บนกําแพงเมืองของมณฑลเหลียง
สี่วู่หยากําลังยืนอยู่ข้างๆ กับเจียงอาเจียน
เจียงอาเฉียนยืนเอนตัว และเพราะแบบนั้นจึงทําให้ตัวเขาดูเกียจคร้านมากกว่าเดิม “แผนที่ ท่านจะใช้ขับไล่เจ้าพวกนั้นเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมมาก คนทรงผู้ยิ่งใหญ่บาซี่เสียชีวิตแล้ว แล้วจะรู้ ได้ยังไงว่าคนของท่านจะไม่ส่งข้อมูลเท็จมา? ท้ายที่สุดแล้วจิตใจของมนุษย์ช่างเปราะบา
“จะไม่มีข้อมูลเท็จอะไรทั้งนั้น…ข้าเคยบอกแล้วอย่างงั้นเหรอว่าข้ามีแหล่งข่าวเดียว?” สี่วู่หยาถามกลับ
“…” เจียงอาเฉียนพูดไม่ออก ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่รอบคอบ
สี่วู่หยาต้องพบกับความยากล่าบากและความพ่ายแพ้มาหลายครั้งในตอนที่ก่อตั้งสํานักแห่งความมืดขึ้น เพราะแบบนั้นจึงทําให้เขาคิดหาวิธีการรับมือเอาไว้ ด้วยเหตุนี้เองข้อมูลที่ได้มาจึงกลายเป็นข้อมูลที่มีความแม่นย่าสูง
“แต่ถึงแบบนั้นการตายของบาซึมันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปหน่อย ไม่มีร่องรอยหลักฐานการตายของเขาด้วยซ้ํา คนของข้าเองก็ไม่ได้มีความสามารถเหมือนกับคนทรง” สี่วู่หยาพูดต่อ
“ท่านกําลังกังวลอยู่อย่างงั้นสินะ?”
“ข้าคิดว่าศิษย์พี่รองกําลังล่าบากอยู่ แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรในโลกทําร้ายศิษย์พี่รองของข้าได้ สิ่งที่ข้ากังวลก็คือเรื่องศึกที่กําลังจะยืดเยื้อ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไหร่พวกเราก็จะเสียเปรียบ ชาวรั่วหลี่เป็นผู้บูชาราชาหมาป่า การตัดดอกบัวทองคําจะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา” สี่วู่หยาแสดงสีหน้าที่เป็นกังวล
“พวกเราจะต้องรับมือกับเจ้าพวกนั้นได้แน่…ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว”
ทันทีที่เจียงอาเฉียนพูดจบ ทหารจากด้านหลังก็ตะโกนขึ้นมา “มีรถม้ากําลังเข้ามาใกล้+”
สี่วู่หยาหันกลับไปมอง เมื่อหันกลับมาเจียงอาเฉียนก็หายตัวไปซะแล้ว
เจียงอาเฉียนได้กระโดดลงไปก่อนที่จะหายตัวไปกับฝูงชนด้านล่าง
สี่วู่หยาที่เห็นแบบนั้นส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ตลอดเวลาที่ต่อสู้ร่วมกัน สีวู่หยาก็ได้รู้ว่าเจียง อาเฉียนเป็นพวกชอบหลีกเลี่ยงปัญหา
เมื่อสี่วู่หยามองเห็นรถม้า ตัวเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือรถม้าล่องเมฆา “รีบไปต้อนรับรถม้านั่นซะ!”
เมื่อรถม้าล่องเมฆามาถึงเมืองมณฑลเหลียง บรรดาผู้ฝึกยุทธทั้งหลายรวมไปถึงชาวเมืองธรรมดาต่างก็เงยหน้าขึ้นมอง
ในคฤหาสน์แม่ทัพ ผู้ฝึกยุทธจํานวนหนึ่งรวมตัวกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมก่อนที่จะรอต้อนรับรถม้า
บางคนที่มีสายตาอันเฉียบคมจดจํารถม้าที่เห็นได้ในทันที
“เยี่ยม! รถม้าล่องเมฆา นี่มันรถม้าของศาลาปีศาจลอยฟ้า!”
