ตอนที่ 602 ยุติ

“องค์ชายทรงอย่างทำเช่นนี้เลยพะย่ะค่ะ” หลู่จิ้นตกใจจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

รัชทายาทตกใจที่จู่ๆ หลู่จิ้นก็คุกเข่าลงบนพื้นโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงเช่นเดียวกัน เขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นรีบเข้าไปพยุงให้หลู่จิ้นลุกขึ้น

“ใต้เท้าหลู่ลุกขึ้นเถิด!” เมื่อพยุงหลู่จิ้นขึ้นมาแล้ว รัชทายาทกล่าวขึ้น “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของราชวงศ์ เราแค่อยากขอให้ใต้เท้าหลู่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อนจนกว่าจะสืบเรื่องทุกอย่างจนกระจ่างแจ้ง อีกทั้งรบกวนใต้เท้าหลู่ควบคุมเหล่าผู้คุมเมื่อครู่ด้วย”

หลู่จิ้นถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบรับคำ “แน่นอนอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

“เช่นนั้นเราฝากใต้เท้าจัดการเรื่องนี้ด้วย!” รัชทายาทก้มศีรษะให้หลู่จิ้นเล็กน้อย จากนั้นเดินลงบันไดไป

องครักษ์จวนรัชทายาทจูงม้าเข้ามาใกล้ เมื่อรัชทายาทขึ้นไปบนม้าเสร็จ เขามองไปทางหลู่จิ้นนิ่งแวบหนึ่ง

หลู่จิ้นรีบโค้งกายคำนับ เมื่อได้ยินเสียงรัชทายาทและองครักษ์จวนรัชทายาทขี่ม้าจากไปไกล หลู่จิ้นจึงปัดเศษฝุ่นที่ติดตามเครื่องแต่งกายออกแล้วหยัดกายตรง

หลู่จิ้นรู้จักฝูเหล่าไท่จวินดี แม้นางจะเป็นสตรีที่อยู่ในเรือนหลัง ทว่า นางเป็นคนที่มีแผนการและกล้าหาญมาก

เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ล้วนออกจากปากของฝูเหล่าไท่จวินเพียงคนเดียว ฝูรั่วซีไม่ได้กล่าวสิ่งใดสักคำ…

ก่อนฝูเหล่าไท่จวินจะเสียชีวิต นางกล่าวต่อหน้าบุตรชายของตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะฮองเฮา ฝูรั่วซีเอ่ยเรียกนางเพื่อคิดยับยั้งอยู่หลายครั้ง ทว่า เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากกว่านั้น

อาศัยแค่สิ่งนี้ หลู่จิ้นก็รับรู้แล้วว่าความจริงเป็นอย่างไรไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่จะออกมาจากปากของพยานบุคคลที่สำคัญที่สุดอย่างฝูรั่วซีย่อมเหมือนกับฝูเหล่าไท่จวินไม่มีผิดเพี้ยนแน่นอน

เพราะฝูรั่วซีไม่อาจทำผิดต่อตระกูลฝูได้ ไม่อาจทำผิดต่อชีวิตของฝูเหล่าไท่จวินได้ ที่สำคัญเขาไม่อาจทำลายชื่อเสียงอันดีงามที่สั่งสมมาทั้งชีวิตของฝูเหล่าไท่จวินได้

ผู้คุมวิ่งออกมาจากด้านในคุก ทำความเคารพหลู่จิ้นแล้วกล่าวขึ้น “ใต้เท้า แม่ทัพฝูเอาตัวกระแทกกรงขังราวกับคนเสียสติ เขาบอกว่าอยากพบฝูเหล่าไท่จวินขอรับ!”

หลู่จิ้นเม้มปาก หรี่ตาแคบ ครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้น “เตรียมเหล้าหนึ่งไหและกับแกล้มอีกสองสามอย่าง ข้าจะไปเยี่ยมแม่ทัพฝูรั่วซีในคุก”

“ขอรับ ข้าจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

เมื่อผู้คุมจากไป หลู่จิ้นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูของคุกต้าหลี่

เมื่อลมเริ่มพัดแรงขึ้นจนโคมไฟที่แขวนอยู่หน้าประตูสะบัดไปมาอย่างรุนแรง หลู่จิ้นที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่จึงลอบถอนหายใจ รู้สึกว่าแม้เมืองหลวงในตอนนี้จะดูผิวเผินว่าสงบดี ทว่า แท้จริงแล้วกำลังมีคลื่นลูกใหญ่ก่อตัวอยู่ใต้น้ำ

