บทที่ 591 พี่ใหญ่ต้องขอบคุณหนูนะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 591 พี่ใหญ่ต้องขอบคุณหนูนะ

บทที่ 591 พี่ใหญ่ต้องขอบคุณหนูนะ

หลินหลินเห็นน้องสาวมองมา จู่ ๆ พลันรู้สึกประหม่าขึ้นมา และนั่นรวมไปถึงฝ่ามือขาวที่ประสานกันไว้ด้วย

“เสี่ยวเถียน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” มู่มู่ถามแทน

เด็กสาวยิ้ม “มีเรื่องหนึ่งค่ะ นั่นคือต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดี แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาพี่หลินหลินได้พี่มู่มู่ดูแลอย่างดีเลยค่ะ”

ต้องขอบคุณที่เขาทุ่มเทขนาดนี้ เพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาดไปเล็กน้อย ร่างกายอีกฝ่ายคงได้อ่อนแอไปเรื่อย ๆ แน่

“แต่เพราะสภาพแวดล้อมที่นี่ร้อนเกินไป จึงไม่เหมาะให้พี่หลินพักฟื้นฟูร่างกายค่ะ เป็นไปได้หนูก็ยังหวังให้พี่หลินหลินไปเมืองหลวงด้วยกันนะ” เสี่ยวเถียนไม่ได้มีเจตนาจะเห็นแก่ตัว

แค่คิดว่าร่างกายของอีกฝ่ายเหมาะกับอากาศในฤดูใบไม้ร่วงอันสดชื่นทางตอนเหนือมากกว่า

“เสี่ยวเถียน ถ้าพี่ไปแล้ว อาการป่วยจะดีขึ้นไหม?” หลินหลินมองด้วยสายตาเปี่ยมความคาดหวัง

เพราะไม่เคยคิดเลยว่าอาการป่วยที่เป็นมานานหลายปี จะมีสาเหตุจากสภาพแวดล้อม และสภาพอากาศเช่นนี้

ทว่าเมืองหลวงเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเลย ปัญหาคือถ้าไปแล้วจะปรับตัวได้หรือเปล่าเท่านั้นล่ะ

“ผ่านหน้าร้อนไปก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้วค่ะ อากาศเมืองหลวงช่วงนี้จะสดชื่นมาก เหมาะให้ร่างกายพักฟื้นด้วยนะคะ” เสี่ยวเถียนยิ้มหวาน

“อีกอย่าง ที่บ้านเรามีเด็ก ๆ เยอะเลยค่ะ ไม่ใช่แค่หนูกับพวกพี่ชายนะคะ ยังมีพี่เสี่ยวเหมย พี่เสี่ยวกัง และพี่อี้หย่วนด้วยค่ะ”

“ถ้ามีพวกเราอยู่ด้วยกันเยอะ ๆ สภาพจิตใจพี่จะดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ ดีต่อการรักษาร่างกายมาก”

หลินหลินใช้ชีวิตอยู่ที่หรงเฉิงมา แต่ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไร จากที่คุยมาสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่โดดเดี่ยวมากจริง ๆ

และการต้องอยู่คนเดียวนาน ๆ มันส่งผลเสียต่อร่างกายนะ

มู่มู่ได้ยินเช่นกันพลันลังเลขึ้นมา เรื่องไม่อยากอยู่ห่างจากน้องสาวก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องคือถ้าส่งเธอไปอยู่ที่นั่นแล้วร่างกายดีขึ้น เขาก็ยินดี

ในฐานะพี่ชาย ไปด้วยกันคงไม่น่ามีปัญหา

“หลินหลิน ถ้าอยู่เมืองหลวงแล้วดีต่อสุขภาพเธอจริง งั้นพวกเราไปด้วยกันเถอะ!”

มู่มู่ทำให้ทุกคนตกใจด้วยการพูดคำว่า ‘พวกเรา’?

หมายถึงไปด้วยกันใช่ไหม?

“พี่คะ พี่จะไปกับฉันด้วยหรือ?” หลินหลินตกใจมาก

เพราะทุกอย่างของพี่อยู่ที่นี่หมดเลย แล้วนึกจะไปเมืองหลวงได้ยังไง? ต้องเพราะเธอแน่ ๆ

“แน่นอนสิ พี่ต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว ได้เห็นเธอสบายดีพี่ถึงจะวางใจได้ไม่ใช่หรือไง?”

