บทที่ 493 เจียวเจียวผู้บ้าเรียน

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 493 เจียวเจียวผู้บ้าเรียน

ความหมายของคำว่าแก้อักเสบนั้นถังเย่ว์ซานพอจะเข้าใจอยู่บ้าง แม่ทัพนายกองส่วนใหญ่พอได้รับบาดเจ็บก็จะเกิดการอักเสบขึ้น นั่นเป็นอาการที่บรรดาขุนนางแพทย์ในค่ายทหารไม่อยากเห็นที่สุด

ว่าแต่ เหตุใดยาลูกกลอนของเด็กคนนี้จึงไม่เหมือนกับของเหล่าขุนนางแพทย์เล่า

และไม่มีกลิ่นยาสมุนไพรจีนฉุนกึกนั่นด้วย

ถังเย่ว์ซานถามอย่างฉงน “เจ้าคงไม่ได้ให้ยาพิษข้าอีกเม็ดหรอกกระมัง”

กู้เจียวส่งสายตาบอกเขาไปว่าลองเอาเอง ข้าเหมือนคนที่ใจกว้างเพียงนั้นเชียวรึ

สุดท้ายถังเย่ว์ซานก็กลืนยาไปพร้อมกับน้ำ

เขายังไม่เคยกินยาแคปซูลมาก่อน ไม่รู้ว่าไอ้สิ่งนี้มันจะติดคอได้ จะออกก็ออกไม่ได้ จะกลืนลงไปก็กลืนไม่ลงอีก คาอยู่ตรงนั้น ทำเอาเขาแทบจะคลั่งตาย!

กู้เจียวเอ่ยกับถังเย่ว์ซาน “ข้ามาเฝ้า เจ้าไปนอนเถิด”

ถังเย่ว์ซานเอ่ย “ข้าเฝ้าก็ได้”

มีอย่างที่ไหนให้เด็กสาวมาเฝ้ายามกลางค่ำกลางคืน

หลายวันที่พักอยู่ในห้องไม้เล็กๆ นั่น กู้เฉิงเฟิงกับถังเย่ว์ซานผลัดกันเฝ้าเวรกลางคืนมาโดยตลอด ยามนี้ย้ายมาอยู่ในถ้ำแล้ว ถังเย่ว์ซานจึงจำต้องยอมรับข้อตกลงนี้ไปโดยปริยายตามเคย

ตอนที่ถังเย่ว์ซานอยู่ที่ห้องไม้บาดเจ็บไม่มาก กู้เจียวไม่ได้ถือสา แต่ยามนี้ขาซ้ายเขาถูกแทงทะลุเสียแล้ว กู้เจียวจึงตัดสินใจให้เขาพักผ่อนอย่างเต็มที่

ประเด็นคือกำลังการต่อสู้ของคนคนนี้ไม่เลว หายได้เร็วก็จะต้านศัตรูได้ไวขึ้น

กู้เจียวถือทวนพู่แดงยืนอยู่หน้าปากถ้ำ ไม่มีทีท่าจะกลับไปในถ้ำ

ถังเย่ว์ซานขมวดคิ้วมุ่น

รู้จักกับกู้เจียวหลายวัน เขาไม่มีทางที่จะไม่รู้จักนิสัยใจคอของกู้เจียวแม้แต่น้อยอยู่แล้ว นางไม่เหมือนกู้เฉิงเฟิงที่ขี้เอะอะโวยวาย วันๆ เอาแต่โมโหโกรธาถลึงตาใส่ ความดื้อรั้นของนางฝังลึกอยู่ในกระดูก สิ่งที่นางตัดสินใจแล้วก็ไม่มีใครสามารถมาเปลี่ยนแปลงได้

ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่นี่หรือไม่ นางก็จะเฝ้าต่อ

เช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องมาเปลืองแรงอยู่ที่นี่ต่อจริงๆ นั่นแหละ

เพียงแต่ถังเย่ว์ซานถูกยาแก้อักเสบคาคออยู่ จึงหลับไม่ลงตอนนี้เดี๋ยวนี้

สายตาถังเย่ว์ซานตกอยู่บนทวนยาวของกู้เจียว พู่แดงไม่มีแถบผ้าแล้ว เขาเปลืองแรงมหาศาลถึงได้นึกออกว่านี่เป็นอาวุธเทพแคว้นเยียนที่เซวียนผิงโหวพากลับมาจากแคว้นเฉินท่ามกลางดอกไม้แดงกองโต

มันเคยเป็นอาวุธของนายพลเทพแคว้นเยียนอย่างเซวียนหยวนลี่ ต่อมามอบให้แคว้นเฉิน ทหารแคว้นเฉินพ่ายแพ้ จึงมอบให้แก่เซวียนผิงโหว

