บทที่ 635 ราชโองการมาถึง
บทที่ 635 ราชโองการมาถึง
ซ่างเชียนและเจิ้งตานเดินไปข้างหน้าพร้อมกันด้วยริบบิ้นสีแดงก่อนจะหยุดที่โต๊ะที่คลุมด้วยผ้าสีแดงตรงกลางห้องโถง ซึ่งมีธูปและเทียนสีแดงวางไว้ด้านบน นี่เรียกว่า ‘โต๊ะฟ้าดิน’
พิธีกรตะโกนต่อ “คำนับแรก บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน!”
ทั้งสองคนค่อย ๆ คุกเข่าลงและโค้งคำนับไปที่โต๊ะนี้สามครั้ง
“สอง คำนับบิดามารดา!”
ซ่างหงและเจิ้งอวี้ถังนั่งบนยกพื้นสูง ลูบเคราของพวกเขา ขณะที่พวกเขามองคู่บ่าวสาวที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยรอยยิ้ม ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขามีความสุขอย่างมาก
“สุดท้าย คำนับต่อกัน!”
นี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายทั้งสองกำลังจะแสดงความเคารพต่อกันในฐานะคู่สมรสอย่างเป็นทางการ
แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงเอะอะวุ่นวายขัดจังหวะการดำเนินพิธี และทุกคนก็มองไปทางต้นเสียงในทันที
“ขอโทษ ขอโทษ บังเอิญมือของข้าลื่น ถ้วยมันเลยหล่นแตก” ซูอันพูดด้วยสีหน้าเขินอาย
แต่ทั้งซ่างหงและซ่างเชียนไม่รู้สึกขำไปด้วย
นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง! ต้องเป็นคนโง่มากแค่ไหนถึงขนาดทำถ้วยน้ำตกโดยไม่ได้ตั้งใจในเวลานี้? หรือเจ้ากำลังบอกทุกคนว่าเจ้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน!
สีหน้าของแขกเริ่มเปลี่ยนไปทีละคน พวกเขากำลังจะได้ชมฉากเด็ดอีกครั้ง
ซ่างหงไอ “นายน้อยซู โปรดระวังให้มากกว่านี้”
จากนั้นเขาก็โบกมือให้คนอื่น ๆ “โปรดดำเนินพิธีต่อ”
ผู้ดำเนินงานตะโกนต่อ “คารวะซึ่งกันและกัน!”
เสียงถ้วยใบที่สองตกลงไปที่พื้น
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เศษถ้วยแตกข้างเท้าของเซี่ยเต๋าอวิ๋น นางหน้าแดงและรีบโบกมือ “ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า…”
ซ่างหงรู้ดีว่าไม่ใช่นาง เขาจ้องไปที่ซูอัน “นายน้อยซู อย่าล้ำเส้นกันเกินไป!”
ซูอันยักไหล่ทำท่าไม่รู้เรื่องรู้ราววและพูดว่า “ไม่ใช่ความผิดของข้า นางเป็นคนทำมันตก”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นหงุดหงิดมาก ผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
ซ่างหงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดกับทุกคน “มันเป็นแค่ความเข้าใจผิด มันเป็นเพียงความเข้าใจผิด โปรดดำเนินพิธีต่อ”
ผู้ดำเนินงานกลืนน้ำลาย ลำคอของเขาแทบจะแหบแห้งแล้วจากการตะโกนหลายรอบติดกัน เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก “บ่าวสาว จงคำนับกันและกัน!”
ซูอันถือจานอยู่ในมือกำลังจะโยนมันลงกับพื้น ทันใดนั้นเขาก็ตัวแข็ง ร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าเขาแล้วคว้าข้อมือของเขาไว้แน่น “นายน้อยซู เจ้าไม่ได้จะบอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุด้วยใช่ไหม?”
