บทที่ 636 ราชโองการ
บทที่ 636 ราชโองการ
“อ๋อง?” ดวงตาของซูอันหรี่ลง อย่างไรก็ตาม ในโลกนี้ ความเป็นอ๋องไม่ได้ถูกกำหนดโดยสายเลือดเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเพียงข้อกำหนดเบื้องต้นข้อหนึ่งเท่านั้น
ประการที่สองคือ บุคคลนั้นต้องมีการบ่มเพาะถึงระดับปรมาจารย์!
เขาเริ่มสงสัยว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน ระหว่างชายผู้นี้ ผู้เฒ่ามี่ หรือเว่ยต้าน?
“ซ่างคารวะท่านอ๋องเหลียง!” ซ่างหงรีบเข้าไปทักทายชายชราผมขาวทันที ในฐานะที่ตนเองเป็นขุนนางในเมืองหลวงมานาน แน่นอนว่าเขาย่อมจำบุคคลนี้ได้…
อ๋องเหลียงจ้าวอี่เป็นอาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ขั้นชื่อว่าเป็นชายผู้มีคุณธรรมและเต็มเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรี…
ซ่างหงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเรื่อย ๆ เขามีความตระหนักในตนเองดีและรู้ว่า แม้งานมงคลสมรสของเขาเองก็ยังไม่คู่ควรแก่การมาเยือนของอ๋องเหลียงเป็นการส่วนตัว นับประสาอะไรกับงานมงคลสมรสของลูกชายเขา
อ๋องเหลียงพยักหน้าให้เขา จากนั้นจึงกล่าวด้วยเสียงดังว่า “ผู้ตรวจการมณฑลหลินชวน ซ่างหง และผู้บัญชาการกองทหารลาดตระเวนลำน้ำแห่งเมืองจันทร์กระจ่าง ซ่างเชียน จงก้าวออกมารับพระราชโองการ!
“ขอองค์จักรพรรดิทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!” ซ่างหงและซ่างเชียนต่างตกใจ พวกเขาคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วเพื่อรับพระราชโองการ
อ๋องเหลียงคลี่พระราชโองการด้วยสีหน้าเย็นชาและเริ่มอ่านเนื้อหา “องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง…โดยอ้างชื่อเบื้องสูง บิดาและบุตรของตระกูลซ่างใช้อำนาจอย่างมิชอบ เป็นผลให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายในราชสำนัก นับแต่นี้ไป ตำแหน่งราชการจะถูกริบ ให้รีบคุมตัวกลับเมืองหลวงทันที!”
ซูอันไม่เข้าใจคำแปลก ๆ บางคำที่ใช้ในพระราชโองการ แต่เขาเข้าใจผลลัพธ์ของคำสั่งนี้!
ใบหน้าของชายหนุ่มเผยรอยยิ้ม ภรรยาของเขาเป็นที่พึ่งพาได้จริง ๆ พระราชโองการฉบับนี้ถูกส่งออกมาได้เวลาเหมาะเจาะมาก!
ตอนแรกเขาเป็นกังวลว่าจะใช้เวลาอีกสองสามวัน ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นเจิ้งตานและซ่างเชียนคงจะแต่งงานกันแล้ว และมันคงจะสายเกินไป!
เกิดความโกลาหลขึ้นทันทีเมื่อทุกคนที่อยู่โดยรอบเข้าใจเนื้อหาของพระราชโองการ
เกิดอะไรขึ้น?!
ซ่างหงถูกจักรพรรดิส่งมาไม่ใช่หรือ? อำนาจของเขาดูไร้ขอบเขตเมื่อวินาทีที่แล้ว แต่ทำไมตอนนี้จู่ ๆ กลับถูกปลดจากตำแหน่งแถมยังถูกปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากรอีกต่างหาก?
คนที่ตกใจมากที่สุดคือซ่างเชียนอย่างไม่ต้องสงสัย เขากำลังรอการอำนวยพรของจักรพรรดิด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า จินตนาการว่าเขาจะคุยโม้กับทุกคนในแวดวงของเขาถึงเรื่องราวคราวนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่ใครจะคาดคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นราวกับฝันร้ายแบบนี้?!
