บทที่ 590 พี่ใหญ่เธอดูเป็นคนเงียบ ๆ นะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 590 พี่ใหญ่เธอดูเป็นคนเงียบ ๆ นะ

บทที่ 590 พี่ใหญ่เธอดูเป็นคนเงียบ ๆ นะ

หลังกินข้าวเสร็จ เสี่ยวเถียนช่วยพี่สาวล้างจานอย่างขยันขันแข็ง แม้หลินหลินจะเอ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเป็นแขก ทั้งยังห้ามไม่ให้พวกเขาทำแต่เด็กสาวกลับบอกว่าอยากคุยด้วย

“พี่หลินหลินก็ดูซิคะ ที่บ้านมีผู้หญิงแค่สองคนเอง พี่เข้ามาในครัว แล้วหนูจะคุยอะไรกับพวกพี่ชายเขาล่ะ”

หลินหลินเห็นว่าเรื่องราวเป็นเช่นนั้นก็เข้าใจ

“งั้นมาอยู่เป็นเพื่อนพี่แล้วกันจ้ะ”

“พี่หลินหลินล้างน้ำยา ส่วนหนูล้างน้ำเปล่านะคะ” เสี่ยวเถียนไม่ใช่พวกลูกคุณหนู

หญิงสาวไม่ค้าน

เราอยู่กันในครัวสองคน คนหนึ่งล้างน้ำยา คนนึงล้างทำความสะอาดน้ำเปล่า ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี

“พี่หลินหลินทำงานบ้านเก่งจังค่ะ!”

คนเป็นพี่ยิ้มบาง ๆ “ตอนพี่เด็ก ๆ ก็เสียแม่ไปแล้วน่ะ เลยอยู่กับพี่ชายสองคน พี่เขาเป็นผู้ชาย ต้องทำงานหาเงิน ส่วนพี่เลยต้องเรียนรู้งานบ้านตั้งแต่ตอนนั้น”

เสี่ยวเถียนสัมผัสได้ถึงความเหงา แม้จะกำลังฟังเรื่องราวของคนอื่นก็ตาม

อีกอย่าง เจอเรื่องแบบนี้มาไม่ให้เศร้าก็คงแปลก

“พี่หลินหลินได้พี่ชายที่ดีเลยนะคะ พี่โชคดีมากเลย”

“พี่ก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันจ้ะ ถ้าไม่มีเขาพี่ตัวคนเดียวก็คงลำบากเหมือนกัน!” น้ำเสียงหญิงสาวเต็มไปด้วยความจริงใจ

“พี่หลินหลินช่วยเล่าเรื่องของพี่กับพี่ชายให้ฟังหน่อยสิคะ!”

เสี่ยวเถียนเป็นคนที่ชอบเข้าหาผู้อื่น ส่วนหลินหลินเป็นคนเก็บตัว และมันทำให้หลินหลินถูกนิสัยของอีกฝ่ายดึงดูดให้เข้าหา

ในไม่ช้า เด็กสาวก็เข้าใจเรื่องทั่ว ๆ ไปของสองพี่น้อง และเข้าใจอีกด้วยว่าทำไมพวกเขาถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

เธอเริ่มเสียใจ พวกเขาคงไม่แยกจากกันง่าย ๆ แน่

งั้นเราหิ้วไปด้วยกันทั้งคู่เลยได้ไหม? แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

มู่มู่ถือว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ ถ้าพาเขากลับไปด้วยได้ ไม่ว่าจะทำธุรกิจร่วมกับพี่สี่ หรือทำเป็นของตนเอง อนาคตจะสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายควรเป็นคนประเภทที่จะได้รับเงินก้อนแรกด้วยซ้ำ

เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายกลับไปกับเราด้วยให้ได้

“พี่หลินหลิน ให้พี่พูดพี่ก็ว่าพี่ชายพี่ดีมาก ส่วนหนูก็คงว่าบอกพี่ชายหนูดีเหมือนกัน โดยเฉพาะพี่ใหญ่ค่ะ ถึงจะไม่ใช่พี่ชายจากพ่อแม่เดียวกัน แต่ในฐานะน้องสาวแทบไม่มีอะไรให้ต้องพูดเยอะเลยค่ะ” เธอยังคงพยายามขายพี่ชายให้

หลินหลินคิดอยู่พักหนึ่งว่า พี่ใหญ่ของเสี่ยวเถียนเป็นคนแบบไหน แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ นิสัยเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดเยอะด้วย

“พี่ใหญ่ของเสี่ยวเถียนดูเป็นคนค่อนข้างเงียบนะ” หลินหลินยิ้ม

เด็กสาวแทบระเบิดหัวเราะออกมา พี่ใหญ่ไม่ได้มีความใกล้เคียงกับคำว่าเงียบเลย ไว้กลับไปต้องล้อสักหน่อยแล้ว

“ไม่หรอกค่ะ แค่เขาต้องดูแลพวกเราในฐานะพี่ใหญ่มาตลอดทางน่ะค่ะ ก็เลยเหนื่อยนิดหน่อย”

หลินหลินเชื่อในคำตอบ เธอหยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ก็จริงจ้ะ แล้วคุณลุงวัยกลางคนที่ไม่พูดเยอะคนนั้นคือใครหรือ?”

“เป็นผู้อาวุโสในครอบครัวเราคนหนึ่งค่ะ จริง ๆ หนูก็ไม่สนิทกับเขาหรอก!” เสี่ยวเถียนตอบตรง ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอ่ยถึงหยางซู่หลิน

เขาจะรู้ไหมว่าอีกฝ่ายเงียบกว่าพี่ใหญ่อีก ขนาดตามมาจนถึงบ้านหลี่ ก็ยังไม่พูดอะไรสักคำเลย

หลังจากล้างจานเสร็จเรียบร้อย พวกเธอก็ออกมาจากในครัว

พวกผู้ชายกำลังปรึกษากันอยู่ว่าเราจะไปหาดูที่ไหนกันดี รวมไปถึงปรึกษากันว่าออกขายของอีกดีไหม?

เพราะครั้งก่อนเราหาเงินจากมันได้มากมายเลย จึงพอคุ้นเคยอยู่บ้าง

มู่มู่หวังว่ารอบนี้จะได้เงินเยอะ ๆ อีกครั้ง และสามารถทำให้ชีวิตเราสองพี่น้องดีขึ้นด้วย แต่ไม่รู้คนบ้านซูจะเต็มใจทำด้วยหรือเปล่า

ซึ่งอีกฝ่ายกลับยินดีมาก เรื่องนี้จึงเป็นอันตัดสิน

มีเพียงโส่วเวินที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะมัวแต่ใจลอยคิดถึงสาวที่ชอบ

คนที่กำลังสนใจหัวข้อการสนทนาไม่ได้สังเกตพฤติกรรมอีกฝ่าย แม้ว่าจะเอะใจที่พี่ใหญ่เงียบไป แต่คิดแค่ว่าเขาคงเหนื่อยจากการเเดินทาง

ในฐานะที่เป็นพี่คนโต เขาเป็นคนที่หยางซู่หลินกังวลใจมากที่สุด เพราะเป็นเด็กที่นอนหลังคนอื่นและตื่นแต่เช้า

“เสี่ยวเถียนจ๊ะ ดูอาการให้พี่ตอนนี้ได้เลยหรือเปล่า?” หลินหลินกังวลใจ

เด็กสาวยิ้ม “รอก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าตรวจหลังเพิ่งกินข้าวเสร็จเลย ชีพจรอาจไม่ถูกต้องเลยต้องรอก่อน”

เธอรอประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนตรวจเสมอ หลินหลินก็เช่นกัน

สองสาวคุยกันเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจเรื่องเงินเท่าไร ตอนนี้เธอไม่ได้รีบร้อนกับเรื่องนี้ เพราะรอบนี้ตั้งใจมาเที่ยวเล่นโดยเฉพาะ

ทางฝั่งคนที่หารือเสร็จแล้วได้เรื่องว่า เมืองเคียงข้างหรงเฉิงคงไม่สามารถหาเงินได้ไวเท่าตอนนั้นอีกแล้ว เพราะงั้นจากคำแนะนำของพี่สี่ที่ให้ไว้คือ เราสามารถเดินทางไปยังแถบเมืองฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือได้รอบนึง

ถึงจะเป็นพื้นที่ล้าหลัง แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำมาค้าขายได้

เสี่ยวเถียนไม่คิดว่าพวกพี่ ๆ จะตัดสินใจกันได้ไวขนาดนี้

วันหยุดกินเวลานานกว่าหนึ่งเดือน หากไม่รวมช่วงเวลาไปกลับ เธอไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาไปฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ และเดินทางไปยังหมัวเฉิงหรือเปล่า

ต้องวางแผนให้ดี จะได้ไม่เสียเวลา

เด็กสาวตัดสินใจว่า คืนนี้จะวางแผนให้รอบคอบ และคุยกับทุกคนในวันพรุ่งนี้

ช่วงเวลาในการสนทนามักผ่านไปเวลาเสมอ เพียงครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปในพริบตา เสี่ยวเถียนเริ่มจับชีพจรให้พี่สาว

มู่มู่เป็นห่วงน้องสาวมาก เขาหยุดพูด แล้วมองภาพของผู้หญิงสองคน

เขารู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย ก่อนหน้านี้คิดว่าเสี่ยวเถียนไม่น่ามีทักษะด้านนี้เลยกังวล

โส่วเวินที่นั่งอยู่มุมห้องก็ยังกังวลเหมือนกัน

ในที่สุดก็ตกหลุมผู้หญิงคนหนึ่งได้เสียทีหลังจากเวลาล่วงเลยมานานหลายปี แน่นอนว่าต้องห่วงสุขภาพเธออยู่แล้ว

เขาเองก็หวังว่าเธอจะมีสุขภาพแข็งแรง!

ทักษะของเสี่ยวเถียนดีอยู่แล้ว ขอแค่ตั้งใจรักษา น้องเล็กคงจะช่วยหลินหลินได้ใช่ไหม?

ที่จริงเสี่ยวเถียนเองก็ยังประหม่าเหมือนกัน

เธออยากได้หลินหลินเป็นพี่สะใภ้ แต่ถ้าอีกฝ่ายสุขภาพไม่ดี ที่บ้านคงจะคัดค้านกันแน่

ถึงพวกเขาจะหัวสมัยใหม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้คงยากที่จะยอมรับ

ในยุคนี้ใครบ้างไม่อยากได้สะใภ้ร่างกายแข็งแรงล่ะ?

คนอื่น ๆ คงไม่คิดอะไร แต่ไม่ว่ายังไงขอแค่ไม่ได้เป็นโรคที่ยมทูตถามหาก็พอ

ร่างกายหลินหลินอ่อนแอกว่าปู่รองเมื่อตอนนั้นเสียอีก

เสี่ยวเถียนตั้งใจจับชีพจรอยู่นาน

มู่มู่ร้อนรนจนต้องถาม “ซื่อเลี่ยง เสี่ยวเถียนมีทักษะด้านการแพทย์จริงหรือ?”

ถ้ารู้จริง ทำไมถึงใช้เวลานานนัก?

เพราะยังไงเธอก็อายุน้อยเกินไปที่จะเชื่อถือไม่ใช่หรือ?

ในที่สุดก็เสร็จเสียที ดวงตางดงามของเสี่ยวเถียนจ้องมองใบหน้าพี่สาว