ตอนที่ 591 โจมตีหนานหรง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 591 โจมตีหนานหรง

หากเสิ่นชิงจู๋เห็นว่าอิ๋นซวงสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้างคงเสียใจมากกว่านางแน่ๆ

เมื่อเห็นท่าทีปวดใจของไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นซิ่วยิ่งรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน เอื้อมมือลูบแขนพี่สาวอย่างแผ่วเบา กล่าวขึ้น “พี่หญิงใหญ่ ต่อไปนี้ข้าจะดูแลอิ๋นซวงอย่างดีที่สุด จะรักนางประหนึ่งน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองเพื่อชดเชยให้นางเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนยืนมองดูอิ๋นซวงข้างเตียง กำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น

ดวงตาของหญิงสาวคมกริบ เต็มไปด้วยไอสังหาร “ฮองเฮากล้าแตะต้องคนของตระกูลไป๋ จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นนางจะคิดว่าตระกูลไป๋อ่อนแอจนนางจะทำสิ่งใดกับเราก็ได้!”

ไป๋ชิงเหยียนเคยกล่าวไว้ว่าหากผู้ใดกล้ายื่นมือมายุ่งกับคนของตระกูลไป๋ นางจะทำให้คนผู้นั้นรับรู้ถึงความเจ็บปวด

หลี่เม่าเป็นเช่นนั้น ฮองเฮาก็เช่นกัน

ที่สำคัญ ฮองเฮาเกือบพรากชีวิตของไป๋จิ่นซิ่วและวั่งเกอไป!

สายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่ที่ครอบตาลายลูกกวาดของอิ๋นซวง ใบหน้าของหญิงสาวสงบนิ่งราวกับสายน้ำ หญิงสาวอยากให้สถานการณ์อยู่ในความสงบ ทว่า สถานการณ์ที่สงบนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือมาแตะต้องตระกูลไป๋ ในเมื่อฮองเฮาไม่อยากอยู่อย่างสงบ เช่นนั้นทุกคนก็อย่าอยู่อย่างสงบเลย

“มีคนจับตาดูจวนของซิ่นอ๋องไว้หรือไม่” แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็น

“ซิ่นอ๋องกลับมาเมืองหลวงอย่างกะทันหันจึงยังไม่ได้ส่งคนไปจับตาดูเจ้าค่ะ ทว่า การคุ้มกันจวนของซิ่นอ๋องไม่ได้แน่นหนาราวกับเหล็ก โดยเฉพาะตอนนี้ซิ่นอ๋องถูกถอดยศเป็นเพียงสามัญชน แม้ฮ่องเต้จะเก็บจวนซิ่นอ๋องไว้ ทว่า คนในจวนซิ่นอ๋องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ผู้ดูแลเรื่องบัญชีของจวนฉินสนิทสนมกับผู้ดูแลบัญชีของจวนซิ่นอ๋อง ข้ากำลังหาจังหวะที่เหมาะสมส่งคนของเราแทรกตัวเข้าไปในจวนซิ่นอ๋องเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ส่งคนเข้าไปในจวนซิ่นอ๋องตอนนี้ พวกเขาคงเข้าไปไม่ถึงประตูฉุยฮวาซึ่งมีไว้กั้นเรือนหลังด้วยซ้ำ”

ไป๋ชิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้น “มีเงินทำได้ทุกสิ่ง เกรงว่าเราคงต้องลงทุนกับเรื่องนี้สักหน่อย”

ไป๋จิ่นซิ่วมองดูใบหน้าที่สงบราบเรียบของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวรู้ดีว่าครั้งนี้พี่หญิงใหญ่ของนางระงับความโกรธไว้ไม่อยู่แล้ว “พี่หญิงใหญ่ ทำเช่นนี้อาจเสี่ยงเกินไปนะเจ้าคะ”

“เจ้าไม่ต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ซิ่นอ๋องกลับมาเมืองหลวง ผู้ที่ปวดหัวที่สุดคือองค์รัชทายาท พี่จะบอกให้องค์รัชทายาทจัดการเรื่องนี้เอง” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างตัดสินใจได้

