ตอนที่ 483 เทพแห่งท้องทะเลผู้คุ้นเคยกับสามสำนักบำเพ็ญเต๋า (1)
โอกาส? ท่านอาจารย์กำลังรอโอกาสอะไรอยู่? ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยืนอยู่เงียบๆ บนบันไดที่หน้าประตูวังดุสิต เขากำลังคิดถึงบทสนทนาสั้นๆ ที่เขาคุยกับอาจารย์ของเขาในวิหารไท่ชิง
เขาได้ไปขออนุญาตอาจารย์เพื่อรับหลี่ฉางโซ่วเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ
แต่อาจารย์ของเขาก็ล่าวเพียงว่า… เวลายังไม่เหมาะ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ อาจารย์ได้ตัดสินใจที่จะรับฉางโซ่วเป็นศิษย์ของเขาแล้ว แต่เขากำลังรอโอกาส?
มีโอกาสอะไรได้บ้าง?
มันเป็นเรื่องของโองการแห่งจอมปราชญ์เทพไม่ใช่หรือ?
ไฉนข้าถึงรู้สึกว่ามันมีแผนซับซ้อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาผลักประตูวังดุสิตและกลับไปยังที่นั่งประจำของเขา
เขาอยู่ใต้ต้นไม้โบราณในทุ่งหญ้าอันร่มรื่น
ในฐานะศิษย์คนโตแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า เขาจะไม่วางแผนได้อย่างไร? เป็นเพียงว่าเขาคิดน้อยลงและคร้านเกินกว่าจะวางแผน
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยกแขนเสื้อขึ้นและดูสนใจ
วันนี้ให้ข้าหยั่งรู้ดูว่า ท่านอาจารย์ของข้ากำลังรอโอกาสเยี่ยงใดกันและเมื่อใดที่ฉางโซ่วจะสามารถเข้าสู่วังดุสิตได้สำเร็จ!
ดังนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้และเริ่มทำขยับนิ้วมุทราหยั่งรู้ และไตร่ตรอง จากนั้น เขาก็พยักหน้าและส่ายศีรษะเป็นครั้งคราวด้วยท่าทีดูค่อนข้างจริงจัง
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขาขมวดคิ้ว…
เขายอมแพ้แล้ว
เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าท่านอาจารย์กำลังวางแผนอะไรอยู่
“เฮ้อ ช่างเถิด ไม่เป็นไร ตราบใดที่พวกเขารู้ว่าท่านอาจารย์สนใจรับศิษย์ แต่มันก็ไม่เหมาะที่จะบอก เรื่องนี้กับฉางโซ่ว ไม่เช่นนั้น ฉางโซ่วจะมีสภาพจิตใจไม่มั่นคง ไว้ข้าค่อยแสดงความยินดีกับฉางโซ่วเมื่อท่านอาจารย์ออกโองการแล้ว”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หาว ขณะที่เขากำลังจะ “คืนร่างสู่ธรรมชาติและปล่อยให้จิตใจหลอมรวมไปกับโลก” เสี่ยวจินและเสี่ยวหยินก็วิ่งมาแต่ไกล
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่! ศิษย์พี่ฉางโซ่วได้นำผลท้อเซียนมาให้ก่อนหน้านี้ขอรับ”
“ผลท้อเซียน?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เลิกคิ้วขึ้นและมองดูผลท้อเซียนหกลูกในกล่องหยกที่เสี่ยวจินและเสี่ยวหยินเปิดออก เขายิ้ม “ฉางโซ่วช่างมีน้ำใจจริงๆ เขาไม่ลืมที่จะส่งมาให้เมื่อได้รับประโยชน์บางอย่าง”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถอนหายใจเบาๆ “พวกเจ้าทั้งสองคนแบ่งเอาไปได้ อย่าทำให้ฉางโซ่วต้องผิดหวัง”
เสี่ยวจินและเสี่ยวหยินรีบพยักหน้าหงึกหงักและถือกล่องหยกกลับเข้าไปในห้องโถงและพวกเขาก็เรอออกมาสองสามครั้งระหว่างทาง
“เจ้าหนูน้อยสองคนนี้ไม่แม้แต่จะเช็ดปากเวลาแอบกิน” ผลท้อเซียน… เทพแห่งท้องทะเล…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พึมพำว่า “หรือว่าท่านอาจารย์อยากรอให้ฉางโช่วสร้างผลงานบางอย่างก่อน หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่ต้องกังวล แต่ข้ารู้สึกเสมอว่าท่านอาจารย์ไม่สนใจเรื่องเผ่ามังกรและน่าจะคำนึงถึงเรื่องอื่น คำว่าโอกาสนั้นคลุมเครือเกินไปจริงๆ”
ช่างเถิด
คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เหยียดยืดหลังของเขาแล้วเอนหลังลงช้าๆ ผืนหญ้าสีเขียวอ่อนสั้นๆ บนพื้นดินเติบโตและเกี่ยวพันกันจนกลายเป็นเตียงหญ้าฟางแสนสบาย
ใช่แล้ว ตอนนี้ฉางโช่วกำลังทำอะไรอยู่?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่วางมือซ้ายไว้ที่ด้านหลังศีรษะแล้วเคาะมือขวาตรงหน้าเขา แล้วแผนภาพไท่จี๋ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อปลาหยินหยางหมุนไป แล้วภาพหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น
โอ้ เขาไปที่เกาะซานเซียนจริงๆ!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ฟื้นคืนพลัง กระตือรือร้นขึ้นมาทันที ภาพเคลื่อนไปอย่างช้าๆ แล้วในไม่ช้า เขาก็เห็นร่างทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ในป่า
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยกย่องในใจของเขาและรีบโบกมือให้แผนภาพไท่จี๋สลายหายไป
แต่แม้ว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะรวดเร็วพอ ทว่าเทพธิดาอวิ๋นเซียวก็ยังรู้สึกได้ และมองไปที่ท้องฟ้า…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่คำนวณอย่างระมัดระวังและตระหนักว่า อักขระเต๋าของเขาไม่ได้ถูกอวิ๋นเซียวจับได้ เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
‘เจ้าเป็นอะไรบางอย่างจริงๆ เสี่ยวฉางโช่ว’ ‘เขาไม่ยอมแม้แต่จะปล่อยโอกาสนั้นไป เขากล้าดีอย่างไรถึงไปที่เกาะซานเซียนพร้อมกับผลท้อเซียนเพียงลูกเดียว? และยังไม่ใช่ว่าเขามีรากวิญญาณผลท้อเซียน เขาไม่กลัวว่าศิษย์น้องอวิ๋นเซียวจะดูถูกเขาหรือ?”
ดังนั้นเขาจึงพลิกหันนอนตะแคงไปแล้วนอนหลับฝันดี
บนเกาะซานเซียน อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยและค่อยๆ ถอนสายตามาจากท้องฟ้าเบื้องบนไป
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เกิดอันใดขึ้น? มีคนสอดแนมที่นี่หรือ?”
อวิ๋นเซียวอดจะถามอย่างสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ว่า “สหายเต๋าก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเมื่อครู่นี้ได้เช่นกันหรือ?”
“ระดับฐานพลังของข้ายังตื้นเขินนัก แน่นอนว่า ข้าย่อมไม่อาจสัมผัสถึงมันได้” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ข้าเพียงอ่านจากการสีหน้าท่าทางของเทพธิดา”
“น่าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่กำลังเฝ้าดูอยู่” อวิ๋นเซียวถอนหายใจเบาๆ และรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “ข้าอายตัวเองนัก ทำให้สหายเต๋าต้องขบขันแล้ว”
หลังจากส่งหลี่ฉางโซ่วไปยังเกาะซานเซียนแล้ว นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ใช้ข้ออ้างในการกลับมามอบผลท้อเซียนให้แก่อาจารย์ของเขาที่วังปี้เซียวซึ่งอยู่เหนือชั้นหมอก หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสตั๋วเป่า ไร้กังวลและไร้การควบคุม เขาชอบที่จะเที่ยวเล่นไปทั่ว ช่างเป็นคนที่หาได้ยากในโลกนี้จริงๆ มีหลายคนในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่มีมนุษยธรรมมากกว่าที่อื่นๆ ในโลกบรรพกาล วิถีแห่งการบำเพ็ญเพียรนั้นยาวไกลนัก การมีสหายไปด้วยกันสักคนย่อมเป็นโชคดีที่สุด”
อวิ๋นเซียวอดจะหยุดตามทางของนางแล้วหันกลับมาเล็กน้อยไม่ได้ นางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “สหายเต๋าทำให้ทุกอย่างฟังดูดี ทั้งยังมีเหตุผลไปได้อย่างไร?”