“ถ้าหากศาลาปีศาจลอยฟ้าดูแลเรื่องที่นี่ จะต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่!”
ชาวเมืองต่างก็แสดงความยินดี
ในอดีตไม่มีใครเคยคิดเลยว่าชาวเมืองจะสนับสนุนสํานักฝ่ายอธรรม
ในฐานะผู้ช่วยของยู่เฉิงไห่ สี่วู่หยารู้ดีว่าผู้เป็นพี่ต้องการสร้างสํานักแบบไหน ยู่เฉิงไห่บอกสมาชิกเอาไว้เสมอ สิ่งสําคัญที่สุดก็คือการสร้างความไว้ใจ การพิชิตดินแดนนั้นง่าย แต่การรักษาไว้นั้นยากกว่า
ภายในคฤหาสน์แม่ทัพ
สู่โจวนั่งลงในห้องโถง เมื่อเห็นทุกคนกําลังจะกล่าวทักทายตัวเขาก็รีบโบกมือขัด “ไม่จําเป็น”
สี่วู่หยาเอ่ยถาม “ท่านอาจารย์ ข้าคิดว่าท่านกําลังวางแผนดูแลสิ่งต่างๆ อยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ซะอีก เหตุใดท่านถึงต้องมาที่มณฑลเหลียงแห่งนี้ด้วย?” สําหรับสี่วู่หยา ตัวเขาเพียงล่าพังก็จัดการดูแลเรื่องในมณฑลเหลียงได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีสํานักเพิ่งไหล สํานักเบ่งบาน สํานักหมื่นอสรพิษ และยังมีสํานักอื่นๆ ประจําการอยู่ด้วย
ลู่โจวมองไปที่สี่วู่หยา “ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าแล้ว สถานการณ์ในมณฑลเหลียงเป็นยังไงบ้าง?”
สี่วู่หยาได้อธิบายสถานการณ์ของมณฑลเหลียงแก่ผู้เป็นอาจารย์ เมื่อมณฑลเหลียงตกอยู่ในการดูแลของสี่วู่หยา ทุกอย่างก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความมั่นคง สี่วู่หยามีความชํานาญพิเศษ ในการสืบหาข่าวสารข้อมูล นอกจากนี้ยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างรอบคอบ สุดท้ายสี่วู่หยาก็ได้กาหนัดหมายเลขเฉพาะให้กับทุกคนในมณฑลเหลียง
เมื่อลู่โจวได้ยินแบบนั้น ตัวเขาก็นึกไปถึงบัตรประจําตัว มันเป็นบัตรประจําตัวของผู้คนในโลกที่เขาได้จากมา ศิษย์คนนี้มีความสามารถเหมือนกับแม่นางลัวจริงๆ
หลังจากที่ได้ฟังคําอธิบาย ลู่โจวก็พยักหน้า ทุกอย่างถูกดูแลจัดการได้อย่างเรียบร้อย คาร์รอลไม่มีทางที่จะพิชิตมณฑลเหลียงได้เลย
ลู่โจวยังถามต่อ “แล้วแหล่งข่าวของเจ้าในลั่วหลานรู้ความคืบหน้าของยู่เฉิงไห่และยู่ฉางตงแล้วรึยัง?
สี่วู่หยาส่ายหัว “ข้าได้ส่งคนไปค้นหาพวกเขาแล้ว…ในการค้นหาข้าได้สูญเสียคนไปเป็นจํานวนมาก แม้จะทําแบบนั้นก็ยังไม่รู้ข่าวคราวอะไร”
ฝานลี่เทียนพูดต่อ “ข้าเคยข้ามคูสวรรค์มาก่อน ที่ด้านเหนือที่นั่นมีเหวลึกกว่าหนึ่งแสนฟุตอยู่ด้วย เจ้าได้ส่งคนไปแถวนั้นบ้างยังล่ะ?”