ชุนเถาเดินถือนมแพะถ้วยเล็กเข้ามาด้านใน แหวกม่านสีฟ้าออกก็เห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดนอนปล่อยผมดำยาวสยายนั่งพิงหมอนพิงหลังสีเหลืองอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง ในมือของหญิงสาวถือตำราพิชัยสงครามที่เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงเป็นคนเขียน บริเวณหัวเข่ามีผ้าคลุมผืนบางคลุมทับ

ชุนเถาเดินเข้าไปใกล้ วางนมแพะและช้อนเงินคันเล็กไว้บนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว เอ่ยเสียงอ่อนโยน

“คุณหนูใหญ่เหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแล้ว เพิ่งได้กลับมาเมืองหลวง พักผ่อนสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!”

“ตอนนี้คงพักไม่ได้!” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาร้อนขึ้นจิบ เงยหน้ามองชุนเถาที่มีสีหน้าอ่อนล้าเช่นเดียวกัน “เจ้าไปพักผ่อนเถิด ไม่ต้องอยู่รับใช้ข้าหรอก”

“บ่าวอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” ชุนเถาวางถาดสีดำลงด้านข้าง ปิดหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่เล็กน้อยให้สนิทอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นเดินไปเร่งไฟในตะเกียง กลัวว่าแสงจะมืดไปจนทำลายสายตาของไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนวางตำราลงบนตัก กล่าวกับชุนเถาที่กำลังยุ่งหัวหมุน “หากเจ้าเหนื่อยจนล้มป่วย ผู้ใดจะมาดูแลปรนนิบัติข้ากัน คืนนี้ไม่ต้องอยู่เฝ้าข้า อย่าดื้อล่ะ!”

ชุนเถายังอยากเถียง ทว่า เป็นจริงดั่งที่คุณหนูใหญ่กล่าว หากนางล้มป่วย ผู้ใดจะมาดูแลคุณหนูใหญ่กัน ถงหมัวมัวก็ไม่ได้อยู่ที่นี่

ชุนเถาจึงพยักหน้า ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแล้วเดินจากไป

ยามจื่อ[1] ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่นอกหน้าต่าง หญิงสาวปิดตำรา เอื้อมมือผลักหน้าต่างให้เปิดออกเล็กน้อย

แสงไฟสีเหลืองนวลจากในห้องลอดออกไปทางหน้าต่าง องครักษ์ลับรีบคุกเข่าลงบนพื้น “เจ้านาย ฝูเหล่าไท่จวินวิ่งชนกำแพงในคุกของศาลต้าหลี่เสียชีวิตแล้วขอรับ ก่อนเสียชีวิตนางได้พบองค์รัชทายาทและใต้เท้าหลู่จิ้น หลู่จิ้นสั่งให้ผู้คุมทุกคนปิดบังเรื่องการเสียชีวิตของฝูเหล่าไท่จวินเอาไว้เป็นความลับ จากนั้นสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาออกไปจากคุกศาลต้าหลี่แม้แต่ก้าวเดียว ข้าสืบได้เพียงเท่านี้ ตอนนี้แม่ทัพทุกคนของค่ายทหารผิงอันถูกหลู่จิ้นเชิญไปที่คุกศาลต้าหลี่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่วางอยู่บนตักแน่น ใจนิ่งขรึมลง แม่ทัพค่ายผิงอันถูกเชิญไปยังคุกศาลต้าหลี่ไม่ใช่เรื่องแปลก หลู่จิ้นต้องการสืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด เขาจำเป็นต้องสอบปากคำคนเหล่านั้นอยู่แล้ว

ทว่า สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือฝูเหล่าไท่จวินจะวิ่งชนกำแพงเพื่อปลิดชีพ

ฝูเหล่าไท่จวินไม่ใช่คนที่เมื่อเผชิญปัญหาแล้วจะรับไม่ไหว อีกทั้งไม่ใช่คนที่จะใช้ชีวิตของตัวเองบีบบังคับฝูรั่วซี เช่นนั้นฝูเหล่าไท่จวินคงกำลังใช้ชีวิตของตัวเองปกป้องคนทั้งตระกูลฝู

ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้ว่าฝูเหล่าไท่จวินกล่าวสิ่งใดต่อหน้ารัชทายาทและหลู่จิ้นบ้าง