เซวียนผิงโหวไม่ได้เอามันไว้ในค่ายทหารหรอกหรือ เหตุใดจึงมาอยู่ในมือเด็กสาวนางนี้ได้

เซวียนผิงโหวเป็นคนมอบให้นางรึ

หรือจะเป็นกู้เฉา

หากเป็นกู้เฉา การกระทำนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ

จากที่ถังเย่ว์ซานรู้จักกู้เฉามา เขาไม่มีทางมอบอาวุธร้ายกาจเช่นนี้ให้เด็กสาวคนหนึ่งได้ ต่อให้เด็กสาวคนนี้จะเป็นหลานสาวสายตรงของเขาก็ตาม

ดังนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เกิดข้อผิดพลาดที่ตรงไหนกัน

“ใครให้ทวนพู่แดงแก่เจ้ารึ” ถังเย่ว์ซานเอ่ยถามมันเสียเลย

“พี่น้องข้า” กู้เจียวบอกตามตรง

พี่น้องที่ร่วมสาบานกัน พี่น้องร่วมสาบานแท้ๆ

ถังเย่ว์ซานกลับเข้าใจว่าเป็นพี่น้องแท้ๆ หรือว่ากู้เฉาจะมอบมันให้หนึ่งในหลานชายสักคน แล้วหลานชายคนนั้นก็มอบมันให้กู้เจียว

กู้ฉังชิงอย่างนั้นรึ

ถังเย่ว์ซานพึมพำอยู่ในใจ

เพียงไม่นานเขาก็รู้สึกว่าความคิดนี้มันแปลกๆ เหตุใดเขาต้องไปสนใจที่มาที่ไปของอาวุธของเด็กสาวคนหนึ่งด้วย กู้เฉาจะมอบให้หรือกู้ฉังชิงเป็นคนมอบให้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขานี่นา!

ถังเย่ว์ซานตัดสินใจไม่คุยกับนางแล้ว

เขาก้มลงเช็ดธนูใหญ่ในอ้อมอกตัวเอง นี่เป็นธนูตระกูลถังที่สืบทอดต่อจากบรรพบุรุษ มันอยู่ในประเภทธนูที่มีคันธนูปีกโค้งกลับ มือธนูตระกูลถังต่างต้องสามารถง้างสายได้สามตั้น[1] ส่วนธนูของเขาเป็นธนูที่หนักห้าตั้น

ต้องมีกำลังแขนที่สูงมาก และลูกธนูที่ยิงออกไปก็อันตรายถึงชีวิตมากเช่นกัน น้อยนักที่จะมีคนสามารถรอดชีวิตจากธนูของเขาได้ เว้นเสียแต่ว่าจะยิงพลาดเป้า

เมื่อครู่หากราชบุตรเขยใช้ธนูตระกูลถังยิงเขา เขาไม่ต้องรอให้กู้เจียวรักษาแผลให้หรอก เกรงว่าขาข้างนี้คงต้องตัดทิ้งไปเลย

เขาทะนุถนอมธนูของตัวเองมาโดยตลอด แม้แต่ถังหมิงแตะนิดแตะหน่อยเขายังไม่ค่อยอยากให้จับ

เขาก้มหน้าก้มตาเช็ดอยู่นาน พอเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ตั้งใจ พบว่ากู้เจียวก็นั่งเช็ดธนูอยู่เช่นกัน

เด็กสาวนางนี้เอาธนูมาจากไหนอีก!

“บนอานม้าน่ะ” กู้เจียวบอก

“ธนูของราชบุตรเขยรึ” ถังเย่ว์ซานถามไปโดยสัญชาตญาณ

“อ๋อ น่าจะใช่กระมัง” อย่างไรเสียม้าก็เป็นของเขานี่นา สิ่งของบนหลังม้าก็น่าจะเป็นของเขาทั้งหมดด้วย

กู้เจียวตั้งอกตั้งใจเช็ดธนูด้วยวิธีเดียวกันกับถังเย่ว์ซานทุกประการ

ถังเย่ว์ซานมุมปากกระตุกยิกๆ เด็กคนนี้เช็ดธนูตามข้า!

กู้เจียวเห็นแววตาที่ถังเย่ว์ซานมองตัวเอง ก็กลอกกลิ้งดวงตาไปมา ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่ได้ทำตามนะ”

ถังเย่ว์ซานเช็ดธนูเสร็จก็ไปเช็ดสายต่อ เช็ดสายเสร็จ ก็ใช้ผ้าปัดๆ สายธนู

กู้เจียวยังคงลอกเลียนแบบ นางปัดๆ สายด้วย

ถังเย่ว์ซาน “…”

กู้เจียวอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ จึงเริ่มง้างธนู

ถังเย่ว์ซานเป็นคนถนัดซ้าย เขาจึงใช้มือขวาถือคันธนู มือซ้ายง้างสาย

ถังเย่ว์ซานมั่นใจยิ่งว่ากู้เจียวถือตะเกียบถือทวนล้วนใช้มือขวา ทว่ายามนี้นางก็ใช้มือซ้ายง้างสายเช่นกัน ถังเย่ว์ซานมุมปากกระตุกยิกๆ

ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ได้ทำตามอีก!