เมื่อเห็นว่าบรรดาสาวใช้เตรียมน้ำอุ่นสำหรับอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ชุนเถาจึงเดินแหวกม่านเข้าไปด้านใน ทำความเคารพพลางกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ เตรียมน้ำพร้อมแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ไปอาบน้ำก่อนเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะดูแลอิ๋นซวงให้เอง”

ชุนเถาเพิ่งรับรู้เรื่องของอิ๋นซวงจากชุ่ยปี้ ดวงตาของนางยังคงแดงก่ำไม่หาย

“พี่ชุนเถาเพิ่งกลับมาเช่นเดียวกัน ไปพักผ่อนสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลทางนี้เอง” ชุ่ยปี้กล่าวยิ้มๆ

ไป๋ชิงเหยียนกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เรือนชิงฮุย หญิงสาวยกน้ำชาขึ้นจิบ กำลังจะเอ่ยถามชุนเถาว่าอิ๋นซวงตื่นแล้วหรือไม่ก็ได้ยินชุนเถารายงานว่าหมอหงมารออยู่พักใหญ่แล้ว

“รีบเชิญท่านหมอหงเข้ามา” ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยน้ำชาลง

หมอหงเดินเข้ามาในห้อง ยังไม่ตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียนก็หยิบขวดกระเบื้องขวดเล็กออกมาวางไว้บนโต๊ะเสียก่อน เขากล่าวขึ้นยิ้มๆ “บาดแผลที่ใบหูของคุณหนูใหญ่ ถึงแม้จะใช้แป้งปิดบังสักเพียงใดก็หลอกสายตาของข้าไม่ได้หรอกขอรับ คุณหนูต้องหมั่นทายาดีๆ ถึงจะถูกขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้คิดจะปิดบังหมอหงจึงรับคำ “ท่านหมอหงไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะหมั่นทายาเจ้าค่ะ”

หมอหงพยักหน้า ตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเบิกตาโพลงอย่างตกใจ แม้ไป๋ชิงเหยียนจะทนหนาวไม่ได้อยู่ ทว่า ชีพจรของหญิงสาวดีกว่าเมื่อก่อนมากนัก

หมอหงพยักหน้ายิ้มๆ “ไม่ควรเอาแต่นอนพักจริงๆ ด้วย ควรขยับออกกำลังเสียบ้าง! ก่อนหน้านี้ข้าเอาแต่บอกให้คุณหนูนอนพักรักษาตัว เกือบทำลายชีวิตคุณหนูแล้วขอรับ”

“ท่านหมอหงกล่าวอันใดเช่นนี้ หากตอนนั้นไม่ได้ท่านหมอหง ข้าคงเสียชีวิตไปนานแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อย เอ่ยถามหมอหง “ท่านหมอหงยังช่วยชีวิตจิ่นซิ่ว วั่งเกอและอิ๋นซวงไว้อีกด้วย ท่านหมอหงมีวิธีรักษาอาการง่วงซึมของอิ๋นซวงหรือไม่เจ้าคะ”

เมื่อเอ่ยถึงอิ๋นซวง หมอหงส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ข้าให้นางทานยาตลอด เปลี่ยนสูตรยามาหลายสูตรแล้วก็ไม่ได้ผล”

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนมีสีหน้าขรึมลง หมอหงเก็บหมอนตรวจชีพจรลงในกล่องยา จากนั้นกล่าวขึ้น “ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน คุณหนูรองตกเลือดมาก ข้าและแม่นางหลูต่างไปรักษาอาการของคุณหนูรองก่อน เมื่ออาการของคุณหนูรองปลอดภัย ข้าและแม่นางหลูจึงไปดูอาการของเด็กนั่น เมื่อไปถึงข้าทำได้เพียงตัดตาข้างหนึ่งของอิ๋นซวงออกเพื่อรักษาชีวิตของนางเอาไว้ หากข้าไปเร็วกว่านั้นอีกสักหน่อย ไม่แน่อาจรักษาดวงตาของนางไว้ได้”

ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันกรอด นางเข้าใจดีว่าตอนนั้นสถานการณ์คับขัน ท่านหมอหงและหลูหนิงฮว่าย่อมเป็นห่วงไป๋จิ่นซิ่วที่กำลังตั้งครรภ์มากกว่า “ท่านไม่อาจแยกร่างได้ อย่าโทษตัวเองเลยเจ้าค่ะ”