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนสามารถเดาได้ว่าไม่ว่าไม่ว่าฝูเหล่าไท่จวินจะกล่าวสิ่งใดต่อหน้าพวกเขา ฮองเฮาคงไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์อีกแล้ว

ฮองเฮาหลอกใช้ฝูรั่วซี ทำให้ตระกูลฝูเกือบถูกประหารทั้งตระกูล ในเมื่อฝูเหล่าไท่จวินจะตายแล้ว นางย่อมดึงฮองเฮาลงมาด้วยแน่นอน มีเพียงดึงฮองเฮาลงมาเกี่ยวข้อง รัชทายาทจึงจะยอมช่วยเหลือนาง

ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่าด้วยความฉลาดของฝูเหล่าไท่จวิน นางต้องบีบให้รัชทายาทรับปากว่าจะคุ้มครองชีวิตทุกคนในตระกูลฝูต่อหน้าคนทุกคนแล้วแน่ๆ

แม้ตระกูลฝูจะไม่ใช่ตระกูลสูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลมากนักในเมืองหลวง ทว่า พวกเขาคือตระกูลนักรบ คือตระกูลที่จงรักภักดีต่อแคว้นต้าจิ้น ต่อมาเมื่อมีฝูรั่วซี ทุกคนในเมืองหลวงต่างกล่าวว่าตระกูลฝูทำบุญมาดีจึงมีคนที่สร้างเกียรติยศให้ตระกูลฝูเช่นนี้

นึกไม่ถึงเลยว่าฝูรั่วซีจะพ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกจนเกือบทำให้ตระกูลฝูถูกประหารทั้งตระกูลเช่นนี้

ฝูเหล่าไท่จวินยอมแลกชีวิตของตัวเองเพื่อลูกหลานของนาง!

ที่ฝูเหล่าไท่จวินต้องใช้ชีวิตของตัวเองเข้าแลกเพื่อทำให้รัชทายาทบรรลุเป้าหมายเช่นนี้ เป็นเพราะหลังจากที่ฝูเหล่าไท่จวินเข้าพบรัชทายาท นางรู้ทันทีว่ารัชทายาทคือคนประเภทเดียวกันกับฮ่องเต้

คนอย่างพวกเขา ถึงแม้ตระกูลฝูจะจงรักภักดีสักเพียงใด ทว่า หากคนที่จงรักภักดีเหล่านี้ไม่อาจปูทางแห่งความสำเร็จให้เขาได้ เขาไม่มีทางเสียเวลาช่วยเหลือตระกูลฝูแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงต้องสละชีพของตัวเองให้รัชทายาทบรรลุเป้าหมายเพื่อคุ้มครองตระกูลฝูเอาไว้

ไป๋ชิงเหยียนกำผ้าห่มที่คลุมอยู่บนหน้าตักแน่น เมื่อควบคุมสติได้แล้วจึงกล่าวขึ้น

“ข้ารู้แล้ว ปล่อยข่าวนี้ให้ซิ่นอ๋องรับรู้”

องครักษ์ลับรับคำ จากนั้นหายไปจากระเบียงทางเดินภายในชั่วพริบตา

ไป๋ชิงเหยียนมองดูเปลวไฟในตะเกียงใส นึกถึงฝูรั่วซีขึ้นมา ไม่รู้ว่าฝูรั่วซีเห็นมารดาของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ เขายังคิดจะปกป้องฮองเฮาอยู่อีกหรือไม่

นางจงใจให้องครักษ์ลับปล่อยข่าวให้รู้ถึงหูของซิ่นอ๋อง ฮองเฮาต้องนั่งไม่ติดที่แน่นอน บัดนี้รัชทายาทกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว ฮองเฮาและซิ่นอ๋องตกอยู่ในสถานการณ์รอง สิ่งที่ฮองเฮากังวลที่สุดในตอนนี้คือฝูรั่วซีจะสารภาพเรื่องทุกอย่างออกมา ไม่แน่นางอาจส่งคนไปจัดการกับฝูรั่วซีเพื่อยุติเรื่องนี้

ส่วนซิ่นอ๋องก็คงเร่งให้จงเส้าจ้งน้าชายของตัวเองรีบติดต่อกับทหารสังกัดเดิมของเขา

[1] ยามจื่อ ช่วงเวลาระหว่าง 23.00-01.00 นาฬิกา