ตอนที่ 603 สตรีที่น่ายกย่อง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 603 สตรีที่น่ายกย่อง

เช่นนี้น้ำอุ่นในเมืองหลวงถึงจะเดือดระอุขึ้นมา

ไป๋ชิงเหยียนวางตำราลงบนโต๊ะเล็กด้านข้าง ใช้นิ้วนวดขมับของตัวเองอย่างอ่อนล้า

ยามเหม่า[1] แสงสีทองของตะวันแรกแห่งวันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ดวงจันทร์ยังคงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ดวงดาวมากมายยังคงส่องแสงแพรวพราว ทันทีที่ได้ยินเสียงชุนเถาตะโกนว่าคุณหนูใหญ่ตื่นแล้ว แสงไฟในเรือนสว่างขึ้นพร้อมกันทันที

บรรดาสาวใช้ที่ยืนถือกะละมังน้ำ ผ้าขนหนู น้ำร้อน เกลือบ้วนปากรออยู่ตรงระเบียงทางเดินต่างทยอยเดินเข้าไปด้านในเป็นขบวน

สาวใช้แขวนผ้าม่านเก็บไว้ตรงตะขอทองแดงซึ่งอยู่ทั้งสองฝั่ง

ชุนเถาทดสอบความอุ่นของน้ำ สั่งให้สาวใช้รอให้น้ำอุ่นกว่านี้อีกสักนิด จากนั้นเดินเข้าไปเก็บมุ้งไว้ที่หัวเตียงทั้งสองด้าน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้น ชุนเถารีบก้มตัวลงไปสวมรองเท้าให้หญิงสาว

“เมื่อเช้าจวนฝูส่งจดหมายมาบอกว่าฝูเหล่าไท่จวินเสียชีวิตแล้วเจ้าค่ะ” ชุนเถากล่าวเสียงเบา

ไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน รับน้ำจากสาวใช้มากลั้วคอ “ท่านย่าทราบเรื่องนี้แล้วหรือไม่”

“เมื่อครู่ฮูหยินสองไปปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่ที่เรือนฉางโซ่วด้วยตัวเอง คงเรียนให้ท่านทราบแล้วเจ้าค่ะ” ชุนเถารับผ้าขนหนูมาจากสาวใช้ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนใช้มือป้องปากกลั้วคอจึงรีบยื่นผ้าขนหนูให้ “ฮูหยินสองกล่าวว่ามีบางตระกูลทราบข่าวตั้งแต่เมื่อคืน ตระกูลสูงศักดิ์ต่างส่งคนออกไปสอบถามว่ามีตระกูลใดจะไปเคารพศพบ้าง มีหลายตระกูลมาสอบถามที่จวนเราเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าท่านอาสะใภ้สองคงตัดสินใจไม่ได้จึงไปสอบถามความเห็นจากท่านย่า

ไป๋ชิงเหยียนวางมือลงในกะละมังทองแดง ก้มหน้าล้างหน้าจนสะอาด เอ่ยถาม “ฮูหยินบอกคำตอบที่แน่นอนให้ผู้ดูแลจวนรับรู้แล้วหรือไม่”

ชุนเถาหยิบผ้าขนหนูมาจากถาดสี่เหลี่ยมที่สาวใช้คนหนึ่งถืออยู่ ส่งให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นส่ายหน้า “ดูเหมือนจะยังนะเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ไปทานอาหารที่เรือนท่านย่า”

ชุนเถารับคำ จากนั้นหวีผมให้ไป๋ชิงเหยียนที่หน้าโต๊ะประทินโฉม

บัดนี้ฮูหยินสองกำลังปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่ตื่นนอนล้างหน้าอยู่ที่เรือนฉางโซ่ว เมื่อเห็นเจี่ยงหมัวมัวกำลังหวีผมให้องค์หญิงใหญ่ ฮูหยินสองรับเครื่องชามาจากมือของสาวใช้ยื่นส่งให้องค์หญิงใหญ่ “พี่สะใภ้ใหญ่ไม่อยู่ ข้าไม่มีประสบการณ์มาก่อน เดิมทีข้าอยากไปเคารพศพฝูเหล่าไท่จวิน ทว่า ครั้งนี้ฝูรั่วซีชักดาบใส่องค์รัชทายาท ตระกูลฝูกำลังประสบภัย ตอนที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้น ตระกูลฝูก็ไม่ได้มาเคารพศพ ข้ายังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่เล็กน้อยจึงมาขอความเห็นจากท่านแม่เจ้าค่ะ”

