บทที่ 647 หมวกแห่งการให้อภัย
บทที่ 647 หมวกแห่งการให้อภัย
“พี่หญิงใหญ่ ท่านช่วยเอาชนะจักรพรรดิให้ข้าได้ไหม?” ซูอันถามราวกับอธิษฐานขอปาฏิหาริย์
หมี่ลี่กลอกตา “ทำไมเจ้าถึงชอบขอให้ข้าเอาชนะศัตรูที่เจ้าไปล่วงเกินด้วยตัวเองอยู่เรื่อย!”
ซูอันกล่าวว่า “เราอยู่เรือลำเดียวกันไม่ใช่เหรอ! ถ้าข้าตาย ท่านก็ไม่รอดเหมือนกันนะพี่หญิงใหญ่!”
“หากข้าไม่ถูกน้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง ข้าอาจมีโอกาสเอาชนะเขาได้ แต่ตอนนี้เจ้าจงลืมความคิดนี้ไปซะ สิ่งที่เจ้าพอทำได้ในตอนนี้ก็คือทำใจยอมรับความตายของเจ้าอย่างสงบ!” หมี่ลี่ตอบอย่างโกรธเคือง
ซูอันมองนางอย่างพูดไม่ออก
พี่สาวอย่าพูดตรงขนาดนี้ได้ไหม…?
หมี่ลี่อยากรู้อย่างอื่น “ในตอนนั้นที่สู้กับข้าเจ้าไม่ได้กลัวขนาดนี้นี่? หรือเป็นเพราะว่าข้าสวยเกินไป?”
“พี่หญิงใหญ่ ดูเหมือนว่าหน้าของท่านจะหนาขึ้นมากหลังจากที่มาอยู่กับข้า!”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะจิกกัดนาง เหตุใดจึงถือเป็นสถานการณ์ที่คล้ายกัน ในตอนนั้นเขามีเส้นใยสุขสันต์อยู่ เขาจึงไม่สนใจหรอกว่าระดับการบ่มเพาะของนางจะสูงแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาจะรับมือกับจักรพรรดิแห่งราชวงศ์โจวได้อย่างไร!?
หมี่ลี่ไม่สนใจที่จะค้นหาคำตอบจากเขา “พูดตามตรง ไม่มีเหตุผลอะไรที่เจ้าต้องกังวล แค่เลือกไปซ่อนในภูเขาสักลูก โลกนี้กว้างใหญ่เกินกว่าที่คน ๆ เดียวจะปกครอง หากเจ้าซ่อนตัวอย่างดี พวกเขาจะไม่มีวันหาเจ้าเจอแน่ และเมื่อไหร่ที่เจ้าเสร็จสิ้นการบ่มเพาะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะและวิชาปฐมบทแรกเริ่ม วันนั้นจะเป็นวันที่เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวจักรพรรดิหน้าไหนอีกต่อไป”
ดวงตาของซูอันเป็นประกาย “นานแค่ไหน?”
หมี่ลี่มองดูเขา “ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าและคำแนะนำของข้า น่าจะภายในแปดร้อยปี ไม่สิ ห้าร้อยปีก็เพียงพอแล้ว”
ซูอันไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเลย
มองข้ามคำถามที่ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนั้นหรือไม่? เขาจะใช้ชีวิตอย่างไรระหว่างซ่อนตัวอยู่ในภูเขาสักลูกเป็นเวลาสี่ห้าศตวรรษ?
หมี่ลี่หาวและเหยียดร่างกายอย่างเกียจคร้าน “ข้าเหนื่อย ขอตัวไปนอนก่อน ดูแลตัวเองด้วยล่ะ!”
จากนั้นนางก็หายตัวไป
ซูอันต้องยอมรับว่าท่าทางของนางล้วนงดงามแม้ว่าจะเป็นแค่การบิดขี้เกียจก็ตาม แต่ว่าทำไมพี่หญิงใหญ่นี้จึงขาดความรับผิดชอบ? นางจะจากไปอย่างนี้จริง ๆ เหรอ?
อย่างน้อยก็ช่วยปลอบใจที่หวาดกลัวของข้าไม่ได้เหรอ?
ต่อให้เอาชนะจักรพรรดิไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ถูกโอบกอดด้วยความรักก่อนตายก็คงดี…
เขาเลิกคิดถึงเรื่องตลกในใจแล้วกลับมาหาทางออกให้กับตัวเอง
ความคิดบางอย่างผุดขึ้น เขาเรียกคีย์บอร์ดออกมาและเห็นว่ามีคะแนนความโกรธแค้นรวมเจ็ดหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยแปดสิบเก้าคะแนน
ข้าคงต้องเดิมพันทั้งหมด!
ซูอันไปล้างหน้าที่อ่าง หยิบเทียนและธูปออกมาจากดวงแก้วผู้รอบรู้ จากนั้นจึงนำหัววัว หัวลูกแกะ หัวหมู…เขามักจะรู้สึกว่าเพียงแค่คำอธิษฐานอย่างเดียวไม่ขลังพอ ดังนั้นเขาจึงสะสมสิ่งของที่เอาไว้ทำพิธีบูชาขอพรไว้มากมาย ดวงแก้วผู้รอบรู้มีพื้นที่เหลือเฟืออยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดการเน่าเสียหากเก็บของเหล่านี้เอาไว้ข้างใน
หลังจากที่จัดเตรียมอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดโต๊ะไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็พร้อม
ซูอันอธิษฐานแล้วเริ่มสุ่มรางวัล
ในระดับปัจจุบันของเขา ผลไม้พลังชี่ก็ไม่ต่างอะไรจากไอ้ข้อความปลอบใจที่ไร้ประโยชน์อย่าง ‘ขอบคุณที่ร่วมสนุก’ จำนวนที่เขาต้องการเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของตัวเองนั้นมากเกินกว่าที่ตัวเองจะคาดหวังอะไรได้จากพวกมัน
ดวงตาของเขาสว่างขึ้นทันใด เมื่อแสงที่กะพริบหยุดอยู่เหนือปุ่ม ‘M’
รูปหมวกใบหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ หมวกใบนี้ดูไม่ค่อยพิเศษเท่าไหร่ ไม่ต่างจากหมวกทั่วไปมากนัก สิ่งเดียวที่แปลกคือสีของมัน
มันเป็นสีเขียว!
หมวกสีเขียวส่องประกายระยิบระยับราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่สังเกตเห็น
ซูอันตกตะลึง นี่คืออะไร? ทำไมไอ้หมวกนี้มันถึงดูคล้ายกับหมวกที่เขาให้ซ่างเชียน?
เขารู้ดีว่ารางวัลที่ได้รับจากคีย์บอร์ดนั้นมีความพิเศษในแบบของมันเอง
เขาจึงอ่านคำอธิบายอย่างรวดเร็ว ของสิ่งนี้….หากเขาให้ใครสวมใส่มันสำเร็จ คนผู้นั้นจะยอมยกโทษให้…
หลังจากอ่านจบ ชายหนุ่มก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ไอ้ของไร้สาระแบบนี้มันมีอยู่ได้ยังไง?? เขาเริ่มสงสัยว่าผู้สร้างคีย์บอร์ดมีรสนิยมแปลก ๆ
เขาเริ่มปวดหัว ถ้าเขาสามารถบังคับให้คนที่กำลังโกรธตัวเองอยู่สวมหมวกบ้า ๆ แบบนี้ได้ เขาคงไม่จำเป็นต้องสนใจอีกฝ่ายด้วยซ้ำว่ารู้สึกอะไรกับตัวเขา ไม่ใช่ว่าไอ้หมวกนี้มันไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเลยหรือไง!?
