ตอนที่ 590 ตลอด

ไป๋จิ่นซิ่วยังไม่ทันกล่าวจบ เสียงชุนเถาดังขึ้นที่นอกฉากกั้นเสียก่อน “คุณหนูใหญ่ เจี่ยงหมัวมัวพาเว่ยจงมา กล่าวว่ามีเรื่องสำคัญขอเข้าพบเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปทางด้านนอก เห็นร่างของเจี่ยงหมัวมัวและเว่ยจงที่เดินตามอยู่ด้านหลังลางๆ

“พี่หญิงใหญ่ อีกสักครู่พวกเราค่อยคุยกันต่อเจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นซิ่วยกขึ้นจิบพลางกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ให้เข้ามาได้”

ไม่นาน เจี่ยงหมัวมัวพาเว่ยจงเดินเข้ามาด้านใน ทั้งสองคนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่ว เว่ยจงกล่าวขึ้น “นายหญิง ตั้งแต่ที่แม่นางหลูแอบเห็นแม่ทัพฝูและฮองเฮาลอบนัดพบกัน ข้าจึงแอบสืบเรื่องของพวกเขาอย่างลับๆ โดยละเอียด นึกไม่ถึงว่าจะสืบพบว่าฮองเฮาเคยหมั้นหมายกับแม่ทัพฝูมาก่อน ทว่า เป็นเพียงการตกลงส่วนตัวระหว่างสองครอบครัวเท่านั้น ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนสิ่งของแทนใจ จึงมีไม่กี่คนที่รับรู้เรื่องนี้ขอรับ”

หมั้นหมาย!

ไป๋จิ่นซิ่วเบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนมีท่าทีสงบนิ่ง หญิงสาวจึงพยายามควบคุมสติของตัวเอง

“ตอนนั้นฮ่องเต้ยังเป็นเพียงรัชทายาท อดีตพระชายาสิ้นพระชนม์ไปสองปี พระองค์ไม่เคยแต่งตั้งพระชายาคนใหม่ ต่อมาฮองเฮาซึ่งตอนนั้นเพิ่งอายุเพียงสิบห้าบรรเลงบทเพลงที่อดีตพระชายาถนัดที่สุดในงานเลี้ยงของวังหลวง ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงคิดอยากพระราชทานสมรสให้คนทั้งคู่ ตระกูลฝั่งมารดาของฮองเฮาล่วงรู้ข่าวนี้ ฮองเฮาจึงไปหาแม่ทัพฝูที่จวนฝู ขอให้เขาไปขอนางแต่งงานก่อนที่ราชโองการจะออกมา ทว่า ฝูรั่วซีคิดว่าตัวเองต่ำต้อยไม่คู่ควรกับฮองเฮา เขาไม่กล้าแย่งนางกับรัชทายาทจึงไม่ได้ไปขอฮองเฮาแต่งงานขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนนึกไม่ถึงว่าฮองเฮาและฝูรั่วซีจะมีเรื่องราวความรักเช่นนี้มาก่อน ทว่า ตอนนี้แม่ทัพฝูทำไปเพราะรู้สึกผิดกับฮองเฮาหรือเพราะมั่นคงในความรักกันแน่

ต่อมาฮองเฮากลายเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นต้าจิ้น ตระกูลฝูและตระกูลฝั่งมารดาของฮองเฮาจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

ทว่า เว่ยจงสืบเจอเรื่องเก่าที่สองตระกูลจงจงเก็บซ่อนไว้ไปความลับเจอได้อย่างไรกัน

“เจ้าสืบรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร มีพยานหรือไม่”

“เรียนนายหญิง ข้าส่งคนปลอมตัวเป็นพ่อค้าไปสืบเรื่องราวจากบรรดาคนค้าทาสในเมืองหลวงขอรับ ให้เขาอ้างว่ามาตามหาน้องสาวแท้ๆ ที่ถูกบังคับขายตัวเป็นทาสแทนบิดา จากนั้นตรวจดูบันทึกการซื้อขายทาสของตระกูลฝั่งมารดาของฮองเฮา เขาบังเอิญเจอบันทึกการขายตัวทาสจำนวนมากออกจากจวนของตระกูลฝั่งมารดาของฮองเฮาตอนที่ฮองเฮาแต่งไปเป็นพระชายาของรัชทายาทในตอนนั้นพอดี เขาจึงสืบสาวไปยังคนเก่าแก่ของตระกูลฝั่งมารดาของฮองเฮาและตระกูลฝู พวกเขาล้วนรับรู้เรื่องนี้ขอรับ”