ฮูหยินสองเป็นคนตรงไปตรงมา รักแรงเกลียดแรง ตอนนั้นตระกูลฝูไม่ได้มาเคารพศพของตระกูลไป๋ ครั้งนี้นางจึงไม่ค่อยอยากไปร่วมงาน ทว่า เมื่อคิดได้ว่าตระกูลฝูจะไม่ค่อยมีคนไปเคารพศพ ฮูหยินสองนึกถึงเรื่องของตระกูลไป๋แล้วอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้

องค์หญิงใหญ่ซึ่งผมขาวโพลนนั่งอยู่หน้ากระจกไม้หวงฮวาหลี[2] สีทองแดงบานใหญ่ซึ่งแกะสลักด้วยลวดลายดอกไม้โปร่งใส นางก้มหน้าจิบน้ำชา เงยหน้าขึ้นมองหลิวซื่อที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ทางด้านหลังผ่านกระจกทองแดง กล่าวยิ้มๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนมีเมตตา เจ้ารู้สึกโกรธที่พวกเขาไม่มาเคารพศพตอนตระกูลไป๋จัดพิธี ทว่า เมื่อนึกถึงภาพหดหู่ในงานพิธีศพของตระกูลไป๋ เจ้าจึงรู้สึกเห็นใจพวกเขา”

หลิวซื่อพยักหน้า “ท่านแม่กล่าวถูกต้องเจ้าค่ะ”

รอยยิ้มในดวงตาขององค์หญิงใหญ่ชัดมากขึ้น กล่าวกับเจี่ยงหมัวมัว “เจ้าดูสิ ตอนนี้ตระกูลอื่นกำลังสำรวจความเห็นของคนส่วนใหญ่ในเมืองหลวง ลูกสะใภ้ของข้ากำลังคำนึงถึงความรู้สึกของคนในตระกูล”

หลิวซื่อไม่ใช่คนเจ้าแผนการ เมื่อได้ยินองค์หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้จึงเข้าใจว่าการไปร่วมพิธีศพอาจไม่เป็นผลดีต่อตระกูลไป๋ นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นพลางเอ่ยถาม “ท่านแม่ หากไปร่วมงานจะเป็นผลเสียต่อตระกูลไป๋ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป บัดนี้ในสายตาของคนภายนอก อาเป่าถือเป็นคนของจวนองค์รัชทายาท เดี๋ยวเจ้าลองส่งคนไปถามความเห็นของอาเป่าดูว่าหากไปแล้วจะส่งผลกระทบต่อนางหรือไม่” องค์หญิงใหญ่กล่าว

หลิวซื่อถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางพยักหน้าอย่างไม่วางมาด “เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะไปถามอาเป่าเจ้าค่ะ”

สิ้นเสียงของหลิวซื่อ บ่าวรับใช้ด้านนอกรายงานว่าไป๋ชิงเหยียนมา

เจี่ยงหมัวมัวทำผมให้องค์หญิงใหญ่เสร็จแล้ว นางวางหวีหยกลงยิ้มๆ กล่าวขึ้น “กล่าวถึงคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ก็มาพอดีเลยเจ้าค่ะ”

“อาเป่ามาเช้าขนาดนี้คงยังไม่ได้ทานอาหาร ให้คนจัดอาหารด้วย” องค์หญิงใหญ่จับมือของเจี่ยงหมัวมัวลุกขึ้นยืน

“เจ้าค่ะ ข้าจะไปสั่งให้คนเตรียมเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” หลิวซื่อเดินยิ้มออกมาจากห้อง

ตอนที่หลิวซื่อแหวกม่านเดินออกมา ไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นบันไดมาพอดี หญิงสาวทำความเคารพหลิวซื่อ “ท่านอาสะใภ้รอง”

“ท่านย่าของเจ้าตื่นแล้ว!” หลิวซื่อสั่งให้ชิงซูที่ยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินไปเตรียมอาหารเช้า ส่วนตนเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้น “อาเป่า พวกเราควรไปเคารพศพของฝูเหล่าไท่จวินที่จวนฝูหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้า เงยหน้ามองไปทางหลิวซื่อแล้วกล่าวขึ้น “อาเป่าคิดว่าท่านอาสะใภ้รองไม่จำเป็นต้องฝังใจเรื่องที่ตอนนั้นตระกูลฝูไม่ได้มาเคารพศพตระกูลไป๋เหมือนกับตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลอื่นๆ หรอกเจ้าค่ะ ตระกูลไป๋เป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยในสายตาของชาวบ้าน ตระกูลไป๋ยอมเป็นคนที่ถูกผู้อื่นรังแก ทว่า ไม่มีทางรังแกผู้อื่นเจ้าค่ะ!”