ช่องขนาดใหญ่ระหว่างความคาดหวังของซ่างเชียนกับความเป็นจริงที่โหดร้ายขนาดนี้ทำให้มึนงง “ไม่! เป็นไปไม่ได้! ของปลอมแน่นอน พระราชโองการปลอม!”
เขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไปและเริ่มตะโกน
อ๋องเหลียงขมวดคิ้ว พูดอย่างเย็นชา “โอ้ เจ้ากำลังอ้างว่าคำสั่งของจักรพรรดิที่ข้าอ่านเองนั้นเป็นของปลอม?”
“มะ…ไม่! ผะ…ผู้น้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น…แต่แค่เพียง…” ความคิดของซ่างเชียนยุ่งเหยิงไปหมด “เราตระกูลซ่างรับใช้องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีอย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอด! แต่ทำไมขณะนี้เราจึงถูกลงโทษ? แบบนี้มันไร้เหตุผล มันต้องมีบางอย่างผิดพลาด ใช่! เข้าใจผิด! เป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ ๆ!”
น้ำเสียงของอ๋องเหลียงเยือกเย็น “เจ้ากำลังสงสัยในการตัดสินใจของฝ่าบาทงั้นเหรอ?”
ซ่างเชียนอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่พ่อของเขาหยุดเอาไว้ จากนั้น ซ่างหงก็ถามว่า “แม้ข้าจะรู้สึกถึงลางร้ายตั้งแต่แรก แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเลวร้ายขนาดนี้ ท่านอ๋องเหลียง ซ่างผู้นี้ยังค่อนข้างสับสน ท่านช่วยบอกได้หรือไม่ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?”
อ๋องเหลียงหัวเราะเบา ๆ “ท่านซ่างจะเข้าใจเมื่อกลับไปที่เมืองหลวง”
ซ่างหงรู้สึกขุ่นเคือง เขาอุทิศตัวรับใช้สำนักมานาน เขาย่อมคาดหวังน้ำใจจากอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กลับดูคล้ายว่าอ๋องเหลียงกำลังเหยียบย่ำพวกเขาซ้ำในขณะที่พวกเขาล้มลง!
ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครั้งที่เขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีกรมพระคลัง เขาเคยตัดสินคดีเกี่ยวกับข้ารับใช้ของอ๋องเหลียง เขาตัดสินคดีนั้นอย่างเป็นกลาง ไม่แสดงความเอนเอียงเข้าข้างอ๋องเหลียง เรื่องนั้นคงเป็นเหตุให้อ๋องเหลียงผิดใจและใช้โอกาสนี้เป็นการแก้แค้น?
จักรพรรดิรู้ดีเกี่ยวกับความแค้นนี้แต่ก็จงใจส่งเขามา เป็นไปได้ไหมว่าข้า ซ่างหง หมดประโยชน์แล้ว?
อ๋องเหลียงเยาะเย้ยเมื่อเห็นสีหน้ามืดหม่นของซ่างหง เขาโบกมือและสั่ง “จับกุมทุกคนที่เกี่ยวข้อง!”
กลุ่มทหารที่หยิ่งผยองพุ่งเข้าหาสมาชิกของตระกูลซ่างทันทีที่ได้รับคำสั่ง
เหตุการณ์ที่วุ่นวายอย่างกะทันหันทำให้ซ่างหงได้สติหลังจากอาการงุนงงง เขาพูดด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่นว่า “วันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกชายข้า อย่างน้อย ๆ ท่านช่วยปล่อยให้พวกเขาทำส่วนสุดท้ายของพิธีให้เสร็จได้หรือไม่?”
“ลูกชายของท่านกำลังจะเข้าพิธีสมรส?” อ๋องเหลียงมองเจิ้งตานที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ นางสวมชุดแต่งงานที่สวยงามบ่งบอกฐานะเจ้าสาวในทันที “ในเมื่อเจ้าแต่งงานแล้ว ก็ถือว่าเป็นสมาชิกตระกูลซ่าง เจ้าจะต้องถูกพาตัวไปตามพระประสงค์ของจักรพรรดิเช่นกัน!”
