บทที่ 614 ไอ้เดรัจฉานนั่นมันกลั่นแกล้งสตรีบริสุทธิ์

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 614 ไอ้เดรัจฉานนั่นมันกลั่นแกล้งสตรีบริสุทธิ์

บทที่ 614 ไอ้เดรัจฉานนั่นมันกลั่นแกล้งสตรีบริสุทธิ์

ภายในสำนักจันทราศักดิ์สิทธิ์มีเสียงเตือนดังขึ้น

ไม่รู้ว่าใครภายในกลุ่มทำภารกิจจากโลกแดนเซียนแจ้งข่าวให้กองกำลังรักษาความปลอดภัยของเมืองทราบ ในไม่ช้า กองทหารก็ขี่วัตถุเวทเคลื่อนย้ายเข้ามาภายในสำนักและล้อมรอบโรงฝึก

บางคนที่อาศัยอยู่ใกล้กับสำนัก พร้อมทั้งอาจารย์และผู้ฝึกตนบางคนที่ยังอาศัยอยู่ภายในยื่นศีรษะออกมามุงดูสถานการณ์ด้วยความตื่นเต้น และเวลานี้กองกำลังรักษาความปลอดภัยปิดล้อมทุกทางแยกที่เข้าถึงโรงฝึกภายในสำนักแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามารบกวน

หลี่ลี่ถูกห่อด้วยผ้าห่มพร้อมกับนั่งทรุดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงฝึก ก่อนสตรีที่ช่วยเหลือนางเอาไว้จะเปิดขวดน้ำเต้าพร้อมกับยื่นให้

“ขอบคุณ”

เด็กสาวผมสีเกาลัดยังมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า นางรับขวดน้ำพร้อมกล่าวขอบคุณเบา ๆ

“ด้วยความยินดี”

สตรีผู้มากความสามารถยังเปิดขวดน้ำให้กับตนเอง พร้อมกับยกดื่มอย่างไม่สนใจว่าตนคือสตรี

หญิงสาวดื่มน้ำครึ่งน้ำเต้าในเวลาเสี้ยวลมหายใจเดียว ก่อนจะเหลือบมองหลี่ลี่ที่อยู่ข้าง ๆ และพบว่าเด็กสาวผมสีเกาลัดยังคงถือขวดน้ำไว้ในมือโดยไม่แตะต้องมันแม้แต่หยดเดียว อีกทั้งร่างกายของนางยังคงสั่นไม่หยุด

“ไม่ต้องกังวลแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะคอยดูแลเจ้าเอง เรารู้ว่าเจ้ายังเด็กและเป็นเรื่องเลวร้ายที่ได้เผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้ แต่อย่างไรแล้วเจ้าจะต้องตั้งสติให้มั่นคง ทุกสิ่งจะผ่านพ้นไปได้”

“ท่าน… เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนหรือไม่?”

หลี่ลี่เงยหน้ามองเซียนหญิงตรงหน้าผู้มากความสามารถ

“แน่นอน”

นางคิดอยู่สักครู่ก่อนจะพูดต่อว่า

“อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการมองดูครอบครัวถูกสังหารเมื่อข้าอายุได้ห้าขวบหรอก”

  

“…”

จู่ ๆ หลี่ลี่ก็สัมผัสได้ถึงปมที่ติดค้างในใจ มันคือความอ่อนแอที่ถูกสลักไว้ในจิตใจของนางเสมอมา

หลังจากเงียบไปนาน นางก็กล่าวถามอีกครั้ง

“แล้วเช่นนั้น สหายร่วมชั้นโม่เสวี่ยเป็นแบบเดียวกับท่านหรือไม่?”

เมื่อเซียนได้ยินชื่อนี้ นางก็เผยสีหน้าประหลาดใจ

“ข้าก็ไม่ได้โง่เขลานะพี่สาว…”

หลี่ลี่กล่าวคำเบา

“กองกำลังรักษาความปลอดภัยมาที่นี่ ไม่มีใครในหมู่พวกท่านไปที่ห้องพักอาจารย์ใหญ่เพื่อช่วยเหลือโม่เสวี่ย นั่นหมายความว่าพวกท่านไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยของนาง… นางเป็นพวกเดียวกับท่านหรือไม่?”

