บทที่ 566 เกือบมีเรื่อง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เมื่อเห็นลูกชายที่กล่าวโทษตัวเอง วารุณีก็ลูบไปที่ศีรษะของเขา แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ลูกรัก อย่าพูดแบบนี้ มันไม่ใช่ความผิดของลูก เพราะศัตรูเจ้าเล่ห์เกินไป”

“แต่ผมมีโอกาสที่จะเฝ้าจับตาดูพวกเขาอยู่ตลอด”อารัณทำไม้ทำมือ

วารุณียกยิ้ม “ช่างมันเถอะนะ ครั้งนี้คลาดกัน งั้นลูกก็ตามหาร่องรอยของเขาต่อ หม่ามี๊เชื่อว่ายังมีโอกาสที่จะเจอตัวพวกเขาได้อีก”

หลังจากที่ได้รับคำปลอบโยนของเธอ เด็กน้อยก็มีพลังฮึดขึ้นมาอีกครั้ง พยักหน้าให้อย่างหนักแน่น “ผมทราบแล้วครับหม่ามี๊ ผมจะกลับไปวางระบบใหม่ ให้กล้องวงจรปิดจับภาพพวกเขาแบบอัตโนมัติ ขอแค่พวกเขาโผล่ออกมาไม่ว่าจะจากกล้องตัวไหน ผมก็สามารถรู้ได้ทันที”

พูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้องของวารุณีโดยทันที

เด็กหญิงตัวน้อยมองไปยังหม่ามี๊ แล้วหันมองไปยังทิศทางที่พี่ชายเดินออกไป สุดท้ายก็วิ่งไล่ตามหลัง“พี่อารัณรอหนูด้วย”

เห็นแผ่นหลังไวๆของเด็กน้อยสองคน วารุณีก็ส่ายหัวอย่างจนใจ ได้แต่ปล่อยพวกเขาไป

วันรุ่งขึ้น นัทธีเดินทางมาถึงที่นี่ และไปร่วมการแข่งขันกับวารุณี

ตอนที่วารุณีมาถึงที่ห้องแข่งขัน ก็พบว่ากรรมการผู้ตัดสินถูกเปลี่ยนตัวหมดแล้วทั้งสิ้น เปลี่ยนเป็นผู้ชํานาญการด้านงานออกแบบระดับแถวหน้า หนึ่งในนั้น เป็นอาจารย์ใหญ่ของเธอ อาจารย์เมอร์เซเดอ

วารุณีรู้อยู่ก่อนแล้วว่าในรอบชิงชนะเลิศ อาจารย์จะมาด้วย ดังนั้นในตอนที่เห็น นอกจากแปลกใจแล้ว ก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไร

“อาจารย์”ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่ม วารุณีไปหาเมอร์เซเดอ แล้วโอบกอดกับอีกฝ่าย“ เป็นยังไงบ้างคะสบายดีไหมคะ?”

“ก็ดี”อาจารย์เมอร์เซเดอยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและพยักหน้าให้ จากนั้นก็ก้มมองไปที่หน้าท้องของเธอ “กี่เดือนแล้ว ? ”

“หกเดือนแล้วค่ะ”วารุณีลูบไปที่หน้าท้อง ตอบกลับอย่างเป็นสุข

อาจารย์เมอร์เซเดอหัวเราะและพูดว่า“ดีดีมาก หกเดือน ไม่มีผลอะไรกับการแข่งขันของเรา”

“ใช่ค่ะ”วารุณีตอบ จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วเอ่ยถามว่า“เอออาจารย์ค่ะ มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ ทำไมไม่โทรหาหนู หนูจะได้ไปรับ”

“ไม่ต้องหรอก ทางผู้จัดเขาส่งคนไปรับ อาจารย์เลยไม่ได้บอกเรา”อาจารย์เมอร์เซเดอโบกมือให้

วารุณีมองดูเขา “แล้วอาจารย์พักอยู่ที่ไหนคะ ? ”

“ทางผู้จัดเขาจัดห้องพักในโรงแรมให้”อาจารย์เมอร์เซเดอตอบ

วารุณีก็ถึงได้เบาใจ“ ดีค่ะ ดีแล้ว”

“ไหนลองบอกซิ การแข่งขันต่อไป มีความเห็นอะไรหรือเปล่า ? ”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของวารุณีก็จางลง จากนั้นก็เล่าถึงปัญหาความยากลำบากที่เจอให้อีกฝ่ายได้รับรู้