ซูอันตกใจมากเมื่อเห็นข้อมือของเขาถูกคว้าไว้ เขาบิดข้อมือให้หลุดจากการถูกจับกุมด้วยวิชาพลิ้วไหวไหลพัวพันอย่างรวดเร็วและมองไปที่ซ่างหงอย่างระมัดระวัง
ผู้บ่มเพาะระดับแปดไม่ใช่เล่น ๆ เลย!
ซ่างหงตกตะลึง เขาไม่คาดคิดเลยว่าซูอันจะสามารถหลุดจากมือของเขาได้
ทักษะที่ซูอันใช้ดูเหมือนจะเป็นวิชาพลิ้วไหวไหลพัวพันของตระกูลเพ่ย เขามีตระกูลเพ่ยหนุนอยู่เบื้องหลังงั้นเหรอ?
“ไอ้คนแซ่ซู เจ้าพยายามจะสร้างปัญหางั้นเหรอ? ทหาร! จับไอ้สารเลวนี่ให้ข้า!” พิธีการที่หยุดชะงักอย่างต่อเนื่องทำให้ซ่างเชียนโกรธจัด
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
ถึงตอนนี้ พี่น้องกองทหารลาดตระเวนลำน้ำของเขาก็มาถึงแล้ว ร่วมกับบิดาซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด เขาก็ไม่ต้องกลัวกองทัพผ้าคลุมสีชาดของตระกูลฉู่อีกต่อไป
ทหารลาดตระเวนลำน้ำได้รับคำสั่งล่วงหน้ามาแล้ว พวกเขาจึงทราบดีว่าตนเองมาที่นี่เพื่ออะไร แต่ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่ากองทัพผ้าคลุมสีชาดก็รีบตั้งขบวนเข้ามาล้อมรอบและปกป้องซูอัน เหตุการณ์ใกล้จะถึงจุดแตกหักเข้าไปทุกที
แขกที่อยู่รอบ ๆ ต่างรีบหนีออกไป แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะน่าดูอย่างยิ่ง แต่มันก็ไม่คุ้มหากความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา กลายเป็นว่าพวกเขาเองถูกกวาดต้อนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของฉากรบราฆ่าฟันโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขาอยู่ใกล้เกินไป!
ความอดทนของซ่างหงกำลังหมดลงเช่นกัน “ซูอัน ข้าปฏิบัติต่อเจ้าด้วยการถนอมน้ำใจเสมอมา แต่เจ้าคอยรบกวนงานแต่งงานของลูกชายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า จุดประสงค์ของเจ้าคืออะไรกันแน่!?”
“ท่านมาโทษข้าแบบนี้ได้ยังไงกัน? หากจะโทษก็ต้องโทษที่ถ้วยและจานของตระกูลท่านมันแตกง่ายเกินไปต่างหาก!” ซูอันตะโกนออกมาราวกับว่าได้รับความอยุติธรรมอย่างร้ายแรง
“ท่านพ่อ อย่าเสียเวลาคุยกับไอ้สารเลวนี่อีกเลย กำจัดมันซะ!” ซ่างเชียนคว้ากระบี่จากมือคนรับใช้ของเขา
เจิ้งตานเลิกผ้าคลุมหน้าขึ้นเล็กน้อย มองซูอันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล นางไม่รู้ว่าเขาจะหาทางออกจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
ปกติเขาไม่ใช่คนบ้าระห่ำ เกิดอะไรขึ้น หรือว่าเป็นเพราะข้า…?
ในใจของนางเต็มไปด้วยความสุขเจือความกังวล
ซ่างหงพ่นลมหายใจและกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่สอนบทเรียนให้เจ้าในวันนี้ เจ้าคงหลงผิดคิดว่าจะรังแกตระกูลซ่างของข้ายังไงก็ได้!”