เวลามู่มู่คุยกับน้องสาวทีไร เขามักจะอ่อนโยนเสมอเลย!

“มู่มู่เป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เลยนะ!” ซื่อเลี่ยงชมด้วยรอยยิ้ม

“เดี๋ยวหนูจ่ายยาให้นะคะ ช่วงนี้พี่กินไปก่อนนะคะ ไว้เราไปเมืองหลวงเมื่อไหร่จะทำเป็นเม็ดยาให้ค่ะ กินสะดวกกว่าด้วย”

สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เอื้ออำนวยเท่าไร เสี่ยวเถียนไม่มีทางทำยาให้อีกฝ่ายกินได้เลย จึงทำได้เพียงปรุงให้กินชั่วคราวเท่านั้น

หลินหลินพยักหน้าซ้ำ ๆ

ขอแค่มีความหวัง เรื่องกินยาอะไรนั่นเธอไม่กลัวหรอกนะ

มู่มู่มองพวกเสี่ยวเถียนเดินจากไป ก่อนจะนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ตั้งใจขัดขวางไม่ให้น้องกินยาที่เสี่ยวเถียนทำไม่ใช่หรือ?

ทำไมสุดท้ายหวยลงที่เขานอกจากตอบตกลงแล้ว ยังสัญญากับเด็กคนนั้นอีกว่าจะให้หลินหลินไปอยู่เมืองหลวงระยะหนึ่งด้วย

“พี่คะ ฉันว่าเสี่ยวเถียนเป็นคนที่ไว้ใจได้นะคะ!” หลินหลินยิ้มขณะมองร่างที่เดินออกไป

เสี่ยวเถียนกระซิบพี่โส่วเวิน “พี่ใหญ่ควรขอบคุณหนูนะ!”

โส่วเวินตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง เขาแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ? ไม่น่าหรือเปล่า?

เด็กสาวมองพี่ชายด้วยสายตามีนัยนะ

ส่วนคนเป็นพี่ประหม่ายิ่งกว่าเดิม

เธอหัวเราะคิกคักแล้วเดินไปข้างหน้า ทิ้งให้เจ้าตัวยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

ในวันต่อมา กลุ่มหนุ่มสาวตระเวนซื้อสินค้าในหรงเฉิง

เรายังทำกันเหมือนเดิมเลยคือ เริ่มสังเกตการณ์ก่อน ผลของการเที่ยวเตร่สองวันติดทำให้ได้รู้ว่า ที่นี่เปลี่ยนไปจากเมื่อครึ่งปีที่แล้วมาก

สินค้าที่มักขายออกได้เร็ว ในตอนนี้เหมือนขายไม่ค่อยออก

กลับกันแล้ว สินค้าพวกเสื้อผ้าจะเป็นที่นิยมกว่ามาก

หลังจากใส่โทนสีดำ สีขาว และสีเทามาหลายปี ในที่สุดคนจีนก็มีแนวความคิดสุนทรียภาพกับเขาเสียที เพราะงั้นการได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ ๆ จึงเป็นความฝันของใครหลายคนเลย

ในห้างร้านของหรงเฉินมีโซนสำหรับขายเสื้อผ้า แต่มันน้อยกว่าของเราเสียอีก

เพราะเมืองแห่งนี้ไกลเกินกว่าจะขนส่งมาได้ พวกเขาจึงเลือกรูปแบบที่เห็นได้จากเมืองที่ใกล้ที่สุดอย่างเมืองหลวงกับเมืองจินเท่านั้น

เสี่ยวเถียนเป็นคนจู้จี้จุกจิก เธอไม่ชอบอะไรที่ดูธรรมดา แต่ต้องบอกเลยว่าที่เธอเลือกมาขายออกง่ายจริง ๆ ของที่เสี่ยวซื่อว่าดีแต่เสี่ยวเถียนว่าไม่ดี ขายไม่ออกจริงๆ และรอบนี้เด็กสาวมาเพื่อสำรวจตลาดเสื้อผ้า

เพราะในปัจจุบัน การพัฒนาของหรงเฉิงก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วที่สุด แม้แต่เมืองหลวงก็ยังเทียบไม่ติด เหตุผลที่มันพัฒนาไวขนาดนี้เพราะมีมุมมองที่ต่างกัน

อีกอย่างหรงเฉิงค่อนข้างอยู่ใกล้กับเซียงเจียง และมีการติดต่อกับพ่อค้าแม่ค้าที่นั่นเยอะ จึงมีแนวคิดใหม่ และความคิดอันสุนทรียะแตกต่างจากเมืองหลวงมาก

อุตสาหกรรมเสื้อผ้าของเขาล้ำหน้ากว่าที่อื่นหลายปี หากจะขยายธุรกิจเสื้อผ้า หรงเฉิงและหมัวเฉิงเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก

เสี่ยวเถียนแสดงความเห็น

ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ

เสื้อผ้าเป็นสินค้าที่ดี แต่ถ้าเราต้องแบกทั้งมันและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปด้วย มันจะเทอะทะมากเลยนะ

แถมขายส่งไม่คุ้มทุนด้วย ขนเยอะก็แบกไม่ไหวอีก!

“งั้นพวกเราไปดูก่อนเถอะครับ ช่วงนี้น่าจะหาซื้อเสื้อผ้าฤดูร้อนได้น้อยแล้ว ไปดูพวกเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงดีกว่า”

ฉืออี้หย่วนที่อยู่ข้าง ๆ ชื่นชมความคิดเสี่ยวเถียนมาก เพราะเขาเองก็พบว่าที่เมืองหลวงขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ง่ายอย่างแต่ก่อนแล้ว

กลับกันนั้นเพราะการที่ตลาดได้เปิดกว้าง ผู้คนจึงเริ่มให้ความสนใจกับการแต่งหน้าแต่งตัว ตลาดเสื้อผ้าเองก็ดีขึ้น เขาเห็นด้วยนะ

“แต่ของมันเยอะมากนะ ถ้าแบกกลับไปไม่หมดจะทำยังไงล่ะ?” โส่วเวินเริ่มเป็นห่วง

“เสื้อผ้าฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้ทำจากวัสดุหนาเป็นพิเศษครับ ขนาดของกระเป๋าที่พวกเราเอามาก็ใกล้เคียงกันอยู่นะ”

แล้วโส่วเวินจะพูดอะไรได้อีกล่ะ จากนั้นฉืออี้หย่วนก็ว่าต่อ “ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าทุกคนก็ได้ครับ พวกเครื่องประดับก็ได้นะ เช่นหมวก สร้อยคอ เข็มกลัด อะไรพวกนี้”

รอบนี้เราเอาเงินมาเยอะก็จริง แต่ก็บอกไม่ได้อีกว่าจะเอาสินค้ากลับไปได้เท่าไร

พี่ใหญ่ได้ยินคำยืนกรานจากฉืออี้หย่วน และแววตาอันกระตือรือร้นของน้องเล็ก จึงทำได้แค่ตอบตกลง

“ก็ได้!”

มู่มู่ได้ยินเรื่องที่ทุกคนวางแผนจะทำธุรกิจเสื้อผ้าก็เห็นด้วยอย่างมาก

“ช่วงนี้ฉันติดต่อกับพนักงานขายในโรงงานอยู่บ้าง งั้นอย่างแรกเรากำหนดรูปแบบที่จะทำก่อน จากนั้นก็เอาส่วนหนึ่งไปขายที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือตามที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้นะ”

มู่มู่ไว้ใจพี่น้องบ้านซูมาก

เสี่ยวเถียนพยักหน้า

ถ้ามีประสบการณ์การทำธุรกิจมานาน มันจะมีประโยชน์กับการทำธุรกิจระยะยาวมาก และวิธีการหาเงินแบบไวก็เป็นประโยชน์เช่นกันนะ

หลายปีมานี้เราเองก็ทำตัวเป็นพ่อค้าเก็งกำไรแล้ว แต่เพราะต้องไปเรียนจึงไม่มีเวลาขนาดนั้น ทว่าหากเป็นช่วงวันหยุดเราไม่ได้เดือดเนื้อร้อนกับการหาเงินก้อนเล็กๆ หรอกนะ