บทที่ 638 คลื่นลมเปลี่ยนทิศ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 638 คลื่นลมเปลี่ยนทิศ

บทที่ 638 คลื่นลมเปลี่ยนทิศ

ซูอันตกตะลึงทันที เจ้าว่าไงนะ!?

คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อสักครู่นี้ทั้งสองยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย จู่ ๆ เหตุไฉนพวกเขากลับกลายเป็นศัตรูกันได้เร็วขนาดนี้?

เจิ้งตานไม่สามารถอดกลั้นตัวเองต่อไปได้ และดึงผ้าคลุมหน้าออก “เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว เขาพูดเพียงไม่กี่คำเพื่อประโยชน์ของข้า! ทำไมเขาถึงต้องถูกลงโทษด้วย?” นางพูดอย่างไม่ยินยอม

เซี่ยเต๋าอวิ๋นกำลังจะพูดแทนซูอันเช่นกัน แต่นางก็เงียบทันที เจิ้งตาน พูดทุกอย่างที่นางต้องการจะพูดแล้ว

สองคนนี้น่าสนใจจริง ๆ

ทั้งสองคนสนิทกันถึงขนาดนี้ แต่นางไม่เคยได้รู้เรื่องอะไรเลย…

“เจ้าสาวงดงามจริง ๆ!”

“แม่นางเจิ้งสวยสมกับได้รับชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในสาวงามที่สุดของเมืองจันทร์กระจ่าง ยิ่งใส่ชุดสีแดงของเจ้าสาวยิ่งงดงามยิ่งนัก”

“น่าเสียดายที่นางกลายเป็นภรรยาของผู้ต้องโทษ ข้าสงสัยว่านางจะถูกส่งไปที่ซ่องหลวงหรือเปล่า?”

“ฝันไปเถอะ! ต่อให้ผู้หญิงอย่างนางต้องลงเอยด้วยการเป็นคณิกาหลวง มันจะมีแต่คนระดับบนสุดเท่านั้นที่จะได้เชยชมตัวของนาง คนอย่างข้ากับเจ้าลืมมันไปได้เลย!”

แม้ว่าพวกเขาจะกระซิบกันเบา ๆ แต่คำพูดของพวกเขาก็ไม่สามารถหลุดลอดจากหูของผู้บ่มเพาะได้ ดวงตาของซ่างเชียนกระตุกอย่างรุนแรง ไอ้พวกนี้มักจะปฏิบัติต่อข้าด้วยความเคารพอย่างมากก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ พวกมันกล้าที่จะจินตนาการถึงภรรยาของข้างั้นเหรอ!?

อย่างไรก็ตาม มีอย่างอื่นที่ทำให้เขาโกรธมากขึ้น เจิ้งตานไม่ได้พูดอะไรแทนตระกูลซ่าง แต่นางเลือกที่จะพูดเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับซูอัน?

อีกทั้งในตอนนี้ นางถึงขนาดถอดผ้าคลุมหน้าออกด้วย!

ตามธรรมเนียมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสามารถถอดได้เฉพาะในห้องหอเท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง!

ซ่างเชียนมองซูอันแล้วกลับมามองที่เจิ้งตาน ความสงสัยของเขาเพิ่มขึ้น โชคไม่ดี ที่ขณะนี้ไม่มีทางที่จะยืนยันข้อสงสัยของเขาได้!

ทันใดนั้นชายหนุ่มก็จำหมวกสีเขียวที่ซูอันมอบให้ได้ เขาโกรธมากจนถอดมันออกแล้วปาลงไปกับพื้น กระทืบมันไว้ใต้เท้าของเขา

ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +357!

ทุกคนสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของซ่างเชียน และเริ่มถามกันอย่างสงสัย

“ทำไมเขาดูโกรธขนาดนี้?”

“หมวกสีเขียวมีความหมายบางอย่างงั้นเหรอ?”

ซูอันไม่สามารถใส่ใจกับเรื่องทั้งหมดได้ในตอนนี้ เขาจ้องไปที่อ๋องเหลียงและรอคำตอบ

อ๋องเหลียงหัวเราะเบาๆ “เขาไม่ได้ถูกลงโทษที่พูดแทนเจ้า แต่ความผิดของเขานั้นรุนแรงกว่ามาก เขาบังอาจขโมยสิ่งที่เป็นขององค์จักรพรรดิไป!”

ซูอันเริ่มสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน สมองของเขาคิดไปว่าชายชราคนนี้กำลังพยายามปั้นน้ำเป็นตัว หาเรื่องใส่ร้ายตัวเขา

ข้าไม่เคยไปเมืองหลวงมาก่อนด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการขโมยของที่เป็นของจักรพรรดิ!

อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง ความทรงจำเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างเว่ยต้านและผู้เฒ่ามี่ผุดขึ้น

ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่ามี่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำคนกลุ่มหนึ่งออกตามหา ‘วิชาวัฏจักรหงส์อมตะ’ แต่ต่อมาผู้เฒ่ามี่ถูกความโลภของครอบงำ เก็บวิชาเอาไว้ซะเองและฆ่าคนอื่น ๆ จากนั้นก็ปกปิดทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งกลุ่มเสียชีวิตทั้งหมด ก่อนที่จะมาซ่อนตัวที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่

โชคไม่ดีที่โลกนี้ไม่มีความลับที่เที่ยงแท้ ราชสำนักยังคงได้รับเบาะแส และส่งเว่ยต้านมาสอบสวน

อย่างไรก็ตาม เว่ยต้านได้ตายไปแล้วและไม่ได้รับรู้ว่าซูอันครอบครอง วิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ก่อนที่จะเสียชีวิต ถ้าอย่างนั้นราชสำนักรู้ได้อย่างไร?

