บทที่ 565 ร่องรอยของนิรุตติ์

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

แต่แค่เพียงไม่นาน เธอก็สูดหายใจลึก ระงับความเกลียดชังที่มี หันหลังแล้วเดินตามไป

“นิรุตติ์ คุณมีวิธีไหม ที่จะพาเราออกไปจากที่นี่ได้ ?”เธอเดินตามหลังนิรุตติ์แล้วเอ่ยถาม

นิรุตติ์หลุบตาลง “มีแน่นอน แต่ต้องรออีกหน่อย ”

“ต้องรออีกเหรอ?”รับรู้ได้ว่านวิยาไม่พอใจกับคำตอบนี้ กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า“หากยังต้องรอไปอีก เราคงต้องโดนจับแน่ๆ ในเมื่อทางเข้าหลักไม่สามารถใช้ได้ งั้นเราก็ลักลอบข้ามทางแม่น้ำ หรือไม่ก็ใช้เฮลิคอปเตอร์สิ”

“นัทธีรู้แล้วว่าเธอไม่ได้อยู่ในจังหวัดจันทร์ และเธอหนีจากการปิดล้อมจากจังหวัดจันทร์ได้ยังไง ที่เขาคิดได้ ก็คือลักลอบข้ามทางแม่น้ำ ดังนั้นเธอคิดว่าท่าเรือข้ามฟากใหญ่ๆจะไม่ถูกตรวจค้นหรือยังไง ?”

“นี่……”นวิยาถึงกับสะอึก โต้แย้งกลับไม่ได้

จากนั้น เธอก็กำมือแน่น ฝากความหวังไว้ที่วิธีสุดท้าย“ แล้วเฮลิคอปเตอร์ล่ะ?”

“ไม่ได้เหมือนกัน บนท้องฟ้ามีเครื่องบินลาดตระเวนทุกวัน เครื่องบินส่วนตัวก็ถูกค้น ”นิรุตติ์พูดเสียงเรียบ

นวิยากระทืบเท้า“ นั้นก็ไม่ได้นี้ก็ไม่ได้ เราถูกขังอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ”

“ดังนั้นฉันบอกไปแล้ว ว่ารออีกหน่อย ฉันได้เตรียมการเอาไว้แล้ว ”นิรุตติ์หรี่ตาลงแล้วพูดออกมา

นวิยาถูไปที่ใบหน้าอย่างแรง “ก็คงทำได้แค่นี้ แล้วถ้าเราไป คุณจะพาวารุณีไปด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่ต้องรีบ ฉันจะพาเธอไปแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”นิรุตติ์ลูบไปที่กระเป๋าบนอกเสื้อ พูดด้วยดวงตาฉายแววเลศนัย

นวิยาเหลือบมองเขาอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่ากระเป๋าในอกเสื้อเขามันมีอะไร ต้องสัมผัสมันอยู่หลายครั้งในแต่ละวัน

แต่ที่เธอมั่นใจได้ก็คือ มันต้องเป็นสิ่งของที่สำคัญมากๆสำหรับเขาแน่

ดังนั้น เธอต้องรู้มันให้ได้ ไม่แน่ว่าเธออาจจะใช้มันมาข่มขู่เขาก็ได้

คิดได้ดังนั้น นวิยาก็รีบก้มหน้าลง เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาอ่านใจเธอออก

อีกฝั่งหนึ่ง ทางวารุณีพวกเธอสามคนกลับมาถึงที่คฤหาสน์ หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย นัทธีก็โทรเข้ามา

วารุณีนั่งอยู่ตรงริมหน้าต่าง มองวิวทิวทัศน์ด้านนอก และกดรับสายของนัทธี

“คู่หูคุณมาแล้วเหรอ ?”นัทธีเอ่ยถาม

วารุณีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

เธอไม่ได้สงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไร เพราะบอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆเธอ จะรายงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอให้เขารู้

“การแข่งขันรอบต่อไป มีความมั่นใจไหม ?”นัทธีเอ่ยถาม ในขณะที่ก็กำลังตรวจเช็กเอกสารไปด้วย

วารุณีถอนหายใจ “พูดตามตรง ไม่มีความมั่นใจอะไรเลย เข้ามาถึงตรงจุดนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นนักออกแบบที่มีพรสวรรค์พิเศษแล้ว อยากจะคว้าแชมป์ท่ามกลางพวกเขา มันยากมาก แต่ยังไงฉันก็จะพยายามให้เต็มที่ ”

“ผมเชื่อในตัวคุณ”นัทธีพยักหน้าให้เล็กน้อย “เออนี่ พรุ่งนี้ผมจะไปหานะ”

