บทที่ 637 เจ้าคือนายน้อยของตระกูลฉู่?
บทที่ 637 เจ้าคือนายน้อยของตระกูลฉู่?
“พอได้แล้ว!” อ๋องเหลียงตวาดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ เขาหันไปจ้องเจิ้งตานอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้าทำพิธีมงคลสมรสกับตระกูลซ่าง เราจะถือว่าเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซ่างไปเรียบร้อย เจ้าจะถูกพากลับไปที่เมืองหลวง ส่วนการตัดสินโทษ เสนาบดีกรมยุติธรรมและผู้ตรวจสอบขององค์จักรพรรดิจะเป็นผู้ตัดสิน”
ทุกคนในตระกูลเจิ้งหน้าซีด หากเป็นเจิ้งตานเพียงคนเดียวพวกเขาก็ไม่หนักใจนัก อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็กลัวว่าตระกูลซ่างจะล่วงเกินจักรพรรดิอย่างรุนแรง ผลที่ตามมาจะไปไกลกว่าชีวิตของเจิ้งตาน แต่อาจนำไปสู่การประหารชีวิตของคนทั้งตระกูล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับอ๋องซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ ตระกูลเจิ้งที่ไม่สำคัญอะไรก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้าน
ทหารหลายคนเดินไปหาเจิ้งตานพร้อมโซ่ตรวน
ร่างกายของเจิ้งตานสั่น สมองของนางว่างเปล่าไปนานแล้ว…
นางเลือกที่จะเสียสละความสุขของตัวเองและตกลงที่จะแต่งงาน ทั้งหมดเป็นเพราะตระกูลเจิ้ง!
แต่ตอนนี้ การแต่งงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่ไม่ส่งผลดีต่อตระกูลเจิ้งแต่ยังทำให้ตระกูลเจิ้งตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของบิดาทำให้นางอับอายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่านางจะรู้ว่าเขาทำลงไปเพื่อเห็นแก่ตระกูลเจิ้ง แต่ชื่อเสียงของพวกเขาหลังจากนี้ย่อมย่อยยับแม้ว่าจะผ่านวิกฤตไปได้อย่างปลอดภัยก็ตาม
นางขมวดคิ้วเมื่อเห็นทหารกำลังมาจับนาง นางเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มอาชญากรที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ในโลกใต้ดินอย่างกลุ่มวาฬ เป็นธรรมดาที่นางจะรู้สึกไม่ยินยอม อย่างไรก็ตาม นางตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าแม้ว่าตัวเองจะหนีรอดไปได้ แต่สมาชิกคนอื่นของตระกูลเจิ้งจะไม่มีชะตากรรมที่ดีแบบนาง
ยิ่งกว่านั้น อ๋องเหลียงเป็นผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้นางหนีไปได้…
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ก้าวเข้ามาขวางทางของเหล่าทหารที่กำลังเข้ามาหานาง “ช้าก่อน”
แม้ว่านางจะมองเห็นแค่ด้านหลังของเขาแต่ก็ยังจำคนคนนี้ได้ นางย่อมคุ้นเคยกับร่างกายของชายคนที่นางรัก…
“เจ้าเป็นใคร?” อ๋องเหลียงมองเขาด้วยแววตาดูหมิ่น เป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับห้า ช่องว่างระหว่างเขากับคนหนุ่มผู้นี้กว้างพอ ๆ กับระยะห่างระหว่างเมฆกับพื้นดิน
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ข้ามีเหตุผลของข้า” ซูอันตอบ
ในใจของเซี่ยเต๋าอวิ๋นเย้ยหยัน นี่เจ้ายังกล้ายืนยันอีกเหรอว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้าสองคน?!