ตอนที่ตระกูลไป๋ยังไม่ได้ย้ายกลับไปอยู่ซั่วหยาง ไป๋ชิงเหยียนต้องการผลักดันให้ตระกูลไป๋ขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดจึงเคยลั่นวาจาไว้เช่นนั้น ดังนั้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตระกูลไป๋ก็สมควรไปเคารพศพ

หลิวซื่อพยักหน้า “ได้ เดี๋ยวข้าจะไปด้วยตัวเอง”

“ข้าจะไปกับท่านอาสะใภ้รองด้วยเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงเดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปด้านในพร้อมกับหลิวซื่อ จากนั้นทำความเคารพองค์หญิงใหญ่

องค์หญิงใหญ่มองดูไป๋ชิงเหยียนที่หน้าตาสดชื่นขึ้นไม่น้อยหลังจากได้นอนพักผ่อนเมื่อคืน เอ่ยถาม “เจ้าเหนื่อยจากการคุ้มครององค์รัชทายาทกลับมาเมืองหลวงอยู่หลายวัน เหตุใดไม่นอนพักอีกสักหน่อย”

“หลังจากมาคารวะยามเช้าท่านย่าเสร็จ ข้าอยากไปเคารพศพของฝูเหล่าไท่จวินเจ้าค่ะ ฝูเหล่าไท่จวินเป็นสตรีที่น่ายกย่อง อาเป่านับถือนางจากใจจริงเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

เมื่อองค์หญิงใหญ่ได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน ริมฝีปากของนางขยับเล็กน้อย

เมื่อวานฝูเหล่าไท่จวินไปพบองค์รัชทายาทต่อหลังจากมาพบไป๋ชิงเหยียนที่จวน ต่อมาก็ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของฝูเหล่าไท่จวินแพร่ออกมาจากคุกของศาลต้าหลี่ องค์หญิงใหญ่จะเดาไม่ออกได้อย่างไรว่าฝูเหล่าไท่จวินอาจทำข้อตกลงบางอย่างกับองค์รัชทายาทเพื่อปกป้องตระกูลฝูให้ปลอดภัย

วันนี้ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่จึงมั่นใจในความคิดของตัวเองมากยิ่งขึ้น

ฝูเหล่าไท่จวินสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องคนในตระกูลฝู

ส่วนนางทำได้เพียงมองดูบุตรชายและหลานชายของตัวเองเสียชีวิตลงที่หนานเจียงเฉยๆ

ดวงตาขององค์หญิงใหญ่แดงก่ำขึ้นทันที ร่างทั้งร่างดูเศร้าสร้อย นางกวาดสายตามองไปทางไป๋ชิงเหยียน ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าหลานสาวของนางยังคงตำหนินางอยู่หรือไม่

ทว่า เมื่อเห็นดวงตาสดใสของหลานสาว องค์หญิงใหญ่จึงรู้ว่าตนคิดมากไปเอง

คงเป็นเพราะรู้สึกผิด องค์หญิงใหญ่จึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมา นางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ พยักหน้าเล็กน้อย “ขอแค่ไม่ทำให้องค์รัชทายาททรงเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเจ้า ทานอาหารเช้าเสร็จ เจ้าก็ไปกับท่านอาสะใภ้สองของเจ้าได้”

ไม่นานไป๋จิ่นเซ่อและหลูหนิงฮว่าก็มาคารวะยามเช้าที่เรือนฉางโซ่ว อาหารเช้าถูกจัดเตรียมพร้อมบนโต๊ะกลมบริเวณด้านนอก

[1] ยามเหม่า เวลาระหว่าง 05.00-07.00 นาฬิกา

[2] ไม้หวงฮวาหลี หรือไม้พะยูงหอม คือไม้ในเขตร้อนซึ่งพบทางตอนใต้ของจีนและเวียดนาม เป็นไม้ที่มีขนาดเล็กถึงกลาง เปลือกสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอ่อน