หลังจากสิ้นประโยค ซ่างหงก็โบกมือ เหล่าพลธนูปรากฏตัวขึ้นบนหลังคาโดยรอบ พวกเขาทั้งหมดง้างคันธนูไปทางซูอันและกองทัพผ้าคลุมสีชาด
หลังจากที่ถูกกองทัพผ้าคลุมสีชาดทำให้ขายหน้าก่อนหน้านี้ เขาจะไม่ดำเนินการหาแผนเตรียมรับมือได้อย่างไร?
เมื่อซ่างเชียนติดต่อกับกองทหารลาดตระเวนลำน้ำ เขาก็แอบเรียกรวมคนของตัวเองที่รออยู่บริเวณใกล้ ๆ
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่ซูอันเผชิญอยู่ เจิ้งตานก็ไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้อีกต่อไป “ท่านพ่อสามี วันนี้เป็นวันสำคัญของตานเอ๋อร์ มันจะไม่เป็นมงคลจริง ๆ ถ้ามีเหตุการณ์เลือดตกยางออก!”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นตกตะลึงกับคำพูดของเจิ้งตาน แม้ว่ามันจะฟังดูสมเหตุสมผล แต่นางรู้สึกว่าเจิ้งตานกำลังพูดเพื่อช่วยซูอันอย่างแน่นอน!
ซ่างหงขมวดคิ้ว คำพูดของลูกสะใภ้ของเขาทำให้เขาหยุดชะงัก
ขณะที่เขากำลังลังเล ประตูคฤหาสน์กลับเปิดออก และมีเสียงแหลมดังขึ้น “พระราชโองการมาถึงแล้ว!”
ทุกสายตาหันไปทางประตูซึ่งเป็นต้นเสียงประกาศว่ามีพระราชโองการมาถึง เสียงดังอื้ออึงจากบทสนทนาทั้งหลายดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไมราชโองการถึงมาในเวลานี้?”
“เจ้าโง่หรือเปล่า ท่านซ่างเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิและจักรพรรดินี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ราชสำนักจะส่งคนมาแสดงความยินดี ใครจะไปรู้ แม่นางเจิ้งอาจโชคดีได้รับตำแหน่งอะไรสักอย่างก็ได้!”
“แม้ว่าตระกูลเจิ้งจะเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองจันทร์กระจ่างมาโดยตลอด แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นตระกูลพ่อค้าที่ไม่มีสถานะมากนัก เรื่องนี้จะทำให้สถานะของพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล!”
…
ซ่างเชียนยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ “ท่านพ่อ องค์จักรพรรดิส่งความยินดีมาจริง ๆ งั้นเหรอ?”
ซ่างหงไม่ตอบ จากสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับนิสัยของจักรพรรดิ งานมงคลสมรสของลูกชายเขาไม่สมควรได้รับความสนใจจากพระองค์
จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าพระราชโองการที่มาถึงเวลานี้ดีหรือไม่ดี
ในไม่ช้า ทหารกลุ่มหนึ่งที่ดูภาคภูมิก็เข้ามา เห็นได้ชัดว่าการประจำการอยู่ในเมืองหลวงทำให้พวกเขารู้สึกเหนือกว่าเหล่าผู้คนในเมืองจันทร์กระจ่าง
ทหารเหล่านี้แยกออกเป็นสองแถวอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นชายสูงอายุที่สวมชุดเครื่องแบบขุนนางระดับสูงก็ค่อย ๆ เดินเข้ามา พร้อมกับถือม้วนกระดาษสีเหลืองสดใส
ชายคนนี้มีผมสีขาวเต็มศีรษะ แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงวัยชรา ตรงกันข้าม เขากลับดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
สายตาที่เฉียบคมของเขากวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ ซูอันขมวดคิ้ว ดูเหมือนสถานะของบุคคลนี้จะยิ่งใหญ่กว่าหลิวเหย่าซะอีก!
ข้าง ๆ เขา เซี่ยเต๋าอวิ๋นร้องด้วยความตกใจ “ท่านอ๋องเดินทางมาเองเลยเหรอ?!” นางจำตัวตนของชายผมขาวได้จากเครื่องแต่งกาย