ตอนที่ 1213 ร่วมเดินทาง (1) / ตอนที่ 1214 ร่วมเดินทาง (2)
ตอนที่ 1213 ร่วมเดินทาง (1)
รัฐเฉียวเป็นรัฐที่ซื่อตรงมาตลอด พวกเขามีชื่อเสียงที่ดี นอกจากความระมัดระวังตัวในตอนที่เพิ่งพบกันแล้ว ทุกคนก็เป็นมิตรกับนางดี และจวินอู๋เสียก็ไม่ได้ไม่ชอบพวกเขา
ฮ่องเต้น้อยเล่นกับกระต่ายโลหิตและใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอย่างมีความสุข เด็กชายตอนนี้ดูไม่เหมือนฮ่องเต้เลย แต่เหมือนเจ้าชายน้อยที่ไร้กังวลใดๆ มากกว่า ตอนจวินอู๋เสียขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนก็ว่าเด็กแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครคิดว่าฮ่องเต้ของรัฐเฉียวจะเด็กยิ่งกว่า
เด็กอายุแปดเก้าปียังไม่เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็ต้องขึ้นครองราชย์แล้ว มันยากที่จะเชื่อจริงๆ
“ท่านราชครู! ท่านราชครู! ดูนี่สิ!” ฮ่องเต้น้อยกำลังตื่นเต้นเนื่องจากตอนนี้เขาอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับกระต่ายโลหิตเอาไว้ตัวละข้าง โชคดีที่หลังจากแปลงร่างให้ตัวเล็กลงแล้ว พวกมันไม่ได้หนักมากนัก ไม่เช่นนั้นแขนและขาเล็กๆ ของฮ่องเต้น้อยคงไม่สามารถอุ้มพวกมันขึ้นมาได้
กระต่ายโลหิตและใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยอมให้ฮ่องเต้น้อยอุ้มโดยไม่คิดจะต่อต้านอะไร สิ่งเดียวที่พวกมันสนใจตอนนี้ก็คือหูหลัวปัวที่ยังพวกมันยังเคี้ยวกร้วมๆ อยู่อย่างตะกละตะกลาม
ราชครูเหอมองฮ่องเต้น้อยที่ดูภูมิอกภูมิใจแล้วหัวเราะออกมา
“ฝ่าบาทชอบเจ้าสองตัวนี้มากเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของฮ่องเต้น้อยเป็นประกายสดใส เขาพยักหน้ารัวๆ
“คุณชายท่านนี้จะไปเมืองหลวงเหมือนพวกเราพอดี เราจะขอให้เขาเดินทางไปกับเราดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ราชครูเหอถาม
“เอาสิ!” ฮ่องเต้น้อยพยักหน้าทันทีโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
จวินอู๋เสียเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดว่าคนของรัฐเฉียวตั้งแต่ฮ่องเต้จนถึงข้าราชบริพารระดับล่างนั้นใจกว้างและเปิดเผยมากเกินไป
ถ้านางมีเจตนาร้ายซ่อนอยู่สักนิด พวกเขาทุกคนคงตายกันหมดแล้ว
“ท่านจะไปจริงๆ ใช่หรือไม่” ฮ่องเต้น้อยถาม ยังคงมองที่นางอย่างกังวล สายตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาและความคาดหวัง
“…” จวินอู๋เสียพยักหน้าเงียบๆ
ฮ่องเต้น้อยมีความสุขมาก เขากระโดดโลดเต้นไปรอบๆ พร้อมกับเจ้าตัวน่ารักทั้งสองในอ้อมแขน ขณะที่สายตาของจวินอู๋เสียมองไปที่หางปุกปุยน้อยๆ ที่ก้นของเขา
อืม เขาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์สักหน่อย
นางบอกตัวเองอยู่ในใจหลายครั้ง หางนี่…ข้าแตะไม่ได้!
เมื่อฮ่องเต้น้อยเล่นเสร็จ เขาก็ยังปล่อยพวกมันไปไม่ได้ แต่พาเจ้าตัวเล็กสองตัวไปเพื่อป้อนอาหารและน้ำ เขาเอาผักผลไม้มาป้อนพวกมันเรื่อยๆ
กระต่ายโลหิตกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะพอใจมาก พวกมันไม่แสดงอาการต่อต้านที่ถูกสัมผัสตัวเนื่องจากพวกมันชินกันแล้ว
จวินอู๋เสียเองก็ชอบทำกับพวกมันแบบนี้ พวกมันก็เลยชิน และยังมีฟ่านจัวที่ชอบมาลูบขนพวกมันบ้างบางครั้ง พวกมันจึงเรียนรู้ที่จะสงบนิ่ง
หลังจากขบวนเดินทางพักกันแล้ว พวกเขาก็พร้อมจะเดินทางกันต่อ เนื่องจากจวินอู๋เสียต้องคอยดูเจ้าตัวเล็กสองตัวนั้น และฮ่องเต้น้อยก็ไม่อยากแยกกับพวกมัน จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้นางนั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกับฮ่องเต้น้อยและราชครูเหอ
จวินอู๋เสียกำลังจะเข้าไปในรถม้า เสียงร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาก็ดังขึ้นจากท้ายขบวนที่ไกลที่สุด!
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีกันทันที แม้แต่ฮ่องเต้น้อยที่กำลังยิ้มกว้างก็ตกใจจนวางเจ้าตัวเล็กสองตัวลง
จวินอู๋เสียมองไปตามเสียง เสียงนั่นเหมือนจะมาจากรถม้าคันสุดท้ายของขบวน ประตูของรถม้าคันนั้นถูกปิดผนึกเอาไว้ แต่เสียงก็ยังดังออกมาจากข้างในแม้ว่าจะอู้อี้อย่างมาก และรถม้าก็สะเทือนไปทั้งคัน!
เสียงนั่นเหมือนเสียงคำรามของสัตว์ป่า ฟังดูดุดันและน่าเขย่าขวัญ
“ท่านราชครู! ท่านราชครู!” ฮ่องเต้น้อยดึงแขนเสื้อของราชครูเหอ เขาดูตื่นตระหนกมาก สายตาเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจและความวิตกกังวล
ราชครูเหอขมวดคิ้ว เขามองพวกทหารที่ล้อมรถม้าคันนั้นไว้พยายามจับรถม้าที่สั่นสะเทือนเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันพลิกคว่ำ
ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในรถม้าคันนั้นคืออะไรถึงมีพละกำลังขนาดเขย่ารถม้าทั้งคันจนแทบคว่ำได้ รถม้าดูเหมือนจะแยกออกเป็นชิ้นๆ อยู่รอมร่อแล้ว
ตอนที่ 1214 ร่วมเดินทาง (2)
“เร็ว! เอาโซ่มายึดเอาไว้รอบๆ รถ!” ราชครูเหอพูดขึ้นทันที
พวกทหารเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาเอาโซ่เหล็กหนาสองนิ้วมาจากรถม้าอีกคันและยึดมันเอารอบๆ รถม้าทั้งด้านหน้าด้านหลัง ตอนนี้มันจึงดูไม่เหมือนจะแยกเป็นชิ้นๆ อีกแล้ว
แต่เสียงคำรามยังคงดังออกมาจากรถม้าคันนั้นเป็นระยะๆ
สีหน้าของพวกทหารเคร่งขรึมจริงจัง ดูไม่ตกใจกันเลย จากที่เห็นพวกเขาคงเคยชินกับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว
จวินอู๋เสียฟังเงียบๆ เสียงนั้นฟังเหมือนสัตว์ก็จริง แต่เมื่อฟังดูดีๆ แล้ว ก็อาจจะเป็นเสียงคำรามของคนได้
ในรถม้าคันนั้นขังคนเอาไว้อย่างนั้นหรือ
ฮ่องเต้น้อยกัดริมฝีปากมองรถม้าที่ถูกมัดด้วยโซ่ด้วยแววตาเป็นห่วงและวิตกกังวล แต่ไม่มีความกลัวหรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
นั่นทำให้จวินอู๋เสียคิดว่ามันแปลก
นางพอจะเข้าใจนิสัยของฮ่องเต้น้อยคร่าวๆ แล้ว เขาดูไม่ใช่คนกล้าหาญหรือมีจิตใจมั่นคงอะไร เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้เขายังไม่แสดงความกลัวออกมาเลยสักนิด นั่นหมายความได้อย่างเดียวว่าเขารู้จักคนที่อยู่ข้างใน
หลังจากนั้นคนที่อยู่ในรถม้าก็เงียบลงและรถม้าคันนั้นก็ไม่สั่นอีก
ราชครูเหอถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกและเมื่อสังเกตเห็นสายตาของเด็กหนุ่มเขาก็พูดขึ้นทันที “มีคนป่วยอยู่ในรถม้าคันนั้นน่ะ เขาจะน่ากลัวขึ้นมาตอนที่อาการป่วยกำเริบ เรากลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเองและคนอื่นๆ รอบตัว นี่จึงเป็นทางเลือกเดียวที่เรามี ข้าหวังว่าคงไม่ได้ทำให้คุณชายตกใจ”
จวินอู๋เสียส่ายหน้า นางรู้สึกสงสัยอย่างมาก
อาการป่วยแบบไหนถึงทำให้คนต้องทนทรมานด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลเช่นนั้น เมื่อครู่ต้องใช้ทหารอย่างน้อยห้าคนคอยดึงรถม้าในแต่ละด้าน แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้รถม้านิ่งได้ พละกำลังขนาดนั้นไม่ต้องพูดถึงคนป่วยเลย ต่อให้เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงกำยำก็ยังทำไม่ได้
แต่ก็เห็นได้ไม่ยากว่าราชครูเหอไม่อยากพูดถึงมันมากนัก และจวินอู๋เสียก็ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ในเมื่อพวกเขามีเรื่องไม่สบายใจของตัวเองอยู่ นางก็ไม่เห็นสมควรที่จะถาม
หลังจากเกิดเรื่องเมื่อครู่ ฮ่องเต้น้อยก็หมดอารมณ์เล่นสนุกต่อ หลังจากพวกเขาขึ้นรถม้า เขาก็โผล่หัวออกไปนอกหน้าต่างอยู่หลายครั้ง