อาจารย์เมอร์เซเดอก็ฟังอย่างเงียบๆ เมื่อได้ยินเรื่องราว ก็จึงให้คำแนะนำกับเธอ

จนกระทั่งถึงเวลาการแข่งขัน การอบรมสั่งสอนก็จึงได้สิ้นสุดลง

แต่ต้องบอกว่า มีผู้อาวุโสคอยให้คำชี้แนะแบบนี้ วารุณีก็รู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย ไม่ได้มืดมนสับสนเหมือนตอนที่มาแรกๆ กับเกมการแข่งขันในนัดต่อไป ก็มีความมั่นใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น

“วารุณี ทางนี้” ตอนที่วารุณีกลับเข้ามาในห้องแข่งขัน ก็ได้ยินเสียงของลีน่า หันไปตามเสียงเรียก ลีน่าได้นั่งลงที่โต๊ะแข่งขันแล้ว และกำลังโบกมือให้เธอด้วยรอยยิ้ม

วารุณีก็ส่งยิ้มกลับให้เธอ จากนั้นมือกุมไปที่ท้อง ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา

ตอนที่เดินไปยังทางเดินระหว่างโต๊ะ มีขาข้างหนึ่งยื่นออกมา ขวางทางเธอเอาไว้

วารุณีไม่ได้สนใจดูที่เท้า ก็จึงสะดุด ร่างทั้งร่างซวนเซ ใบหน้าคว่ำลงไปกับพื้น

“วารุณี!”ลีน่าตะโกนร้องพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป

วารุณีไม่ได้ตอบกลับ มองพื้นด้วยความหวาดกลัว สองมือกุมไปที่หน้าท้องแน่น

เธอกำลังตั้งครรภ์ หากเธอล้มคะมำไปแบบนี้จริงๆ ลูกในท้องของเธอ ไม่เสียชีวิตในครรภ์ ก็ต้องคลอดก่อนกำหนด

และเด็กส่วนใหญ่ที่คลอดก่อนกำหนด ร่างกายก็จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรค และทำให้เสียชีวิตได้

แม้แต่ร่างกายของคนเป็นแม่ ก็จะเสียหายและมีปัญหาเกิดภาวะแทรกซ้อนมากมาย

โดยรวมแล้ว ภาพๆนี้ ทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างตกใจมาก ลีน่าถึงกับลุกขึ้นยืน วิ่งเข้าไปหา อยากจะรับร่างวารุณีเอาไว้

แต่ตำแหน่งที่เธออยู่มันไกลเกินไป ต่อให้วิ่งไปถึง วารุณีก็ล้มคะมำลงกับพื้นแล้ว

และในจังหวะที่วารุณีกำลังจะล้มคะมำลงกับพื้นนั้น ก็มีมือหนึ่งยื่นออกมา คว้าตัวเธอเอาไว้ จากนั้นมือนั้นก็ออกแรงดึง รั้งร่างของเธอขึ้นมา

หลังจากที่วารุณียืนนิ่งได้ ก็จับไปยังมุมโต๊ะที่อยู่ข้างๆแน่น หอบหายใจลึก เพื่อควบคุมอาการตื่นตระหนกในใจที่มี

อันตรายมาก เธอเกือบสูญเสียลูกในท้องของเธอไปแล้ว

วารุณีใบหน้าซีดเซียว สองมือสั่นเทา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวมาก

“วารุณี เป็นอะไรไหม?” ในที่สุดลีน่าก็มาถึงตรงหน้าเธอ เอ่ยถามอย่างร้อนใจ

ริมฝีปากวารุณียังคงอ้าค้าง เนื่องจากเพราะยังคงตกอยู่ในความหวาดกลัว ส่งเสียงแทบไม่ออก

ในตอนนี้เอง ประตูของห้องโถงก็ถูกถีบออกอย่างแรง จากนั้น ก็มีร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ด้านหลังมีเด็กน้อยอีกสองคนตามมาด้วย

“หม่ามี๊”เมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนเห็นวารุณี ก็เร่งฝีเท้าแล้ววิ่งเข้าไปหา กอดไปที่ขาของวารุณี“หม่ามี๊เป็นอะไรหรือเปล่า ?”