ซ่างหงรู้สึกราวกับว่าถูกถังน้ำเย็นเทลงบนหัวของเขา การที่อ๋องเหลียงจับเจ้าสาวคนใหม่ไปด้วยเช่นนี้ มันไม่ได้หมายความว่าจักรพรรดิต้องการประหารทั้งตระกูลลงไปถึงรุ่นที่สามหรอกเหรอ?
เขารู้ดีว่าจักรพรรดิเป็นคนแข็งกร้าวและไร้ความปรานีมาโดยตลอด เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตัวเขาเองก็ไม่ต่างอะไรกับดาบขององค์จักรพรรดิที่คอยทำหน้าที่กำจัดทุกคนที่พระองค์ไม่พอพระทัย
แต่ด้วยผลงานที่เขาเคยทำให้พระองค์มามากมาย เขาจึงหวังว่าพระองค์จะทรงเมตตา เห็นในคุณงามความดีของเขา เมตตาต่อเขามากกว่าผู้คนอื่น หรืออย่างน้อย ๆ ก็ปล่อยให้เขาอยู่อย่างสุขสบายไปอีกสักสองสามทศวรรษก่อนจะให้เขาเกษียณงานไป
แต่ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ แถมองค์จักรพรรดิไม่ปรานีเขาเลยแม้แต่น้อย!
ในขณะที่ซ่างหงรู้สึกเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็น สมาชิกของตระกูลเจิ้งก็ตื่นตระหนก พวกเขาคิดว่าพวกเขาพบผู้อุปถัมภ์ที่ดีและในที่สุดพวกเขาก็กำลังจะปีนขึ้นไปถึงสังคมระดับบน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขากลับต้องเผชิญกับหายนะที่กำลังจะนำไปสู่การถูกกวาดล้างตระกูลจนสิ้นซาก!
เจิ้งอวี้ถังรีบวิ่งออกมาและกล่าวว่า “คะ…คารวะท่านอ๋องเหลียง เรากำลังถูกเข้าใจผิด เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการสมรู้ร่วมคิดกับตระกูลซ่าง เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่งานมงคลสมรสครั้งนี้ก็ยังถูกตระกูลซ่างใช้อำนาจบีบบังคับ! พวกเราเองก็ตกเป็นเหยื่อ!”
ซ่างหงตกตะลึงอย่างไม่เชื่อหู แม้แต่ซ่างเชียนก็โกรธจัด “ไอ้แก่ไร้ยางอาย ใครกันที่ขอให้เรายอมรับงานมงคลสมรสครั้งนี้ กล้าดียังไงมาว่าร้ายตระกูลข้า!?”
เจิ้งอวี้ถังกล่าวทันทีว่า “ทุกคนดูเอาเถิด! ข้าควรจะเป็นพ่อตาของเขา แต่ตอนนี้เขากลับพูดกับข้าโดยไม่แสดงความเคารพใด ๆ เลย! ใครก็สามารถจินตนาการได้ง่าย ๆ ว่าตระกูลเจิ้งของเราได้รับการปฏิบัติอย่างอยุติธรรม! ท่านอ๋องเหลียง โปรดให้ความยุติธรรมแก่พวกเราด้วย!”
แขกคนอื่น ๆ ทุกคนมีสีหน้าที่แปลกประหลาด ก่อนหน้านี้ ตระกูลเจิ้ง คุยโวเกี่ยวกับงานมงคลสมรสที่จะเกิดขึ้นกับตระกูลซ่างไปทั่ว สมาชิกทุกคนในตระกูลตั้งแต่ผู้นำตระกูลไปจนถึงคนรับใช้ต่างเต็มไปด้วยความสุข
แต่แน่นอนว่าทุกคนเข้าใจชัดเจนว่าการล่มสลายอย่างกะทันหันของตระกูลซ่างทำให้ไม่มีใครต้องการจะเกี่ยวดองกับพวกเขา!