เดี๋ยวก่อน ถ้าข้า…
ขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ เสียงพูดแผ่วเบาดังเข้ามาในหูของเขา “นี่สินะคือไพ่ตายของเจ้า…”
ซูอันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เขาหันกลับมา และเห็นหมี่ลี่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขา ขาของนางแกว่งไปมา
“พี่หญิงใหญ่! ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าจะไปนอนแล้วเหรอ??” ซูอันถามทันที
รอยยิ้มลึกลับปรากฎบนใบหน้าของหมี่ลี่ “เจ้าไม่ควรไว้ใจผู้หญิงง่าย ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยที่สุดอย่างข้า”
ซูอันแสร้งยิ้มกลบเกลื่อน “ท่านพูดอะไร? พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่เข้าใจเลย”
หมี่ลี่หรี่ตามองเขาอย่างจริงจัง “ตั้งแต่อยู่ในมิติลับหยกจรัส ข้ารู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ด้วยการบ่มเพาะที่เส็งเคร็งของเจ้า ข้าน่าจะฆ่าเจ้าได้ด้วยการจาม แต่กลับกันไม่ว่าจะทำอย่างไรไป ข้าก็ฆ่าเจ้าไม่ได้สักที”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าสงสัยอยู่เสมอว่าเจ้าพึ่งพาอะไร ดูเหมือนว่าไอ้ที่เจ้าพึ่งพามาโดยตลอดมันถูกเรียกว่า ‘ระบบ’ สินะ? แต่ไอ้หมวกแห่งการให้อภัย นี่มันเป็นของที่แปลกจริง ๆ”
ซูอันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง “น…นี่ท่านเห็นทั้งหมดเลยเหรอ?”
หมี่ลี่ยิ้มอย่างคลุมเครือ “ข้าบอกตอนไหนว่าไม่เห็น?”
“ก่อนหน้านี้ ท่าน…” ซูอันลังเล
“ข้าเพิ่งบอกเจ้าไป ผู้หญิงยิ่งสวย ยิ่งโกหกเก่ง” หมี่ลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ยาที่เจ้าใช้ช่วยชีวิตฉินหว่านหรูน่าทึ่งมาก นางอยู่ในอาการวิกฤต แต่ยานั่นกลับสามารถพานางกลับมาจากประตูยมโลกได้ในทันที แม้แต่หมอหลวงในราชสำนักก็ไม่สามารถปรุงยาดังกล่าวได้ ฉะนั้นหมวกแห่งการให้อภัยก็น่าจะเป็นสมบัติที่น่าอัศจรรย์เช่นกัน ถ้าคำอธิบายของมันไม่ได้โกหก”
ซูอันหวาดหวั่น ความคิดนับไม่ถ้วนแวบเข้ามาในหัวของเขา ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะสงสัยเกี่ยวกับเขามาระยะหนึ่งแล้ว นางเห็นเรื่องไร้สาระทั้งหมดที่เขาทำตอนสุ่มรางวัล แต่นางกลับนิ่งเฉยตลอดเวลาเพราะนางยังไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ แต่ตอนนี้ นางน่าจะมีความคิดบางอย่างอยู่ในหัว ไม่งั้นนางไม่มีทางเปิดเผยความลับของเขาออกมาให้ได้ยิน!
“ไม่เอาน่า เจ้าไม่ต้องวิตกขนาดนี้ ชีวิตเราผูกติดกันแล้ว ข้าจะทำร้ายเจ้าทำไม?” หมี่ลี่สังเกตเห็นว่าเขาอึดอัดใจเพียงใดจึงรีบปลอบเขา
“ท่านเพิ่งบอกข้าว่าผู้หญิงยิ่งสวยยิ่งชอบโกหก ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าสัญญาชีวิตและความตายที่เราเคยทำกันนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม? จะเป็นยังไงถ้าท่านมีวิธียกเลิก ข้าอาจจะถูกหลอกโดยไม่รู้ตัวก็ได้!” ซูอันบ่นอย่างขุ่นเคือง
“เจ้าเรียนรู้ได้เร็วนัก เจ้าหนู” หมี่ลี่ชมเขาด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “แต่ข้าไม่ได้โกหกเจ้าเรื่องนั้น”
“ข้าไม่เชื่อท่านโว้ย!” แต่แล้ว ดวงตาของซูอันเลื่อนลงไปที่ชุดของนาง “ถ้าท่านอยากแสดงความจริงใจให้ข้าเห็นจริง งั้นก็จงถอดเสื้อผ้าให้ข้าดูซะ! ไม่อย่างนั้นข้าไม่มีวันเชื่อท่านแน่!”