ในขณะนั้น ป่าเต็มไปด้วยแสงและเงา มีแสงสาดส่องลงมาที่ชุดกระโปรงยาวของนาง ทำให้นางยิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
“เทพธิดา ท่านชมข้าเกินไปแล้ว” หลี่ฉางโซ่วไม่กล้ามองนาง เขาเพียงยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อพิจารณาในเรื่องเดียวกัน ท่านลองมองจากมุมมองที่แตกต่างกันได้ นอกจากนี้ ธรรมชาติที่มีมนุษยธรรม และความเป็นมิตรของคนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ก็เป็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีเช่นกัน”
อวิ๋นเซียวถามว่า “แต่กรรมย่อมเป็นสิ่งเลวร้าย”
“ใช่ มันเป็นกรรม” ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วฉายแววที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เขากล่าวช้าๆ ว่า “ยิ่งมีสหายมาก ก็ยิ่งยากจะตัดกรรมได้ กรรมเป็นเหมือนไยตาข่ายที่ห่อหุ้มทั่วทั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเอาไว้ทั้งหมด”
อวิ๋นเซียวครุ่นคิด
เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ได้พูดถึงสิ่งอื่นใด เขาหยุดแล้วเดินเล่นกับอวิ๋นเซียวต่อไป
เมฆเคลื่อนคล้อยลอยขึ้นแล้วหายไป กระแสน้ำไหลขึ้นและลงไปตามวิถี
ทิวทัศน์บนเกาะซานเซียนนั้นไม่เลวเลย แต่หลี่ฉางโซ่วจำอะไรไม่ได้มากนัก
เทพธิดาอวิ๋นเซียวยังถามเขาว่า เหตุใดเขาถึงมาที่เกาะเต่าทองในครั้งนี้ หลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวถึงเผ่ามังกรและจดหมายที่เขาได้รับจากนักพรตเต๋าตั๋วเป่าในระหว่างทาง
มีคำโบราณสองคำเขียนอยู่บนตำรา พวกมันคือคำว่า ‘มังกร’ และ ‘สวรรค์’
หลังจากนั้น เมื่อหลี่ฉางโซ่วออกจากเกาะซานเซียน เขาจะไปเยี่ยมเยือนวังอวี่ซวีโดยหวังว่าจะได้พบกวงเฉิงจื่อเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อ “ดักจับ” และ “ขึ้น”
“ดักจับมังกรและปล่อยให้พวกเขาทะยานขึ้นสู่ศาลสวรรค์หรือ?”
อวิ๋นเซียวพึมพำเบาๆ “ลายมือนี้มีผลอย่างไรต่อเผ่ามังกร”
“หากเขียนโดยผู้อาวุโสทั้งสอง ก็อาจมีผลกระทบในทางร้ายและพวกเขาอาจรู้สึกว่า สำนักบำเพ็ญเต๋ากำลังแทรกแซงเรื่องของเผ่ามังกร”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ทว่าหากจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง รวมกับคำสัญญาที่องค์เง็กเซียนให้ไว้ มันย่อมจะสร้างแรงกดดันที่รุนแรงขึ้นได้ แม้โลกบรรพกาลจะมีขนาดใหญ่และตรีสหัสโลกธาตุนั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่เผ่ามังกรก็ไม่สามารถซ่อนตัวจากสามสำนักบำเพ็ญเต๋าได้”
“ตอนนี้ องค์เง็กเซียนหมดความอดทนกับเผ่ามังกรแล้ว จะต้องมีข้อสรุปโดยเร็วที่สุด ในขณะนี้ เราไม่อาจปล่อยให้เผ่ามังกรแก้ไขปัญหาภายในได้ก่อน เราทำได้เพียงแค่ให้เผ่ามังกรสร้างชื่อก่อนที่จะร่วมมือกันภายใน แล้วค่อยๆ จัดระเบียบเผ่าพันธุ์ใหม่…” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างใจเย็นในป่า ส่วนใหญ่ เทพธิดาอวิ๋นเซียวจะฟังอยู่เงียบๆ นางจะพยักหน้าเบาๆ หรือถามเป็นบางครั้ง
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข
ราวกับว่าเวลาสองชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็วในพริบตา
หลี่ฉางโซ่วเมื่อเผยเจตนาที่จะจากไป อวิ๋นเซียวจึงส่งเขาออกจากเกาะซานเซียน โดยมีทั้งฉยงเซียว และปี้เซียวออกมาร่วมวงสนุกด้วย ดวงตาของพวกนางแฝงนัยชั่วร้าย ทว่าพวกนางก็ไม่ได้แกล้งเขา
พวกนางได้รับคำเตือนว่า ห้ามทำอย่างนั้น ไม่เช่นนั้น พวกนางจะต้องคุกเข่า
“ไปกันเถิด” หลี่ฉางโซ่วกล่าวกับองค์หญิงหลงจี๋ ซึ่งมีท่าทีระมัดระวังเล็กน้อย หลงจี๋บินออกไปข้างหน้าและตามหลังหลี่ฉางโซ่วไป เธอกอดแส้หางม้าของเขาเอาไว้ในขณะที่อยู่ในความงุนงง
นางใช้เส้นทางของดินแดนเทวะทักษิณและรีบไปที่ภูเขาเซียนคุนหลุน
เมื่อเดินทางผ่านไปได้ครึ่งทาง ในที่สุด หลงจี๋ก็เอ่ยถามเบาๆ ว่า “เทพแห่งท้องทะเล…”
“หือ?”
“ผลท้อเซียนอร่อยหรือไม่?”
“ไม่เลว ไฉนจู่ๆ ท่านถึงถามเรื่องนี้?”
………………………………………………………………..