นางกล่าวต่อ

“เล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม? ดูเหมือนเจ้าเองก็พบเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้บ่อยครั้งหรือ?”

“ไป๋โม่เสวี่ย…”

นางไม่ทราบว่าทำไมทันทีที่หลี่ลี่เอ่ยชื่อนี้ออกมา เซียนที่อยู่ด้านข้างจึงเงียบงันเป็นเวลานาน

“เขา… อ่า คำพูดของเจ้ามันค่อนข้างอธิบายยาก ข้าไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรมากเกินไป”

เซียนครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะตอบกลับ

“เหตุใดจึงไม่ลองถามเขาเอง”

“อืม”

เมื่อเห็นว่าเซียนผู้นี้ไม่ยอมกล่าวคำ หลี่ลี่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้าลง

“หลี่ลี่”

อย่างไรก็ตาม นางและเซียนสาวยืนเงียบอยู่ไม่นาน เสียงของไป๋โม่เสวี่ยก็ดังขึ้น

หลี่ลี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเห็นหญิงสาวผมดำผู้สมบูรณ์แบบเดินนำสมาชิกของกลุ่มทำภารกิจลับเข้ามา เขาผ่านแนวกั้นสีเหลืองมาอย่างง่ายดายก่อนจะตรงเข้าหาหลี่ลี่

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อมาถึง ไป๋โม่เสวี่ยพลันกล่าวถามอย่างห่วงใย

“ข้าไม่เป็นไร”

หลี่ลี่เงยหน้าขึ้นกล่าวตอบ ก่อนจะถามกลับ

“แล้วโม่เสวี่ยเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่ต้องกังวล คนน่ารังเกียจพวกนั้นไม่อาจทำอะไรข้าได้”

ไป๋โม่เสวี่ยนั่งลงพร้อมลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างใจเย็น

“เรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว พี่สาวของข้าติดตามหัวหน้าของพวกมันไปเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องกังวล หลังจากที่มันผู้นั้นถูกจับได้ เจ้าจะปลอดภัยอย่างแท้จริง”

“อื้ม!”

ไป๋โม่เสวี่ยมองหลี่ลี่ที่ผ่อนคลายลงอย่างสบายใจ

ไป๋โม่เสวี่ยปลอบโยนนาง และโยนก้อนหินใหญ่ในหัวใจของนางทิ้งไป นอกจากนี้เขายังมั่นใจในตัวพี่สาวของตนมาก แม้การฝึกฝนของไป๋โม่เสวี่ยไม่เก่งกาจเท่านาง แต่ด้วยอำนาจพลังเทวะ ความแข็งแกร่งของผู้เป็นพี่สาวไม่อาจวัดได้ด้วยขอบเขตการฝึกฝน สุดท้ายแล้วนางยังสามารถจัดการกับผู้เป็นเซียนนั้นได้ง่ายดาย

“แต่เจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว”

ขณะที่ไป๋โม่เสวี่ยกำลังชื่นชมพี่สาวของตนอย่างลับ ๆ เสียงของไป๋ซวี่เซียงก็ดังขึ้นทำลายความคิดของเขาทันที

ทันใดนั้น ถุงเงินในกระโปรงของเขาก็ลอยออกมาหยุดอยู่กลางอากาศ มันเปิดออกก่อนจะปรากฏรูปเหมือนของครอบครัวที่ไป๋โม่เสวี่ยพกไว้ ก่อนที่ไป๋ซวี่เซียงจะปรากฏตัวออกมาจากภาพเหมือนและร่วงหล่นสู่พื้น

หลี่ลี่ตกตะลึง ส่วนสมาชิกกลุ่มทำภารกิจลับคุ้นเคยกับวิธีการของนางแล้ว

“พี่หญิง ท่านทำผิดพลาดหรือ?”

