธอช่วยจริงๆหรือ? หากคุณยืนกรานที่จะทำต่อไป แบบนี้ก็เท่ากับหนึ่งศพสองชีวิตแล้ว”
“ฉันไม่สนว่าเธอจะอยู่หรือตาย ฉันแค่อยากให้เบ็ตตี้ของฉันฟื้น” น้ำเสียงที่รุนแรงของชายคนนั้นดังขึ้น คิ้วของดอกเตอร์คูลี่ยิ่งขมวดลึกขึ้น
เจียงหยุนเอ๋อที่ยังอยู่ในความมึนงง ยังไม่ทันจะได้ยินทั้งหมด ก็หมดสติไปเสียก่อน
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบว่าตนเองถูกขังอยู่ในห้องห้องหนึ่ง คล้ายกับความฝันของตนอย่างยิ่ง เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมตนถึงได้มาอยู่ที่นี่ หรือว่าตนจะต้องเป็นเหมือนในฝัน ต้องตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?
แต่สิ่งที่แตกต่างจากความฝันคือห้องนี้มีประตู เธอรีบลงจากเตียงและคิดจะเปิดประตูหนี แต่หน้าประตูมีคนชุดดำสองคนยืนเฝ้าอยู่ เธอร้องอ้อนวอนพวกเขาไม่หยุด แต่พวกเขาก็ยังคงขวางทางเธอเอาไว้
เนื่องจากเจียงหยุนเอ๋อเคยเรียนรู้ภาษานี้ ดังนั้นเธอจึงฟังออกว่าชายชุดดำพูดภาษาอิตาลี เจียงหยุนเอ๋อหันไปมองนาฬิกาบนนั้นมีบอกวันที่ เธอพบว่านี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่ที่ไปตรวจครรภ์แล้ว หรือกล่าวคือเธอสลบไปเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นตนเองก็ถูกจับมาอยู่ในที่แห่งนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจียงหยุนเอ๋อออกไปไม่ได้ และได้แต่ต้องนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ทันใดนั้น ทารกในท้องของเธอก็เคลื่อนไหวและเตะท้องของเธอไม่หยุด เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยปลอบเบา ๆ และในไม่ช้าลูกน้อยในครรภ์ก็เงียบลง
ตอนเที่ยงมีคนมาส่งอาหารให้เจียงหยุนเอ๋อ เธอถามคำถามกับคนๆนั้นหลายคำถาม แต่ว่าคนๆนั้นกลับโบกมือให้เธอเพื่อแสดงว่าตนไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อจึงได้แต่ต้องยอมแพ้
ในตอนบ่าย ชายในเสื้อคลุมสีขาวก็เข้ามาและบอกเจียงหยุนเอ๋อให้เชื่อฟังแต่โดยดี