เว่ยจงกล่าวอย่างสั้นกระชับ ทว่า การลงมือทำจริงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เห็นได้ชัดว่าเว่ยจงเป็นคนมีความสามารถจริงๆ

ไป๋จิ่นซิ่วรู้อยู่ก่อนแล้วว่าระยะครรภ์ของฮองเฮาไม่ถูกต้อง เมื่อเชื่อมโยงไปถึงเรื่องที่หลูหนิงฮว่าแอบเห็นฮองเฮาลอบพบกับฝูรั่วซี ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นทันที

ฮองเฮาและแม่ทัพฝูแอบติดต่อกันมาตลอดอย่างนั้นหรือ

ทว่า ครั้งนี้แม่ทัพฝูถูกจับกุมตัวกลับมาเมืองหลวงไม่ใช่หรือ

ช่วงนี้เมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ไป๋จิ่นซิ่วยังสนทนากับไป๋ชิงเหยียนไม่จบจึงยังไม่ทันสอบถามรายละเอียดว่าเหตุใดฝูรั่วซีจึงถูกจับตัวกลับมาเมืองหลวงเช่นนี้ หรือว่าฝูรั่วซีคิดจะกบฏเพื่อฮองเฮากันนะ

“คนอยู่ที่ใด” ไป๋ชิงเหยียนถาม

“บ่าวสอบถามเขาเสร็จก็ไม่ได้ติดต่อเขากลับไปอีกขอรับ ทว่า คนอยู่ในการควบคุมของพวกเราตลอดเวลา หากคุณหนูใหญ่ต้องการพบ บ่าวจะให้คนนำตัวเขามาพบภายในครึ่งชั่วยามขอรับ” เว่ยจงกล่าว

“ดี เจ้าจัดการเรื่องดีได้ดีมาก ลำบากเจ้าแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเว่ยจงจบก็หันไปทางเจี่ยงหมัวมัว “เจี่ยงหมัวมัวพาเว่ยจงไปพักก่อน หากมีเรื่องให้เขาทำ ข้าจะให้ชุนเถาไปตาม”

เจี่ยงหมัวมัวพยักหน้า ทำความเคารพ จากนั้นพาเว่ยจงจากไป

ชุนเถาออกไปส่งเจี่ยงหมัวมัวที่หน้าประตูเรือนชิงฮุย ยังไม่ทันหันหลังกลับก็เห็นชิงซู สาวใช้ใหญ่ข้างกายของฮูหยินสองเดินนำบรรดาสาวถือถังน้ำร้อนเข้ามา

ชุนเถาทำความเคารพชิงซูยิ้มๆ เดินลงจากระเบียงทางเดิน ตะโกนบอกคนในห้อง “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินรองให้คนนำน้ำร้อนมาให้คุณหนูอาบน้ำแล้วเจ้าค่ะ”

“รออยู่ด้านนอกก่อน ข้ามีเรื่องสนทนากับคุณหนูรองอีกสักนิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวแล้วหันไปมองไป๋จิ่นซิ่ว “เจ้าว่าต่อเลย ฮ่องเต้กังวลเด็กในครรภ์ของฮองเฮาจึงตามออกไปด้วยแล้วอย่างไรต่อ…”

“เมื่อฮ่องเต้เสด็จออกไปจากงานเลี้ยง ชิวกุ้ยเหรินก็กลับไปเช่นเดียวกัน ต่อมาขันที่อ้างว่าเป็นคนจากตำหนักของชิวกุ้ยเหรินมาหาท่านอาหลู กล่าวว่าชิวกุ้ยเหรินเวียนศีรษะจึงอยากเชิญท่านอาหลูไปฝังเข็มให้ ข้ารู้สึกกระวนกระวาย เมื่อคิดให้ดีจึงรู้สึกว่าขันทีผู้นั้นไม่ชอบมาพากลจึงรีบตามออกไปหาท่านอาหลู คิดไม่ถึงว่าขันทีผู้นั้นจะมีวรยุทธ์ จึงเกิดเรื่องขึ้นเจ้าค่ะ…”

ไป๋จิ่นซิ่วไม่ได้เล่าลงรายละเอียด กลัวว่าพี่หญิงใหญ่จะเป็นห่วง นางจึงกล่าวเพียง “ตอนนี้ข้าปลอดภัยดีแล้วเจ้าค่ะ!”

