บทที่ 487 ฆ่าล้างบาง (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 487 ฆ่าล้างบาง (1)

ในมือขวาของเด็กคนนั้นแบกร่างของใครบางคนไว้ ซึ่งเป็นร่างไร้ลมหายใจของหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำ และร่างนั้นก็ถูกโยนทิ้งลงบนพื้นหิมะราวกับกระสอบทราย

แม้การโยนของเด็กคนนั้นดูไม่แรงนัก แต่มันทำให้ทุกคนรู้สึกถึงการเสียดสี ดูถูก หยิ่งผยองและความโอหัง

ไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนั้นทำได้อย่างไร เพราะตอนแรกความสนใจของพวกเขาอยู่ที่ชายชุดดำที่กำลังบดขยี้ร่างของกู้เฉิงเฟิง

อีกทั้งตอนที่มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากห้องเก็บสุรา พวกเขายังนึกว่าเป็นเสียงร้องของผู้บุรุกอีกคนที่อยู่ในนั้นเสียอีก

และตอนนี้พวกเขาถูกเล่นงานราบคาบ คนหนึ่งถูกกระสุนยิงจนร่างติดกำแพง อีกคนถูกโยนลงพื้น

เป็นภาพที่สะเทือนใจและชวนขนหัวลุก

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึงจนกลืนน้ำลายลงคอและแทบจะลืมหายใจ

มีเพียงกู้เฉิงเฟิงเท่านั้นที่นอนจมกองเลือดผสมกับหิมะขาวที่กองบนพื้น

เด็กนั่นผ่าตัดเสร็จแล้วหรือยังนะ

กู้เฉิงเฟิงคิดว่าตัวเองจะรอไม่ไหวแล้วเสียอีก

ออกมาได้ก็ดีแล้ว…ดีแล้วล่ะ

เขาคลี่ยิ้มออกมาทั้งๆ ที่เนื้อตัวสั่นเทาและไอออกมาเป็นเลือด

หลังจากชายชุดดำถูกกำจัดออกไปแล้วสองคน ชายชุดดำคนที่สามพอได้สติก็รีบชักดาบแล้วพุ่งเข้าไปทางกู้เจียว

ตอนพวกเขาต่อสู้กับกู้เฉิงเฟิง ชายชุดดำแทบไม่ได้ลงมืออะไรด้วยซ้ำ แต่พอเด็กคนนี้ปรากฏตัวขึ้นก็สังหารเพื่อนของเขาสองคนในพริบตาเดียว

แม้เขาไม่อยากทำใจยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กคนนี้ที่อายุน้อยกว่าทุกคนในที่นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก

ถึงขั้นต้องใช้อาวุธทหารออกมาต่อกร

กู้เจียวใช้วิธีไม่ตอบโต้ในตอนแรก พออีกฝ่ายประชิดมากขึ้นจนดาบจ่อเข้ามาที่ลำคอตัวเอง กู้เจียวก็เริ่มตอบโต้โดยยกแขนซ้ายแล้วคว้าเชือกตะขอพันรอบดาบของอีกฝ่าย

จากนั้นก็ออกแรงดึงและเหวี่ยงตัวเองออกทะยานขึ้นไปในอากาศราวกับมีวิชาตัวเบาแล้วกระโดดก้าวไปบนกำแพงฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ควักทวนพู่สีแดงออกมาด้วยมือเปล่า

กู้เจียวหมุนตัวหันกลับมาก่อนจะพลิกทวนพู่สีแดงบนฝ่ามือ เล็งเข้าที่ชายชุดดำคนสุดท้ายแล้วเขวี้ยงออกไปอย่างไร้ซึ่งความปราณี!