ไม่ว่าจะทำตามหรือไม่ ข้าก็ไม่สอนอยู่ดี

ถังเย่ว์ซานกอดธนูตัวเองพิงผนังปากถ้ำ ปิดเปลือกตาลงพักผ่อน รอคอยยาแก้อักเสบไหลจากคอลงไปเงียบๆ

กู้เจียวไม่ได้ยิงธนู แค่ฝึกการง้างสายเฉยๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมาก จึงไม่ปลุกใครตื่นแม้แต่กู้เฉิงเฟิงเองก็ตาม

ทว่าถังเย่ว์ซานเกิดจากตระกูลมือธนู เขาไวต่อเสียงสายธนูมาก แค่ฟังดูเขาก็รู้แล้วว่ากู้เจียวง้างผิด ใช้แรงผิด และท่าทางก็ผิดด้วย

เขากอดธนูในอกพลิกตัวไปทางซ้าย ไม่สนใจกู้เจียว

กู้เจียวฝึกฝนต่อ

ถังเย่ว์ซานกอดธนูใหญ่ในอกพลิกมาทางขวา

สวรรค์คงทราบว่าถังเย่ว์ซานพลิกกลับไปกลับมากี่ครั้ง เสียงกู้เจียวง้างสายผิดทำเอาเขาแทบบ้า เหมือนกับอาจารย์กำลังสอนลูกศิษย์ว่า ‘เลี้ยงดูสั่งสอนลูกไม่ดีเป็นความผิดบิดา’ แต่มีศิษย์โง่กำลังท่องอย่างเอาเป็นเอาตายว่า ‘รู้เลี้ยงแต่ไม่อบรมเป็นความผิดของพ่อ’

อาจารย์ทนไม่ไหวแล้ว!

ถังเย่ว์ซานก็ทนไม่ไหวเช่นกัน!

“เจ้า!” ถังเย่ว์ซานลุกนั่งตัวตรง ลืมตามองกู้เจียวอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่ได้ง้างแบบนั้น!”

เอ่ยจบเขาก็มานึกเสียใจ เกิดเด็กคนนี้ถามเขาขึ้นมาว่า อ๋อ แล้วมันง้างอย่างไรเล่า เขาจะบอกนางดีหรือไม่

ไม่บอกนางหรอก!

ไม่บอกนางเด็ดขาด!

เด็กสาวหน้าเหม็นทำร้ายถังหมิงก่อน นางวางยาเขานะ หากเขาสอนนางก็เท่ากับว่าเขาเป็นลาหน้าโง่น่ะสิ!

“ข้าจะง้างแบบนี้” กู้เจียวเลิกคิ้วเอ่ย

ถังเย่ว์ซาน “…”

กู้เจียวง้างสายต่อไม่หยุด!

กู้เจียวง้างอยู่นานเท่าใด ถังเย่ว์ซานก็แตกสลายก็มากเท่านั้น

ในที่สุด ถังเย่ว์ซานก็แตกสลายจนไม่รู้จะแตกสลายเท่าใดแล้ว หากทนต่อไป หัวเขาจะล้านหมดหัวแล้ว!

เขาลุกพรวดขึ้น เดินไปหากู้เจียว ก่อนดึงธนูจากมือนางมา สาทิตให้นางดูรอบหนึ่ง “ง้างแบบนี้! มือกำไว้ตรงนี้ อย่าให้สายไปด้านนอกเกิน ต้องเอาแนบหน้าตัวเองไว้! อย่าแนบเกินไปสิ! แบบนี้!”

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของแผ่นดินเป็นลาหน้าโง่ครั้งแรกในชีวิต

เมื่อเขารู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เทียบกับทนฟังกู้เจียวง้างสายธนูผิดแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นลาหน้าโง่ก็ไม่ได้ยากอะไร

กู้เจียวเข้ามือไวมาก ถังเย่ว์ซานแค่ชี้แนะสองสามหนเท่านั้น นางก็เข้าใจพื้นฐานแล้ว

ถังเย่ว์ซานมองกระบอกลูกธนูบนอานม้า “ลองใช้ลูกธนูดู”

กู้เจียวไปหยิบลูกธนูมาดอกหนึ่ง ขึ้นคันชัก ง้างสาย เล็งไปที่ต้นไม้ใหญ่หน้าปากถ้ำ ก่อนจะยิงออกไป!