“เอ่ยถึงเด็กอิ๋นซวงนั่น ข้าอยากขอความเมตตาจากคุณหนูใหญ่ ให้นางติดตามข้าดีกว่าขอรับ ประการแรก นางจะได้ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายอีก ประการที่สองข้าจะได้ปรับเปลี่ยนสูตรยารักษานางได้ตลอดเวลา ไม่แน่อาจมีทางรักษาหายขอรับ…”

หมอหงรักและเอ็นดูอิ๋นซวงจากใจจริง ต่างกล่าวกันว่าอิ๋นซวงโง่ ทว่า หมอหงรู้สึกว่านางเป็นเด็กดีที่มีใจเมตตา เมื่อตื่นมาสิ่งแรกที่นางนึกถึงไม่ใช่ดวงตาของตัวเองแต่เป็นคุณหนูรอง กล่าวว่าจะไปติดตามดูแลคุณหนูรองไม่ให้ห่างกาย ผู้ใดห้ามปรามก็ไม่ฟัง นางฝืนพาร่างที่เลือดท่วมตัวของตัวเองไปดูให้เห็นกับตาว่าคุณหนูรองและเด็กปลอดภัย จากนั้นจึงหมดสติไปอีกครั้ง

“อิ๋นซวงคือผู้มีพระคุณของจิ่นซิ่ว วั่งเกอและตระกูลไป๋ หากอิ๋นซวงอยู่กับท่าน ข้าจะวางใจมากเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหมอหงยิ้มๆ “ทว่า ต้องถามความสมัครใจของอิ๋นซวงก่อนว่านางอยากอยู่กับจิ่นซิ่วและวั่งเกอ หรืออยากติดตามท่านเจ้าค่ะ”

“แน่นอนอยู่แล้ว” หมอหงพยักหน้า

ชุนเถายกถาดอาหารสีดำเดินเข้ามา บนถาดอาหารมีถ้วยใส่นมแพะสีเงินวางอยู่ ชุนเถาเดินผ่านม่านสีขาวเข้าไปด้านใน วางถ้วยเงินใบเล็กลงบนโต๊ะ จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ หลูผิงกลับมาแล้ว ขอเข้าพบคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

หมอหงเก็บอุปกรณ์ของตัวเองเสร็จเรียบร้อย เมื่อได้ยินชุนเถากล่าวว่าหลูผิงขอเข้าพบ เขาก็รู้ทันทีว่าหลูผิงคงมีเรื่องสำคัญมารายงานไป๋ชิงเหยียน เขาถือกล่องยา ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“ชุนเถาไปส่งท่านหมอหง…” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยสั่ง

“เจ้าค่ะ” ชุนเถารับคำ ผายมือเชิญหมอหง

เมื่อหลูผิงที่อยู่กลางลานหญ้าของเรือนชิงฮุยเห็นหมอหงเดินออกมา เขากล่าวทักทายหมอหงสองสามคำจากนั้นรีบวิ่งเข้าไปรายงานเรื่องสถานการณ์รบที่สืบได้กับไป๋ชิงเหยียนในห้อง

“คุณหนูใหญ่ วันนี้ชายแดนส่งรายงานมาว่าต้าเยี่ยนและเป่ยหรงบุกโจมตีหนานหรงขอรับ! หลูผิงไม่ทราบรายละเอียด ทว่า คุณชายอยู่ที่หนานหรงนะขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักมือที่ลูบไปบนโต๊ะ

หลูผิงเต็มไปด้วยความกังวล น้ำเสียงจึงร้อนรนตาม “สงครามที่เติงโจวทำให้หนานหรงสูญเสียกำลังทหารไปไม่น้อย ไม่รู้ว่าคุณชายจะได้รับบาดเจ็บจากสงครามครั้งนี้หรือไม่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม “ผู้ใดนำทัพ”

หลูผิงส่ายหน้า “ยังไม่ทราบขอรับ ข้าได้ยินข่าวนี้จึงรีบกลับมารายงานคุณหนูใหญ่ก่อนขอรับ!”