วารุณีก้มมองไปยังดวงตาที่แดงก่ำของเด็กน้อย รู้ทันทีว่าพวกเขาคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ จึงลูบไปที่ศีรษะของเด็กน้อยด้วยความรู้สึกผิด

“หม่ามี๊ไม่เป็นไร……”วารุณีตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง จากนั้นก็หันมองไปยังชายหนุ่มที่เดินเข้ามา

ชายหนุ่มรั้งร่างเธอเข้าสู่อ้อมแขน และกอดเธอเอาไว้แน่น

วารุณีรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติของเขา ดูท่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาเองก็คงจะตกใจมาก

“ที่รักขอโทษ ทำคุณเป็นห่วงจนได้”วารุณียกมือขึ้น โอบกอดไปที่แผ่นหลังของชายหนุ่ม แล้วพูดเสียงเบา

ชายหนุ่มคลายมือออก ประคองไปที่ใบหน้าของเธอ“ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

วารุณีเหยียดมุมปาก ยกยิ้มออกมา“ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร โชคดีที่ติ๊นาจับฉันไว้ทัน ”

พูดจบ วารุณีก็หันมองไปที่หญิงสาวชาวต่างชาติคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทางซ้ายมือ

เมื่อครู่เป็นหญิงชาวต่างชาติคนนี้ ที่ช่วยเหลือเธอ เอาไว้ได้ทัน ไม่งั้นเธอคงได้ขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว

นัทธีมองไปยังติ๊นา เป็นครั้งแรกที่ก้มหัว แล้วโค้งคำนับให้อีกฝ่าย“ ขอบคุณมากที่คุณช่วยภรรยาและลูกของผมเอาไว้ ”

เด็กทั้งสองคนก็โค้งคำนับตามเขา “ขอบคุณที่ช่วยหม่ามี๊ครับ/ค่ะ ”

แม้ติ๊นาจะไม่รู้จักนัทธี แต่เคยเห็นเขากับทางผู้จัดงานอยู่ด้วยกัน และทางฝ่ายผู้จัด ก็ดูจะให้เกียรติเขามาก ดังนั้นจึงรู้ว่าสถานะของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตแบบนี้มาโค้งคำนับให้ ก็จึงประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย รีบโบกมือแล้วพูดว่า“ไม่……ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยเหลือกันเป็นสิ่งที่สมควรทำอยู่แล้ว”

“ไม่ว่ายังไง คุณก็ได้ช่วยชีวิตภรรยาและลูกๆของผม บุญคุณนี้ผมจะจำเอาไว้ หากคุณประสบปัญหาอะไร ติดต่อไปได้ที่ผู้ช่วยของผม ผมจะให้ความช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่”พูดเสร็จ นัทธีก็ยื่นนามบัตรของมารุตให้ไป

บางครั้งในงานเลี้ยงสังสรรค์ เขาไม่อยากจะให้นามบัตรของตัวเอง ก็จะเอาของมารุตให้ไป

ดังนั้นบนตัวเขา ก็มักจะมีนามบัตรของมารุตติดตัวเอาไว้

ติ๊นารับนามบัตรนั้นมา เมื่อเห็นชื่อภาษาอังกฤษของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ทันใดนั้นก็รู้แจ้งเห็นกระจ่างในทันที รับรู้สถานะของชายคนนี้ ก็ยิ่งตะลึงกับวารุณีที่เป็นคู่แข่งของเธอมาโดยตลอด จะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เป็นถึงภรรยาของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป

“นี่ คุณจะไม่ลุกขึ้นมาขอโทษกับวารุณีหน่อยเหรอ ?” ทันใดนั้น เสียงของลีน่าก็ดังขึ้น พร้อมกับความโกรธด้วยเล็กน้อย

วารุณีกับนัทธีหันมองไป เห็นที่นั่งทางด้านขวามือ ลีน่ากำลังจ้องเขม็งมองนักออกแบบชายผิวสีคนหนึ่ง

เมื่อเห็นนักออกแบบชายคนนั้น ดวงตาวารุณีก็มืดมน“ที่รัก เขานี่แหละที่เหยียดขาออกมา ทำฉันเกือบหกล้ม ”

ไม่ใช่ว่าเธอจะฟ้อง แต่นี่มันคือความจริง

เมื่อนัทธีได้ยินที่วารุณีพูด ก็เข้าใจได้ในทันทีที่เธอเดินอยู่ดีๆ ทำไมถึงหกล้มได้

แม้พื้นเรียบก็อาจจะเกิดการลื่นล้มได้ แต่ความเป็นไปได้นั้นน้อยมาก เพราะรองเท้าของเธอเป็นแบบสั่งทำพิเศษ กันลื่น เพราะฉะนั้นจะลื่นล้มในพื้นเรียบๆไม่ได้แน่นอน