ไป๋โม่เสวี่ยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ดวงตาของไป๋ซวี่เซียงวูบไหว นางเกาแก้มด้วยท่าทีลำบากใจก่อนจะกล่าวตอบ

“อืม ไอ้เดรัจฉานนั่นมันใช้ผู้บริสุทธิ์ที่ผ่านเส้นทางเป็นเหยื่อล่อข้า”

“ดังที่ทราบนั่นคือ ผู้ฝึกตนปีศาจ”

ไป๋โม่เสวี่ยถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า

“ท่านต้องจัดการกับพวกเขาอย่างระมัดระวังแบบเดียวกับที่ท่านจัดการท่านแม่จิ่นเหยาและท่านแม่ของข้า”

“โอ้ ข้ารู้แล้วว่าข้าเหม่อลอยเกินไป อย่ากล่าวมากมายเลย คราวนี้พี่สาวยอมรับผิดแล้ว”

ไป๋ซวี่เซียงโบกมือ

“เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

ไป๋โม่เสวี่ยหยุดพูดก่อนจะหันมองหลี่ลี่

“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ยังต้องปกป้องหลี่ลี่ไปก่อนอีกสักระยะหนึ่ง”

“ถูกต้องแล้ว”

ไป๋ซวี่เซียงประสานหมัด

“หลังจากถูกข้าทุบตีไปพอสมควร ไอ้บัดซบนั่นคงไม่กล้าลงมืออีกครั้ง มันคงจะเลียแผลเน่า ๆ ของมันในท่อน้ำ! แล้วค่อยฟื้นฟูกองกำลังลับของตัวเองในโลกใบนี้อีกครั้ง ตอนนี้ข้าสั่งให้กองกำลังรักษาความปลอดภัยของโลกใบนี้กระจายการควบคุมออกไปทั่วเมือง และจับกุมเป้าหมายทุกคนที่น่าสงสัย”

“อ่า”

หลี่ลี่ได้ยินการพูดคุยของทั้งสองจึงกล่าวขัดจังหวะ

“ข้ายังไม่เข้าใจ โม่เสวี่ย… ช่วยอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้”

ไป๋ซวี่เซียงโบกมือพร้อมกล่าวต่อ

“หลังจากทุกสิ่งจบลง พวกเราจะบอกความจริงแก่เจ้า”

“แต่ข้าอยากรู้ตอนนี้!”

เด็กหญิงตัวน้อยผมสีเกาลัดกลายเป็นดื้อรั้น นางจับจ้องสองพี่น้องอย่างไม่วางตา

“เพราะตัวข้าตกเป็นเป้าหมาย อย่างน้อยข้าสมควรรู้ว่าเหตุใดข้าจึงตกเป็นเป้าหมาย หากข้าแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยและใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อน ข้าคงเป็นบ้าตายแน่!”

“พี่หญิง”

ไป๋โม่เสวี่ยกล่าวพร้อมกับหันมองหลี่ลี่

“หรือเราจะบอกนาง… อีกอย่างท่านก็ไม่ได้บอกกล่าวกับข้าว่าทำไมหลี่ลี่จึงไม่ได้รับผลกระทบจากพลังของข้าด้วย แล้วเอกลักษณ์ของนางคืออะไร? หากท่านต้องการให้เราร่วมมือกับภารกิจนี้ อย่างน้อยก็ต้องชัดเจนกับพวกเรามิใช่หรือ?”

“น้องสาวที่รัก มันไม่ใช่เรื่องของเด็กน้อย!”

ไป๋ซวี่เซียงตำหนิ

“เมื่อไม่กี่วันมานี้ นับตั้งแต่เจ้ารู้จักสาวน้อยตรงหน้า เจ้าก็เริ่มที่จะกลับกลอก!”

“ประการแรก ข้าไม่ได้กลับกลอก! แต่ข้ากำลังจะพยายามอธิบายเหตุผล!”

ไป๋โม่เสวี่ยชูสองนิ้วอย่างเคร่งขรึม

“ประการที่สอง แม้ข้าจะสวมใส่กระโปรง! แต่อย่าได้เรียกขานข้าเฉกเช่นสตรีหรือน้องสาวที่รัก!”

“เอาล่ะ พอแล้ว ข้ายอมแพ้!”

เมื่อไหร่ก็ตามที่ไป๋โม่เสวี่ยขุ่นเคือง ไป๋ซวี่เซียงจะไม่ต่อคำกับน้องชายของตน หลังจากพี่น้องสบตากันสักครู่ สุดท้ายแล้วไป๋ซวี่เซียงจึงยกมืออย่างยอมแพ้

“จะฟังข้าเล่าหรือไม่? เกี่ยวกับความจริงทั้งหมด”