ก่อนหน้านี้อาจเป็นแค่การคาดเดาแต่ตอนนี้นางมั่นใจแล้ว…
ตระกูลเจิ้งและตระกูลฉู่เป็นศัตรูกัน ส่วนซูอันและตระกูลซ่างก็เกลียดชังกันเช่นกัน ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะพูดเพื่อเจิ้งตานในตอนนี้
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้จะไม่งามนัก เซี่ยเต๋าอวิ๋นก็ยังอดชื่นชมซูอันไม่ได้ที่เขากล้าก้าวออกมาพูดกับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ หากนางเป็นเขา นางคงไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว
อ๋องเหลียงเย้ยหยัน “เหตุผล? เจ้าพูดถึงเหตุผลอะไร?”
แม้แต่คู่พ่อลูกจากตระกูลซ่างก็มองมาที่ซูอัน ทั้งสองไม่รู้ว่าทำไมศัตรูถึงพูดแทนพวกเขาในเวลาเช่นนี้
ซูอันกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ท่านกล่าวว่าแม่นางเจิ้งเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซ่าง แต่ขออภัยด้วยที่ข้าขอคิดต่าง มีแขกหลายร้อยคนที่นี่ และทุกคนก็เห็นว่าแม่นางเจิ้งและซ่างเชียนเพียงไหว้ฟ้าดินและบิดามารดา ทั้งสองคนยังไม่ได้คำนับต่อกัน พูดกันตรง ๆ คือการสมรสยังไม่สมบูรณ์ พวกเขายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน ด้วยเหตุนี้ แม่นางเจิ้งจึงไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซ่าง และทางด้านตระกูลเจิ้งก็ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจกับการสมรสครั้งนี้เช่นกัน ผู้นำตระกูลเจิ้ง ข้าพูดถูกต้องแล้วใช่ไหม?”
เจิ้งอวี้ถังพยักหน้าทันทีและพูดว่า “เจ้าพูดถูก ๆ ลูกสาวของข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่างเชียนแม้แต่น้อย! หากไม่ถูกบังคับ นางก็ไม่มีทางยินยอมแน่!”
“เจ้า!” ซ่างเชียนโกรธจนแทบหัวระเบิด ตระกูลซ่างประสบโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่แต่ตระกูลเจิ้งยังคงเตะซ้ำในขณะที่พวกเขาล้มลง!
เขาอดไม่ได้ที่จะมองตระกูลเจิ้งและซูอันด้วยสายตาที่เกลียดชัง
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
อ๋องเหลียงพูดอย่างเย็นชาว่า “นางจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซ่างหรือไม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะมาตัดสินใจ และยิ่งไปกว่านั้น พิธีมงคลสมรสนี้ถูกจัดขึ้นขนาดนี้แล้ว แม้มีเพียงขั้นตอนสุดท้ายที่ขาดหายไป นางก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซ่างไปแล้ว!”
ซูอันขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ไม่มีเจตนาที่จะปล่อยเจิ้งตาน และจากสถานะของตระกูลเจิ้ง ไม่มีทางที่พวกเขาจะขัดขืนต่ออ๋องได้ แต่สิ่งนี้ทำให้ซูอันเข้าใจเรื่องราวได้คร่าว ๆ อ๋องเหลียงน่าจะมีความแค้นต่อตระกูลซ่าง จึงวางแผนที่จะทำลายล้างทั้งตระกูล!
เขาอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองซ่างหงและลูกชาย ชายหนุ่มคิดว่ามีเพียงตระกูลฉู่เท่านั้นที่เกลียดชังพ่อลูกตระกูลซ่าง แต่กลับกลายเป็นว่ามีคนอีกมากมายที่เกลียดชังทั้งสองเช่นกัน!
สถานการณ์เริ่มจัดการยากขึ้น ตอนนี้เขาจะช่วยเจิ้งตานได้อย่างไร?
ข้าควรจะบอกทุกคนว่านางเป็นผู้หญิงของข้าหรือไม่?