สี่วู่หยาพยักหน้า “เหวลึกอยู่ในอาณาเขตของชาวรัวหรี่ แม้ว่าจะเป็นของข้าแต่การจะตรวจสอบที่นั่นได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย…ข้าได้ส่งคนบางส่วนไปที่นั่นบ้างแล้ว ในตอนนี้พวกเขากําลังมุ่งหน้าไปทางเหนือของคูสวรรค์เพื่อตรวจสอบอยู่”
เมื่อลู่โจวได้ยินแบบนั้นก็ได้สั่งการ “ทําทุกอย่างเพื่อตามหายู่ฉางตงกับยู่เฉิงไห่ซะ”
“ครับท่านอาจารย์!”
ด้วยเหตุนี้เองศาลาปีศาจลอยฟ้าจึงต้องค้นหายู่ฉางตงและยู่เฉิงไห่ต่อไป หลังจากค้นหาในดินแดนหยานจนไปถึงฝั่งตะวันออกของคูสวรรค์ สี่วู่หยาก็ได้ส่งคนแอบแฝงไปกับชาวรั่วหรี่ ตัวเขายังคงตรวจสอบรอบๆดูสวรรค์อยู่ทุกวันคืน
เวลาผ่านไปในชั่วพริบตา กว่าที่ทุกคนจะได้รู้ตัวเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
ตลอดทั้งเดือนศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ใช้ทุกวิถีทาง ก็เพื่อที่จะหาคนแทรกซึมไปยังค่ายทหารของศัตรู
พวกเขาได้ส่งผู้ฝึกยุทธแทรกซึมเข้าไปในนครหลวงของลั่วหลานและเมืองหลวงของชาวรั่วหลี่ ศาลาปีศาจลอยฟ้าต้องการข้อมูลที่อยู่ของยู่ฉางตงและยู่เฉิงไห่ แต่น่าเสียดายความพยายาม ทุกอย่างล้วนได้ผล
ภายในคฤหาสน์แม่ทัพ
สี่วู่หยาและสาวกคนอื่นๆ ได้แต่ก้มหน้า ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะเฝ้ามองทุกคน
ตลอดเดือนที่ผ่านมาฝานเทียน เล้งลั่ว ตัวนมู่เฉิง หมิงหยิน หยวนเอ๋อ หอยสังข์ สํานักเผิงไหล สํานักหมื่นอสรพิษ สํานักเบ่งบาน วิหารปีศาจ รวมไปถึงผู้ฝึกยุทธทุกคนไม่ได้ข่าวคราวอะไรของยู่ฉางตงและยู่เฉิงไห่เลย
การสืบข้อมูลไม่คืบหน้าไปไหน
หลังจากที่เงียบไปนาน สี่วู่หยาก็เป็นคนแรกที่ทําลายความสงบ “ท่านอาจารย์ ข้ามีเรื่องที่จะต้องพูด”
“ว่ามา”
“พวกเราได้สํารวจทางตะวันออกและตะวันตกของคูเมืองสวรรค์แล้ว พวกเราไม่พบอะไรเลย กองทัพพันธมิตรของชาวรั่วหรี่และลั่วหลานต่างก็ประจําการอยู่ที่ทิศตะวันออก แต่คนที่ข้าให้แทรกซึมไปรายงานกลับมาว่าไม่พบร่องรอยของพวกศิษย์พี่เลย นครหลวงลั่วหลานและเมืองหลวงของรั่วหลี่ยังอยู่ไกลเกินไป ที่ตรงนั้นไม่สะดวกเท่าไหร่ที่จะส่งข่าวกลับมา นอกจากนี้พวกเรายังส่งคนไปที่นั่นยากด้วย ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกศิษย์พี่จริง ข้าคิดว่าพวกเขากําลังซ่อนตัวอยู่ คงจะไม่มีใครหาร่องรอยของพวกศิษย์พี่ได้ง่ายๆแน่” สี่วู่หยาแสดงความเห็น
“นี่ไม่เหมือนกับเจ้า…” ลู่โจวพูด สี่วู่หยาเคยรู้สึกไม่มั่นใจแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน?
สี่วู่หยาคุกเข่าลง “ท่านอาจารย์ ข้ารู้ดีว่าตัวเองผิดไปแล้ว ถ้าหากข้ารู้แบบนี้ ข้าก็คงจะไปกับศิษย์พี่รองด้วย! ข้ายินดีรับโทษทุกอย่างเอง!”