“พรุ่งนี้คุณจะมาทำไม ไม่ใช่สุดสัปดาห์สักหน่อย”วารุณีกะพริบตาปริบๆด้วยความสงสัย

นัทธีตอบกลับ“หลังรอบรองชนะเลิศ ก็จะเป็นรอบชิง ดังนั้นการแข่งขันในสองรอบสุดท้าย ผมอยากจะอยู่เคียงข้างคุณ”

เมื่อได้ยินคำนี้ วารุณีก็รู้สึกอบอุ่นในใจ และค่อนข้างซึ้งใจมาก แต่ก็ปฏิเสธออกไป “ไม่ต้องหรอกค่ะ แม้จะเหลือแค่สองรอบสุดท้าย แต่การแข่งขันในแต่ละรอบก็กินเวลานานมาก แต่ละรอบน่าจะราวๆครึ่งเดือนได้”

เพราะเสื้อผ้ากับเครื่องประดับต้องร่วมมือกัน

หากมีเพียงเสื้อผ้า การแข่งขันในแต่ละรอบ ก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์

แต่เมื่อรวมเครื่องประดับเข้ามาด้วย เวลาหนึ่งสัปดาห์ไม่พอแน่นอน เพราะการออกแบบเครื่องประดับ ใช้เวลานานกว่าออกแบบเสื้อผ้าอยู่หลายเท่า

ดังนั้นหากนัทธีจะอยู่กับเธอในช่วงของการแข่งขันในสองรอบสุดท้าย อย่างน้อยก็ต้องอยู่ที่นี่กับเธอเป็นเวลานานเกือบหนึ่งเดือน

เวลาเดือนหนึ่ง ทางบริษัทจะทำยังไง ?

นัทธีเองรู้ว่าวารุณีกังวลเรื่องอะไร หัวเราะออกมาเสียงเบา“ วางใจเถอะ ผมได้โยกผู้จัดการจากสาขาย่อยมาดูแลคนหนึ่ง ให้เขามาบริการจัดการที่สำนักงานใหญ่ให้ชั่วคราว รอการแข่งขันระดับนานาชาติเสร็จสิ้น ผมค่อยกลับมา”

“แบบนี้ก็ได้เหรอคะ ?”วารุณีหวั่นไหวเล็กน้อย

นัทธีพยักหน้า “แน่นอน บริษัทที่ใหญ่ๆโตๆ เขาก็จะฝึกอบรมผู้ดูแลที่ชำนาญการ เพื่อที่ว่าเมื่อผู้บริหารเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นพวกเขาก็สามารถนั่งตำแหน่งนี้เพื่อบริหารจัดการเรื่องต่างๆ รักษาเสถียรภาพให้กับบริษัทและผู้คน ดังนั้นคุณวางใจได้”

“ในเมื่อคุณพูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันจะปฏิเสธยังไงได้อีกล่ะ ? ”วารุณียกยิ้ม

เอาจริงๆ เธอก็อยากให้เขามาอยู่กับเธอในตอนที่เข้าแข่งขันเหมือนกัน

เพราะที่ผ่านมา มีแค่ลูกๆเท่านั้นที่อยู่กับเธอ เขาไม่เคยอยู่ด้วยเลยสักครั้ง ในใจของเธอก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเล็กน้อย

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนก่อน และเขาก็กำลังจะตามมา

“อืม พรุ่งนี้ถึงแล้วผมจะโทรหาคุณ ตอนนี้ยังมีเอกสารที่ต้องดำเนินการนิดหน่อย จากนั้นก็จะโอนให้กับผู้ดูแล”นัทธีกล่าว

วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ได้ค่ะ คุณทำงานเถอะ อย่าหักโหมมาก พักผ่อนด้วยนะคะ ”

เมื่อวางสาย เธอวางโทรศัพท์ลง ที่ประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้น

“เข้ามา”วารุณีมองไปที่ประตูแล้วพูดขึ้น

เมื่อประตูเปิดออก เด็กน้อยทั้งสองคนก็เดินเข้ามา“หม่ามี๊ กำลังคุยโทรศัพท์อยู่เหรอครับ ?”

อารัณถาม

วารุณีพยักหน้า “ใช่จ้ะ คุยกับคุณพ่ออยู่”

เด็กทั้งสองคนดวงตาลุกวาว

แต่ไม่นาน ไอริณก็เบะปากน้อยๆ“ ทำไมหม่ามี๊ไม่ให้ไอริณเข้ามา ไอริณคิดถึงคุณพ่อ อยากคุยกับคุณพ่อ ”

“ขอโทษนะลูกรัก”วารุณีอุ้มเธอขึ้นมา แล้ววางลงที่นั่งตรงริมหน้าต่าง“ แบบนี้ดีไหม พรุ่งนี้หม่ามี๊ให้ไอริณได้คุยกับคุณพ่อแบบเห็นหน้ากันเลยเอาไหม”

เมื่ออารัณได้ยิน คิ้วก็เลิกขึ้น “หม่ามี๊ หมายความว่า พรุ่งนี้คุณพ่อจะมาเหรอครับ?”

“ใช่จ้ะ มาอยู่เป็นกำลังให้หม่ามี๊ในการแข่ง”วารุณีลูบศีรษะของเขา

ไอริณปรบมืออย่างดีใจ “ดีเลยค่ะ จะได้เจอพ่อแล้ว เราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้งแล้ว ”

“ใช่จ้ะ”วารุณีมองดูลูกทั้งสองคน แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ว่าแต่ จู่ๆเราสองคนก็โผล่มาที่นี่ มาหาหม่ามี๊มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?”วารุณีถาม

“คืออย่างนี้ครับ หม่ามี๊ วันนี้ผมเจอร่องรอยของคุณลุงนิรุตติ์ครับ ”อารัณตอบ

สีหน้าวารุณีเปลี่ยนไปเล็กน้อย และกลายเป็นจริงจังขึ้นมา “อะไรนะ?ลูกเจอร่องรอยของนิรุตติ์ ?”

“ใช่ครับ”อารัณพยักหน้าให้ซ้ำๆ

วารุณีอุ้มเขาขึ้นมา แล้วจ้องมองสบตา“ไปเจอที่ไหนมา ? ”

“ที่สนามบินครับ ช่วงนี้ผมได้เจาะเข้าระบบกล้องวงจรปิดทั่วทั้งเมืองนี้ เพื่อจะหาตัวคุณลุงนิรุตติ์ แต่ไม่พบร่องรอยอะไรของคุณลุงนิรุตติ์เลย ไม่คิดว่าเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ผมเจอกับเขา ไม่เพียงแค่เขาคนเดียว ยังมีนวิยาด้วย” ใบหน้าเล็กๆของอารัณพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

แม้ว่าที่ต่างประเทศจะสู้ที่บ้านเราไม่ได้ มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกหนแห่ง แต่กล้องวงจรปิดในต่างประเทศก็มีอยู่ไม่น้อย ถนนทุกสายก็มีอยู่เหมือนกัน

แม้นิรุตติ์จะหลบซ่อนตัวได้ แต่ก็ไม่อาจที่จะหลบอยู่แต่ในรูหนูไปได้ตลอด ต้องโผล่หัวออกมาในสักวัน ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะเจาะระบบกล้องวงจรปิดของเมืองนี้ เผื่อจะมีกล้องสักตัวที่จับภาพของนิรุตติ์ได้ แต่ผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่พบร่องรอยอะไรเลย

และในตอนที่เขากำลังคิดว่า หรือนิรุตติ์อาจจะหลบซ่อนตัวไม่ออกมาจริงๆ ไม่คิดว่ากล้องวงจรปิดของสนามบินจะจับภาพของเขาได้

“ยังมีนวิยาด้วย!”ทันทีที่วารุณีได้ยินคำนี้ เธอก็ถึงกับกำมือแน่น

ที่แท้ นวิยาก็ไม่ได้อยู่ที่จังหวัดจันทร์ ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองมากับนิรุตติ์ มิหนำซ้ำยังอยู่ด้วยกันอีก

“ลูกรัก พวกเขาทำอะไรอยู่ที่สนามบิน ? ”วารุณีจับไปที่หัวไหล่ของอารัณแล้วเอ่ยถาม

อารัณขมวดคิ้วเล็กๆแล้วตอบว่า“พวกเขาอยากจะหลบหนีออกไปจากที่นี่ คุณลุงนิรุตติ์ให้คนของเขาไปดูลาดเลาที่สนามบิน ดูว่าการปิดล้อมของคุณพ่อเข้มงวดหรือไม่ แต่การปิดล้อมของคุณพ่อไม่ได้หย่อนยานหรือมีช่องโหว่อะไร ดังนั้นพวกเขาจึงหลบหนีออกไปไม่ได้ ”

“หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ พวกเขายังอยู่ในเมืองนี้ใช่ไหม ? ”วารุณีหรี่ตาลง

อารัณพยักหน้าให้ “ใช่ครับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบร่องรอยอะไรของพวกเขาอีก หลังจากที่พวกเขาออกมาจากห้องรับรอง ก็ไปยังลานจอดรถ และหลบหนีออกไปทางประตูด้านข้างของลานจอดรถ ตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ดังนั้นผมจึงตามตัวพวกเขาต่อไม่ได้ หลังจากนั้นผมก็ได้ไปดูกล้องวงจรปิดตัวอื่นๆ ก็ไม่เจอร่องรอยอะไรของพวกเขา ขอโทษนะครับหม่ามี๊ ที่ผมตามหาตัวพวกเขาไม่เจอ”