“ท่านย่าทราบเรื่องนี้หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถาม

ไป๋จิ่นซิ่วส่ายหน้า “ท่านอาหลูรู้ขอบเขตดี เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแผนการที่พยายามจะทำให้สถานการณ์มั่นคงของพี่หญิงใหญ่ ดังนั้นท่านอาหลูจึงไม่ได้เรียนให้ท่านย่าทราบ นางแอบบอกข้าเท่านั้น ท่านย่าคิดว่าฮองเฮาต้องการกำจัดท่านอาเพราะท่านอาแอบเห็นการนัดพบกันฮองเฮาและแม่ทัพฝู ท่านย่าเห็นแก่เด็กในครรภ์ของฮองเฮา ท่านจึงใช้ซิ่นอ๋องข่มขู่ไม่ให้ฮองเฮาทำสิ่งใดลงไปโดยพละการเจ้าค่ะ”

“ท่านอาหลูไม่มีวรยุทธ์ แม้เจ้าจะตั้งครรภ์ ทว่า เจ้าพอมีวรยุทธ์ติดตัว อีกทั้งมีอิ๋นซวงที่พี่กำชับให้ตามติดเจ้าไม่ห่างกายอยู่ ขันทีที่ทำร้ายเจ้าได้ต้องมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใดกันเชียว…” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนหยุดชะงัก เมื่อเห็นไป๋จิ่นซิ่วกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนสีทันที “อิ๋นซวงล่ะ”

ขอบตาของไป๋จิ่นซิ่วแดงก่ำ “อิ๋นซวงปกป้องข้าจนสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่งเจ้าค่ะ ท่านหมอหงกล่าวว่าศีรษะของนางได้รับความกระทบกระเทือนจึงมีอาการง่วงซึมเกือบทั้งวัน ตอนนี้ข้าให้นางช่วยดูแลวั่งเกอ วันนี้พี่หญิงใหญ่กลับมา อิ๋นซวงก็ติดตามข้ามาด้วยเจ้าค่ะ นางนั่งกำลูกอมของตัวเองรอพี่หญิงใหญ่อยู่ที่ระเบียงทางเดิน ทว่า พี่หญิงใหญ่ยังมาไม่ถึง นางฝืนไม่ไหวจึงหลับไปแล้วเจ้าค่ะ”

กล่าวถึงตรงนี้ น้ำตาของไป๋จิ่นซิ่วไหลพรากอย่างกลั้นไม่อยู่

เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินว่าอิ๋นซวงนั่งถือลูกอมรอนางอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ขอบตาของนางร้อนผ่าวทันที หญิงสาวลุกขึ้นยืน “พี่จะไปหาอิ๋นซวง”

“พี่หญิงใหญ่ อิ๋นซวงนอนหลับไปแล้ว ผู้ใดเรียกก็ไม่ตื่นเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงสะอื้น “พี่หญิงใหญ่เดินทางมาทั้งวัน ไปอาบน้ำก่อนเถิดเจ้าค่ะ รออิ๋นซวงตื่นนอนค่อยไปเยี่ยมนางก็ยังไม่สายเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วโน้มน้าวไป๋ชิงเหยียนไม่สำเร็จ นางเดินตามพี่สาวไปยังห้องพักของอิ๋นซวง

อิ๋นซวงซึ่งปิดที่ครอบตาไว้ที่ตาข้างหนึ่งนอนหลับปุ๋ยอยู่เตียงใหญ่ ใบหน้ากลมของเด็กสาวซูบลงกว่าเดิมมาก มือที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อกำลูกกวาดที่เตรียมไว้ให้ไป๋ชิงเหยียนแน่น

“ชุยปี้เห็นว่าอิ๋นซวงชอบทานลูกกวาด จึงปักที่ครอบตาลายลูกกวาดให้นางทั้งคืน อิ๋นซวงชอบมากเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวทั้งน้ำตา ไม่ว่าจะชื่นชอบมากเพียงใด ดวงตาของอิ๋นซวงก็ไม่อาจมองเห็นได้อีกแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง เอื้อมมือไปแกะลูกกวาดออกจากมือของอิ๋นซวงอย่างแผ่วเบา จากนั้นวางไว้ข้างหมอน หญิงสาวห่มผ้าให้อิ๋นซวง นิ้วมือแตะไปยังที่ครอบตาของอิ๋นซวงอย่างแผ่วเบาทั้งน้ำตา

เสิ่นชิงจู๋ไม่มีญาติพี่น้องอีกแล้ว นางมีเพียงแม่ทัพเสิ่นคุนหยางผู้เป็นบิดาบุญธรรมของนางเท่านั้น นางเห็นอิ๋นซวงเป็นดั่งน้องสาวแท้ๆ ของนาง