หรือเป็นเพราะอย่างอื่น?

ชายหนุ่มเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ไม่ว่าความลับของเขาจะถูกล่วงรู้ได้อย่างไรมันก็ไม่สำคัญแล้ว เขาไม่มีทางยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้คนจับไปได้ตามอำเภอใจ

เมื่อทหารปรากฏตัวต่อหน้าเขาพร้อมกับโซ่ตรวน ร่างของซูอันก็หายวับไปในพริบตา ไปปรากฏอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปหลายจั้ง

อ๋องเหลียงหรี่ตาลง “เจ้ากล้ามาก! กล้าขัดขืนพระราชโองการ ตระกูลฉู่ ทุกวันนี้กำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้ว!”

ซูอันกลัวว่าตระกูลฉู่จะถูกลากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำของเขา ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง “ข้าคือตัวข้าเอง ส่วนตระกูลฉู่ก็คือตระกูลฉู่ การกระทำของข้าไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลฉู่ อย่าได้เหมารวม!”

อ๋องเหลียงเยาะเย้ย “เจ้ากล้าหาญดี แต่น่าเสียดาย ทุกคนที่ต่อต้านพระราชโองการนั้นถือเป็นกบฏ!”

เซี่ยเต๋าอวิ๋นรีบวิ่งออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วในขณะที่อ๋องเหลียงกำลังจะออกคำสั่งอื่น “ท่านอ๋องที่เคารพ มีเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่? จากสิ่งที่ข้ารู้ ซูอันไม่เคยออกจากเมืองจันทร์กระจ่างมาตลอดชีวิต นับประสาอะไรกับการไปที่เมืองหลวง แล้วไปขโมยสมบัติขององค์จักรพรรดิได้อย่างไร?”

คนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานต่างก็สับสนเหมือนกัน ซูอันเป็นเพียงลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลฉู่ เป็นเพียงเด็กจากข้างถนน เขาจะไปขโมยของจากจักรพรรดิได้อย่างไร?

แม้แต่ซ่างหงก็งุนงง เขามีความเข้าใจชัดเจนว่าระดับการบ่มเพาะขององค์จักรพรรดินั้นน่ากลัวเพียงใด อย่าว่าแต่ซูอันเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถขโมยของแม้แต่ชิ้นเดียวจากจักรพรรดิได้ เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมคนอย่างซูอันถึงถูกกล่าวหาเช่นนี้?

การปรากฏตัวของเซี่ยเต๋าอวิ๋นนั้นถูกจังหวะมาก และด้วยคำพูดของนางที่ดูใสซื่อไร้การปรุงแต่ง รวมไปถึงการแต่งกายไม่ธรรมดา มันดึงดูดความสนใจของอ๋องเหลียงได้อย่างดี “เจ้าคือ…?”

“ผู้น้อยคือเซี่ยเต๋าอวิ๋น พ่อของข้าคือเจ้าเมืองจันทร์กระจ่างเซี่ยอี้” เซี่ยเต๋าอวิ๋นตอบกลับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม

“อ้อ เจ้าคือคุณหนูเซี่ยนี่เอง” สีหน้าของอ๋องเหลียงผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาจำได้ว่านางเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้เป็นชายาขององค์รัชทายาท “เกิดอะไรขึ้น เจ้าเมืองเซี่ยต้องการข้องแวะกับอาชญากรผู้นี้งั้นหรือ?”

เซี่ยเต๋าอวิ๋น รีบพูดว่า “ย่อมไม่ ข้าแค่อยากถามเพื่อคลายข้อสงสัยของทุกคน การอ้างว่าซูอันได้ขโมยของบางอย่างที่เป็นของจักรพรรดินั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนคิดไม่ถึง ข้ากลัวว่าคนทั่วไปจะไม่เชื่อ หวังว่าท่านอ๋องเหลียงจะบอกเราได้ว่าเขาขโมยอะไรไป”

ซูอันถอนหายใจ แม่นางเซี่ยใจดีจริง ๆ พวกเขาเพิ่งพบกันไม่กี่ครั้ง แต่นางก็เต็มใจพูดแทนเขาในช่วงเวลาวิกฤตนี้

เจิ้งตานมองเซี่ยเต๋าอวิ๋นด้วยความสงสัย แม้ว่าเพื่อนสนิทของนางจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างใจกว้าง แต่นางก็รู้ว่าเซี่ยเต๋าอวิ๋นเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเฉียบแหลม นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเพื่อนของนางผู้นี้ถึงยอมเสี่ยงช่วยซูอันทั้งที่ไม่ได้สนิทสนมกัน

ช่างเถอะ…ค่อยหาคำตอบเรื่องนี้ในภายหลัง ตอนนี้ยิ่งมีคนช่วยซูอันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

อ๋องเหลียงถอนหายใจ “เกรงว่าจะไม่ได้ เรื่องนี้เป็นความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ข้าคงต้องขอให้แม่นางเซี่ยถอยออกไป ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากรเช่นกัน”

“เป็นความลับ?” ดวงตาของซ่างหงหรี่ลง เขาดูหม่นหมอง