ลูกธนูพุ่งเข้าทางด้านซ้ายของต้นไม้ ซึ่งยังอยู่ห่างจากกลางเป้าระยะหนึ่ง แต่เพิ่งจะเรียนแค่คืนแรก ได้ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทำให้ถังเย่ว์ซานทึ่งไม่น้อยแล้ว

เพราะตอนที่ถังหมิงเรียนธนูครั้งแรก แค่ท่าง้างสายยังเรียนตั้งหนึ่งเดือน

แน่นอนว่าบางส่วนเป็นเพราะถังหมิงยังเด็กเกินไป ความแข็งแกร่งและความเข้าใจของเขาไม่ดีเท่าผู้ใหญ่

แต่สอนเด็กสาวคนนี้ตลอดทั้งคืนแล้วได้ผลลัพธ์เช่นนี้ ถังเย่ว์ซานจึงเกิดความรู้สึกภาคภูมิอยู่ดี

ถังเย่ว์ซานกระแอมในลำคอพลางเอ่ย “พอใช้ได้ อย่างน้อยก็ยิงโดน”

เป็นเพราะว่าเขาสอนดีทั้งนั้น มือธนูอันดับหนึ่งในแผ่นดิน สอนหมูตัวหนึ่งก็สอนได้!

กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ ยกมือขวาขึ้นชี้ แล้วเอ่ย “ข้าเล็งต้นไม้ข้างๆ นั่นต่างหาก”

ถังเย่ว์ซาน “…”

ณ เมืองหลิงกวน จิ้งจอกเงินพาพวกคนรับใช้กลุ่มสุดท้ายกลับมาถึงจวนผู้ว่าแล้ว

“ใต้เท้า!”

ทหารยามพากันคำนับให้เขา จิ้งจอกเงินสีหน้าไร้อารมณ์ใด ฝีเท้าเร่งร้อนเข้าไปในจวน

เขาไม่ไปไหนทั้งนั้น ตรงกลับไปที่เรือนแยกของตัวเองเลย

“พวกเจ้าออกไปให้หมด” เขาสั่งคนรับใช้ในห้อง

“ขอรับ” พวกคนรับใช้พากันออกไป

“ออกมาเถิด” จิ้งจอกเงินบอก

เงาชุดดำร่างหนึ่งทะยานลงมาจากหลังคา ก่อนประสานมือให้จิ้งจอกเงิน “นายท่าน”

จิ้งจอกเงินกุมท้อง สีหน้าพลันเปลี่ยนพลางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้

ชายชุดดำสีหน้าพลันเปลี่ยน “นายท่าน!”

จิ้งจอกเงินยกมือขึ้น บ่งบอกว่าอย่าตกใจไป “ข้าไม่เป็นไร…แค่บาดเจ็บนิดหน่อย…”

ทวนพู่แดงของไอ้หนูนั่นไม่ได้แทงเข็มขัดเขาขาดเท่านั้น ยังฟันเอวเขาเป็นแผลด้วย

เขาอดทนมาตลอดทั้งทาง เพราะศัตรูตัวฉกาจอยู่ตรงหน้า การกระทำของเขาส่งผลต่อขวัญกำลังใจของทหาร

“ผู้ใดมันทำร้ายนายท่าน”

นายท่านมีฝีมือการต่อสู้สูงมาก ชายชุดดำคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าใครจะสามารถทำร้ายเขาได้

จิ้งจอกเงินคล้ายคิดบางอย่างพลางเอ่ย “นักฆ่าในคืนนั้น”

ชายชุดดำขมวดคิ้ว “ชายหนุ่มสองคนนั้นที่ช่วยท่านเหล่าโหวน่ะรึ”

“คนที่ตัวเล็กกว่า” จิ้งจอกเงินทวนความจำพลางบอก “ไอ้หนูคนนี้แปลกประหลาดยิ่ง ในมือเขามีดินระเบิดสีดำของแคว้นเยียนและอาวุธของแคว้นเยียนด้วย”

ชายชุดดำถาม “หรือว่า…แคว้นเจาจะไปพึ่งแคว้นเยี่ยน”

จิ้งจอกเงินหรี่ตาลง “หากแคว้นเยี่ยนเป็นที่พึ่งให้พวกเขาจริง คงได้ยกทัพมาปราบปรามพวกเราตั้งนานแล้ว เจ้าคิดว่ากองทัพนับล้านที่แข็งแกร่งของแคว้นเยียนกำลังเล่นขายของอยู่หรือไร”

[1] ตั้น ประมาณ 180 ลิตร