ไม่มีใครรู้ว่ามันคือกระบวนท่าอะไร แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในพริบตาเดียว

ตอนที่ท่านเหล่าโหวสอนวิธีใช้ทวนให้นางคงคาดไม่ถึงว่านางจะเอามาประยุกต์ใช้จนได้ท่าไม้ตายที่น่ากลัวเช่นนี้

ชายชุดดำไม่มีแม้แต่ช่องโหว่ที่จะโต้กลับ แล้วร่างของเขาก็ล้มลงบนพื้น

ท่ามกลางหิมะตก หัวของเขาจมลง ไร้ซึ่งเสียงลมหายใจ

ร่างของเขานิ่งพร้อมกันกับวินาทีที่กู้เจียวดึงคันชักทวน

ผู้บัญชาการหลิวและทหารทั้งหมดถอยหลังไปก้าวใหญ่โดยไม่ได้ตั้งใจ

เด็กคนนี้น่ากลัวชะมัด!

อย่าว่าแต่ลีลาการต่อสู้เลย แค่จิตสังหารของเขาก็นับว่าโหดเหี้ยมกว่าหน่วยกล้าตาย

โบราณว่าไว้ คนเด็ดขาดยังพ่ายให้คนบ้าคลั่ง แต่คนบ้าคลั่งก็มิอาจสู้คนไม่รักตัวกลัวตายได้ เด็กคนนี้คือตัวอย่างของคนที่ไม่รักตัวกลัวตาย!

กู้เจียวยังคงสวมหน้ากากขนนกยูง บวกกับรูปลักษณ์ที่อาฆาตของเธอ ทำให้ผู้ที่ได้เห็นเกิดความรู้สึกทึ่งและแปลกประหลาด

ไม่มีใครกล้าเข้าไปจับนางแม้แต่คนเดียว!

กู้เจียวเดินเข้าไปหากู้เฉิงเฟิง กอดทวนไว้พลางย่อตัวลง “เดินไหวไหม”

กู้เฉิงเฟิงยกมือเช็ดเลือดที่กบปาก “…ไหวสิ”

“อ้อ” กู้เจียวพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือให้เขา

กู้เฉิงเฟิง “…”

เดี๋ยวนะ ถ้าข้าเดินไม่ได้ เจ้าคงจะไม่ปล่อยข้าไว้ที่นี่ใช่ไหม

กู้เฉิงเฟิงจับมือกู้เจียวแล้วลุกขึ้นยืน

หัวหน้าหลิวและคนอื่นๆ ได้แต่จ้องพวกเขาเขม็งแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยสักคน กลายเป็นว่าพอกู้เจียวเดินเข้ามาในระยะใกล้ พวกทหารกลับถอยหลังแหวกทางให้

กู้เจียวเองก็ทึ่งเช่นกัน

จนกระทั่งเมื่อกู้เจียวเดินกลับไปที่ห้องเก็บสุราและแบกร่างที่ไร้สติของท่านเหล่าโหวออกมา หัวหน้าหลิวถึงนึกขึ้นได้ว่าต้องจับพวกเขา

แม้การต่อกรกับกู้เจียวเท่ากับรนหาที่ตาย แต่หากเขาปล่อยให้พวกนั้นลอยนวลออกไป คนที่ต้องรับผิดชอบหนีไม่พ้นตัวเขาอยู่ดี

หัวหน้าหลิวกัดฟัน ยกดาบขึ้นพลางเอ่ย “พวกเจ้าเป็นคนขี้ขลาดหรืออย่างไรกัน! กับเด็กตัวแค่นี้พวกเจ้าก็กลัวหัวหดกันแล้วรึ หากปล่อยมันไปวันนี้ ถ้าสอบสวนย้อนหลังล่ะก็พวกเราจะไม่มีใครรอดพ้นจากความผิดนี้แม้แต่คนเดียว สองในสามคนได้รับบาดเจ็บแล้ว! พวกเจ้าเห็นไหมว่าสองในสามของพวกมันบาดเจ็บอยู่ ส่วนเจ้าเด็กนั่นก็กำลังแบกคนไว้ที่หลัง! คงไม่มีพิษสงอะไรแล้ว! เอาละ พวกเรา กำจัดพวกมันเสีย!”

“กำจัดพวกมันเสีย!”

พวกทหารส่งเสียงอย่างกระตือรือร้น

หัวหน้าหลิวนำออกไปก่อน จนทหารที่เหลือเริ่มรู้สึกฮึกเหิม ที่พวกเขากล้าเช่นนี้นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาเห็นว่ากู้เจียวแบกคนเจ็บไว้ที่หลัง และคิดว่านางคงตอบโต้อะไรไม่ได้แล้ว

แต่หารู้ไม่ว่ากู้เจียวใช้วิธีผูกร่างของท่านเหล่าโหวไว้ที่หลังด้วยผ้า ทำให้มือทั้งสองข้างของนางสามารถใช้งานได้สะดวก มือข้างหนึ่งของนางถือทวน ส่วนอีกข้างก็กำลังยื่นตะกร้าคู่ใจของนางให้กับกู้เฉิงเฟิง

จากนั้นกู้เจียวก็ได้ขว้างลูกระเบิดออกไปจนทั้งพื้นเต็มไปด้วยเลือด!

ด้วยอานุภาพรุนแรงของระเบิดทำให้ทั่วทั้งจวนรวมไปถึงนอกจวนรับรู้ถึงความเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม กว่าทหารกลุ่มใหญ่จะเข้ามาที่จุดเกิดเหตุ กู้เจียวและกู้เฉิงเฟิงก็กระโดดข้ามกำแพงหลบหนีออกไปได้ก่อนแล้ว และขึ้นม้าที่เตรียมไว้ก่อนหน้า

พวกเขาเตรียมม้าไว้สองตัว ตัวหนึ่งของกู้เจียวและท่านเหล่าโหว ส่วนอีกตัวสำหรับกู้เฉิงเฟิง

ทั้งสามหายไปอย่างรวดเร็วบนถนนเมืองหลิงกวน

“ใต้เท้า!”

ใกล้กับห้องเก็บสุรา หัวหน้าหลิวผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงระเบิด คุกเข่าลงและทำความเคารพบุรุษผู้หนึ่งในเสื้อคลุมจิ้งจอกสีเงิน

เขาคนนั้นอายุราวสามสิบ รูปร่างกำยำและสูง มีลักษณะเคร่งขรึม คิ้วเข้ม และท่วงท่าอันสูงส่งในทุกอิริยาบถ

แม้ท่าทีของเขาจะดูเหมือนไม่โกรธ แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นกลับรู้สึกราวกับคอกำลังจะหลุดออกจากบ่า

บุรุษคนนั้นไม่สนใจหัวหน้าหลิวรวมถึงทหารคนอื่นๆ ที่บาดเจ็บจากแรงระเบิด แต่กลับเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเศษเขม่าของลูกระเบิด จากนั้นค่อยๆ ย่อตัวลงและยื่นมืออันเรียวยาวสัมผัสเศษซากที่อยู่บนพื้นพร้อมกับแววตาฉงน

“คนแคว้นเยียนรึ”

เขาพึมพำ

หัวหน้าหลิวไม่ได้ยินเสียงของเขา ไม่ใช่เพราะเขาพูดเสียงเบา แต่เพราะหูของหัวหน้าหลิวถูกกับระเบิดจนเสียการได้ยิน “ใต้เท้าขอรับ ให้ตามจับพวกมันหรือไม่ขอรับ”

“ไปจับพวกมันมา” บุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินเอ่ยเบาๆ “ขอแบบยังมีชีวิตอยู่ล่ะ”

“เอ่อ…” เจ้าเด็กนั่นน่ากลัวขนาดนั้น ให้ลอบสังหารยังยากเลย แล้วนี่จะให้จับเป็นอีก

เดิมหัวหน้าหลิวอยากจะพูดออกไปว่าอย่าทรมานพวกเขาเลย แต่เขารู้ดีว่าใต้เท้าคนนี้เป็นคนพูดแล้วไม่กลับคำ

พวกเขาต้องทำตามที่สั่ง ไม่เช่นนั้นตายสถานเดียว