แต่นั่นมันเสี่ยงเกินไป! ข้าอาจจะได้คะแนนเพิ่มจากไอ้โง่ซ่างเชียนคนนั้น แต่ข้าก็อาจจะยังไม่สามารถช่วยเจิ้งตานได้ แถมชื่อเสียงของเราทั้งคู่ก็คงพังพินาศไปเช่นกัน…
เสียงของเจิ้งตานดังขึ้นในหูของเขาผ่านการส่งกระแสพลังชี่ “อาซู เจ้าจะให้พวกเขารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ ไม่มีทางที่ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ถ้าเจ้าทำอย่างนั้น ข้ายอมตายดีกว่าทำให้ตระกูลของข้าอับอาย!”
ซูอันตกตะลึง
สาวน้อย เจ้าอ่านใจผู้คนได้หรือยังไงกัน? เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าคิดอะไรอยู่?
ซ่างเชียนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ซูอัน ทำไมเจ้าถึงมายุ่มย่ามกับภรรยาของข้าเรื่อย ๆ เจ้าสองคนมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่!?”
ซูอันมองมาที่เขา ข้าบอกเจ้าได้…แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะอยากฟังหรือเปล่า?…
อย่างไรก็ตาม เขายังคงเลือกเคารพการตัดสินใจของเจิ้งตาน “หัวของเจ้ามันมีแต่ขี้เลื่อยหรือไงกัน? แม่นางเจิ้งเป็นลูกศิษย์ของข้า ข้าเลยไม่อยากเห็นนางต้องเดือดร้อน! ถ้าเจ้ายังมีสามัญสำนึกไม่อยากให้แม่นางเจิ้งเดือดร้อนไปกับเจ้าด้วยก็จงหุบปากซะ สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่ตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับเจ้าอยากลากให้นางลงนรกไปกับเจ้าด้วย!”
แขกรอบข้างเริ่มกระซิบกระซาบ พวกเขามองซ่างเชียนด้วยท่าทางแปลก ๆ
ซูอันพูดเพื่อตระกูลเจิ้ง ทั้ง ๆ ที่ตระกูลฉู่และตระกูลเจิ้งเป็นศัตรูกันมาช้านานแล้ว แต่กลับกัน ซ่างเชียนที่ดูเป็นมิตรต่อตระกูลเจิ้งมาโดยตลอด ตอนนี้กลับกลายเหมือนต้องการลากตระกูลเจิ้งลงเหวไปกับเขาด้วย
ทำไมผู้ชายสองคนนี้ถึงแตกต่างกันได้มากขนาดนี้?
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาที่ดูแคลน ซ่างเชียนรู้สึกเหมือนว่าปอดของเขากำลังจะระเบิด ข้าอยากอยู่กับภรรยาตัวเองมันผิดตรงไหน!? ทำไมพวกเจ้าถึงทำอย่างกับไอ้สารเลวนี่เป็นวีรบุรุษ เพียงเพราะมันพูดไม่กี่คำ?!
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
ทันใดนั้น เสียงของอ๋องเหลียงก็ดังขึ้น “ซูอัน? เจ้าเป็นนายน้อยของตระกูลฉู่?”
ซูอันตอบรับอย่างรวดเร็วเมื่อเขารู้สึกว่าการจ้องมองของอ๋องเหลียง เปลี่ยนมาทางเขา “ใช่ ข้าเอง ซูอันขอคารวะท่านอ๋องเหลียง”
เนื่องจากอ๋องเหลียงผู้นี้ต้องการกำจัดตระกูลซ่างจริง ๆ ซูอันจึงสันนิษฐานว่าอีกฝ่ายอาจเป็นหนึ่งในขุนนางคนสำคัญที่ถูกบันทึกชื่อไว้ในสมุดบัญชีของตระกูฉู่
ฉู่ชูเหยียนไปที่เมืองหลวงเพื่อข่มขู่ขุนนางเหล่านั้น ดังนั้น อ๋องเหลียงอาจมาที่นี่เพราะการกระทำของนาง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการสุภาพขึ้นอีกหน่อยจึงไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
“ดี ดี” อ๋องเหลียงยิ้มขณะลูบเคราของเขา “ข้ากำลังมองหาเจ้า แต่เจ้ากลับปรากฏอยู่ตรงหน้าข้าเอง จับเขาด้วย!”