เจียงอาเฉียนพูดต่อ “ท่านไม่ต้องตําหนิตัวเองไป คนของชาวลัวหลานเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์คาถา คนที่พวกเราส่งไปแทรกซึมก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธธรรมดา มันไม่แปลกเลยที่ข้อมูลจะไม่ได้มีมากมายอะไร คาร์รอลเองก็ไม่ใช่คนโง่ คนของข้าเองก็ถูกเปิดเผยโดยใช้เวลาไม่ถึงสามวันเท่านั้น”
ทุกคนที่ถูกส่งไปไม่สามารถใช้พลังอวตารได้ มันเป็นเรื่องยากที่ชาวดินแดนหยานจะไม่ใช้พลังอวตารในการต่อสู้ ถ้าหากจะต้องเอาชีวิตรอดจริง ชาวดินแดนหยานที่ถูกส่งไปจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากแน่
ฝานลี่เทียนถามออกมาดังๆ “หรือว่าพวกเขาจะตกลงไปในหุบเหวลึกล่ะ?”
ทุกๆ คนเหลือบมองฝานลี่เทียน
สี่วู่หยาแสดงความคิดเห็นต่อ “เป็นไปได้ แต่หุบเหวนั้นลึกราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ที่ตกลงไปในนั้นจะต้องตาย แม้แต่ผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบก็ยังไม่อยากจะลงไปในนั้น แถมที่นั่นอยู่ในอาณาเขตของชาวรั่วหลี่ คนของพวกเราแทบที่จะไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้”
ในตอนนั้นเองหมิงซูหยินก็พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ข้าไม่คิดว่ามีอะไรจะทําร้ายศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองได้”
“ทําไมล่ะ?” ลู่โจวมองไปที่หมิงหยินศิษย์คนที่สี่
หมิงหยินพูดต่อ “ท่านลืมเรื่องของจี้เหลียงไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
ทุกๆคนต่างก็ยิ้มอย่างมีความหวัง
ถ้าหากอยู่ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป การจะไล่จับยู่ฉางตงและยู่เฉิงไห้ได้คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เนื่องจากพวกเขามีจี้เหลียง มันคงยากที่จะจับตัวได้ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ยังไม่กลับมา
“เหลียงเข้าใจภาษาคน ถ้ามันกลับมาพวกเราจะต้องถามมันได้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น” หมิงซู่หยินแสดงความเห็น
ลู่โจวพยักหน้า ศิษย์คนนี้ไม่เคยทําให้ตัวเขาต้องผิดหวังเลย
จากนั้นลู่โจวก็พยายามเรียกหาเหลียง ตัวเขาได้เรียกหามันกว่าหลายครั้งแล้ว แต่ถึงแบบนั้น ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ โดยปกติแล้วสัตว์ขี่จะตอบรับผู้เป็นเจ้านายเหมือนกับอาวุธที่ยอมรับในตัวของเจ้าของ ระหว่างสัตว์ขี่และผู้เป็นเจ้านายมักจะมีสายสัมพันธ์พิเศษต่อกันอยู่เสมอ
ลู่โจวขมวดคิ้ว ตัวเขาหลับตาก่อนที่จะขยับหู ตัวเขากําลังขยายขอบเขตพลังแห่งการฟังไปทั่วมณฑลเหลียงอยู่นั่นเอง
ในขณะเดียวกัน
จี้เหลียงหยุดอยู่กลางทางระหว่างคูสวรรค์และบึงโคลน มันกําลังลอยอยู่บนกลางอากาศ มันเดินทางไปกลับระหว่างคูสวรรค์และบึงโคลนอย่างขยันขันแข็ง ในตอนนั้นเองมันก็ได้ยินเสียงเรียกของเจ้านาย
จี้เหลียงเงยหน้าขึ้น มันไม่ได้มุ่งหน้าไปยังบังโคลนอีกต่อไป แต่มันกลบไปที่คูสวรรค์ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปยังดินแดนหยานแทน