ตอนที่ 481 การกลับมาของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เ

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 481 การกลับมาของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เกาะซานเซียนมอบผลท้อ (1)

ตอนที่ 481 การกลับมาของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เกาะซานเซียนมอบผลท้อ (1)

ทันทีที่แม่ทัพตงมู่กล่าวจบ ก็มีทหารสวรรค์ที่อยู่นอกที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเลออกมาจากขบวนแถวแล้วกระโดดเข้ามา

ทหารคนนั้นก้มหน้าลงแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาสวมหมวกเกราะเงินและชุดเกราะต่อสู้ เมื่อมองจากระยะไกล เขาดูไม่ต่างจากผู้ชาย ยกเว้นว่า ดูเตี้ยกว่าเล็กน้อย

แต่เมื่อนางเข้าไปใกล้ นางก็ประสานมือคารวะและโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่ว และแม่ทัพตงมู่ นางก้มศีรษะลงแล้วค่อยๆ เงยขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาและอ่อนเยาว์

นางเป็นเด็กสาวในวัยดั่งกระวาน[1]ที่ดูเหมือนจะมีอายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปีเท่านั้นหากนางอยู่ท่ามกลางมนุษย์

เมื่อเอ่ยปาก นางก็กล่าวออกมาด้วยเสียงชัดเจน

“หลงจี๋ ขอคารวะ ท่านแม่ทัพตงมู่และเทพแห่งท้องทะเล!”

“ฝ่าบาท ท่านทรงมากพิธีไปแล้ว” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและโค้งคำนับให้

แม้หลงจี๋จะเป็นธิดาขององค์เง็กเซียนและพระแม่หวังหมู่แห่งศาลสวรรค์ แต่นางก็ไม่ได้มีตำแหน่งเทพในศาลสวรรค์ ถือได้ว่าเป็น “คนในครอบครัว” ขององค์เง็กเซียน จึงสมควรที่เขาจะเสนอของขวัญดังกล่าว

หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหลากหลายมากมาย

หลังจากการเผชิญกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ หลงจี๋ จะกลายเป็นหงหลวนซิงจวิน นางเป็นอีกผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ

เขาและมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพไม่อาจตัดขาดจากกันกันได้จริงๆ และความคิดของเขาก็ยุ่งเหยิงวุ่นวาย…

หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้แล้วความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับหลงจี๋ ก็ผุดขึ้นมา หลังจากทำการหยั่งรู้ในบางส่วนแล้ว เขาก็แยกแยะจัดเรียงข้อมูลเท่าที่เขาพอรู้

ในช่วงมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ หลงจี๋ ซึ่งเป็นปรมาจารย์ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์สูง นางยืนอยู่ที่ฝ่ายของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และช่วยพระเจ้าโจวอู่แห่งราชวงศ์โจว

เดิมทีหลงจี๋เป็นธิดาขององค์เง็กเซียน ว่ากันว่านางถูกเนรเทศลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อฝึกฝนเพราะทำเรื่องผิดพลาด หลี่ฉางโซ่วไม่อาจจำผลการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างชัดเจน เขาจำได้เพียงว่านางถูกเซียนผู้หนึ่งและเทพเฒ่าจันทราเกลี้ยกล่อมให้แต่งงานกับศัตรูที่คนหนึ่งที่เอาชนะนางได้

และศัตรูที่เอาชนะนางได้นั้นก็คือ เด็กหนุ่มหน้าตาดีแต่ไร้ประโยชน์ผู้หนึ่ง เขามีนามว่า หงจินหรืออะไรทำนองนี้

ตามความเข้าใจของหลี่ฉางโซ่วที่มีต่อเทพเฒ่าจันทรา เหตุผลที่เทพเฒ่าจันทรากระทำสิ่งที่ไร้หัวใจเช่นนั้นได้ นั่นเป็นเพราะใครบางคนหรือบางกองกำลังที่กำลังวางแผนทำร้ายเขา

นั่นคือทั้งหมดที่หลี่ฉางโซ่วรู้เกี่ยวกับหลงจี๋

แม่ทัพตงมู่กล่าวว่า “ฝ่าบาทหลงจี๋ เหตุใดฝ่าบาทไม่เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมาและกราบท่านเทพแห่งท้องทะเลเป็นพระอาจารย์ของฝ่าบาท?”

“ได้” องค์หญิงหลงจี๋ตอบอย่างนุ่มนวล แล้วหมอกเซียนบางๆ ก็ปรากฏขึ้นรอบกายนาง

เมื่อหมอกเซียนสลายไป ชุดเกราะบนร่างของนางก็หายไปแล้วกลายเป็นชุดกระโปรงสีขาวบางเบา ในขณะที่เส้นผมสีดำของนางร่วงหล่น สยายลงมา

ในขณะนั้น หลงจี๋เตี้ยกว่าเดิม และร่างของนางก็ผอมบางลงมาก ดูน่ารักยิ่ง

หลี่ฉางโซ่วมองอย่างใกล้ชิด นางเป็นเด็กสาวที่เพิ่งเข้าสู่วัยกระวานจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ลองคิดดูสิ องค์เง็กเซียน และพระแม่หวังหมู่ต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนเหมือนกันทั้งคู่ ดังนั้น วงจรการเติบโตของธิดาของพวกเขาจึงหลายปีหรือหลายแสนปี?

องค์หญิงหลงจี๋น่าจะมีอายุอย่างน้อยสองสามพันปีใช่หรือไม่?

หากนางยังดูเหมือนเด็กสาวในช่วงมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ เช่นนั้นแล้ว ไม่เท่ากับว่าเทพเฒ่าจันทราเซียนผู้นั้น และหงจินจะก่ออาชญากรรม[2]หรือ?

ใช่แล้ว ในฐานะเสนาบดีธรรมดาที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์เง็กเซียน เขาต้องรีบสร้างกฎแห่งสวรรค์ให้ครบชุดแล้ว

สาวน้อยหลงจี๋เดินออกไปข้างหน้าและคำนับให้หลี่ฉางโซ่วพลางกล่าวอย่างเคารพว่า “ขอคารวะท่านอาจารย์”

“เฮ้ อย่าเรียกข้าว่าอาจารย์เลย ข้าไม่อาจยอมรับผลกรรมนี้ง่ายๆ แน่”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อฝ่าบาทอยากเรียนรู้เรื่องกลยุทธ์กับเทพน้อย เช่นนั้น เทพน้อยขอบังอาจยอมรับงานนี้แล้ว ทว่าองค์หญิงทรงเรียกเทพน้อยว่า เทพแห่งท้องทะเลก็พอ โปรดอย่าเรียกว่าอาจารย์เลย”

หลงจี๋อดจะมองไปที่แม่ทัพตงมู่ไม่ได้ แม่ทัพตงมู่พลันยิ้มให้และพยักหน้า นางรู้สึกว่า หลี่ฉางโซ่วเพียงเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้น

แต่จริงๆ แล้วเขากลัวมาก

แม่ทัพตงมู่ยิ้มและกล่าวว่า “อย่างไรก็ได้แล้วแต่ท่าน เทพแห่งท้องทะเล”

ทันใดนั้น องค์หญิงหลงจี๋ก็ร้องตะโกนออกมาทันที “เทพแห่งท้องทะเล!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วหยิบขวดโอสถสองสามขวดออกมาจากแขนเสื้อของเขาเพื่อเป็นของขวัญอวยพรเมื่อแรกพบหน้าให้นาง

เดิมทีเขาคิดว่าองค์หญิงหลงจี๋เพียงมาคารวะเขาและผ่านพิธีการเท่านั้นแต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่แม่ทัพตงมู่จากไปพร้อมกับคนของเขาแล้ว… องค์หญิงหลงจี๋ก็ยังคงยืนอยู่ตรงมุมที่พักของเทพแห่งท้องทะเล แล้วมองไปรอบๆ อย่างสงสัยใคร่รู้ เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณกระตือรือร้น

“ฝ่าบาท?” หลี่ฉางโซ่วดูงงงวย

“พระมารดาขอให้ข้าเรียนรู้เพิ่มเติมจากท่านเทพแห่งท้องทะเล” เด็กสาวกล่าวยิ้มๆ พลางกะพริบตาเบาๆ ดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “เทพแห่งท้องทะเล ข้าอยู่ที่นี่ได้หรือไม่?”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาท ขอกล่าวตามตรง เทพน้อยเป็นเพียงร่างจำแลงอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่แล้ว ร่างจำแลงนี้กำลังฝึกบำเพ็ญ ซึ่งน่าเบื่อยิ่งนัก”

“เทพแห่งท้องทะเล ไม่ต้องกังวล ข้าก็อยากฝึกบำเพ็ญเช่นกัน!” หลงจี๋ยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อพระมารดาขอให้ข้าติดตามเทพแห่งท้องทะเล ข้าจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนางเป็นธรรมดา เทพแห่งท้องทะเล หากท่านอยากออกไปข้างนอกหรือทำอะไร ท่านก็พาหลงจี๋ไปด้วยได้ หากไม่สะดวก ก็เพียงแสร้งทำเป็นว่าหลงจี๋ไม่อยู่ ให้หลงจี๋อยู่ที่นี่เพื่อเป็นเด็กข้างๆ ท่าน เทพแห่งท้องทะเล การทำธุระและงานแปลกๆ นั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า และข้าจะไม่ก่อกรรมหรือสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ท่าน เทพแห่งท้องทะเล ข้าจะไม่ทำให้ศาลสวรรค์ของเรา ต้องเสียหน้า อับอายอย่างแน่นอน”

หลี่ฉางโซ่วอดจะชื่นชมนางในใจของเขาไม่ได้

องค์หญิงทรงเปี่ยมไปด้วยมารยาทและสุภาพในทุกคำพูดและการกระทำ นางวางตัวดี ดูสง่างาม เป็นธรรมชาติ ไม่อวดเก่ง อ่อนน้อมถ่อมตน นางเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีจริงๆ นางดำรงอยู่ตามสายพระโลหิตแห่งองค์เง็กเซียนและพระแม่หวังหมู่

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วไยฝ่าบาทไม่ไปที่สระหยกเพื่อเตรียมตัวแล้วค่อยมาหาเทพน้อยในเช้าวันรุ่งขึ้น พรุ่งนี้เทพน้อย จะออกเดินทางเพื่อไปพบเหล่าปรมาจารย์ของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า และราชามังกรเผ่ามังกร เช่นนั้น พวกเราไปเดินเล่นด้วยกันและสร้างกรรมดีกันเถิด ฝ่าบาท”

“ขอบคุณ เทพแห่งท้องทะเล!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลงจี๋ก็รู้สึกลิงโลดยิ่ง และไม่ได้ยืนกรานที่จะอยู่ในที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเลอีก

หลังจากส่งหลงจี๋ออกไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็อดจะตรองดูไม่ได้

ฝ่าบาทองค์เง็กเซียน…หมายความว่าอย่างไร?

หากเขาใช้วิธีกำจัด เขาจะกำจัดความเป็นไปได้ที่ไร้สาระที่สุดก่อน นั่นคือ แผนสาวงาม

องค์เง็กเซียนเป็นผู้ปกครองแห่งสามอาณาจักร และด้วยการสนับสนุนของวังเมฆม่วง เหตุใดเขาจึงต้องจัดให้ธิดาที่ล้ำค่าของเขามาคิดทำร้ายเทพแห่งท้องทะเลตัวน้อยเช่นเขา

ประการที่สอง เขาต้องกำจัดตัวเลือกของ ‘ผู้ตรวจสอบ’ ซึ่งองค์เง็กเซียนและพระแม่หวังหมู่ย่อมจะไม่ทำเช่นนั้น

แต่ในทางกลับกัน เหตุผลที่แม่ทัพตงมู่กล่าวนั้น น่าเชื่อถือที่สุด ให้นางได้เรียนรู้การวางอุบายและกลยุทธ์

แต่ข้าจะสอนวิธีคิดแผนและกลยุทธ์ให้นางได้อย่างไร? ข้า หลี่ฉางโซ่วเพียงมีความมั่นคงเล็กน้อยในการจัดการเรื่องต่างๆ

ข้าจะคิดถึงเรื่องนี้อีกสักหน่อยและเตรียมการมากกว่านี้ ข้าไม่มีจุดแข็งหรือข้อดีใดๆ ที่จะสอนคนอื่นได้

เขาไม่อาจสอนวิธีคิด สร้างวิสัยทัศน์ และฝึกฝนความสามารถของนางในการเบี่ยงเบนความสนใจและทำงานหลายอย่างไปพร้อมๆ กันให้องค์หญิงหลงจี๋ได้..

หลี่ฉางโซ่วนั่งบนเก้าอี้โยกและรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย และในท้ายที่สุด เขาก็ทำได้เพียงเปลี่ยนใจได้เท่านั้น

ข้าควรจะปฏิบัติต่อองค์หญิงผู้นี้ในฐานะผู้ติดตามควบคุม

นั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วยอมรับได้ง่ายขึ้น และยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะเทพแห่งท้องทะเล เขาก็ไม่มีอะไรซ่อนเร้น

ดังนั้น ในเช้าวันต่อมา… ขณะที่หลี่ฉางโซ่วเพ่งจิตจดจ่ออยู่กับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แห่งที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเล เขาก็ตระหนักได้ว่า มีร่างผอมบางยืนอยู่ด้านนอกที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเลแล้ว แน่นอนว่า นั่นคือ หลงจี๋

นางโพกถุงผ้าเอาไว้ที่ศีรษะเพื่อซ่อนเส้นผมของนาง และเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมเต๋าสีขาวน้ำหนักเบาและรองเท้าผ้าหุ้มข้อ นางดูเหมือนบุตรเต๋าเล็กน้อย

เมื่อหลี่ฉางโซ่วยืนขึ้นและเดินออกจากที่พัก เด็กสาวที่อยู่นอกประตูก็รีบหันกลับมา

“ฝ่าบาทมารออยู่หรือ?”

“หลงจี๋ คารวะเทพแห่งท้องทะเล!” หลงจี๋โค้งคำนับและพูดว่า “เทพแห่งท้องทะเล โปรดเรียกข้าว่า หลงจี๋เถิด ตามที่พูดเมื่อวานนี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นผู้ติดตามของท่าน เป็นบุตรเต๋า” “ข้าจะทำเช่นนั้น”

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ แล้วส่งแส้หางม้าไปให้

หลงจี๋เดินออกไปข้างหน้าทันทีและถือแส้หางม้าเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง นางถือมันเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างดีแล้วเดินตามหลังหลี่ฉางโซ่วไป

หลี่ฉางโซ่วโบกแขนเสื้อแล้วเมฆสีขาวก็ลอยขึ้น จากนั้นเขาก็พาหลงจี๋ไปที่วังดุสิต

………………………………………………………………..

[1] วัยแรกรุ่นยังไม่ปักปิ่น

[2] คล้ายกับการพรากผู้เยาว์