บทที่ 651 ช่องโหว่

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 651 ช่องโหว่

บทที่ 651 ช่องโหว่

ฉู่จงเทียนแสดงสีหน้าไม่สนใจ เขายืนอยู่บนแท่นยกสูงและประกาศเสียงดัง “บุตรเขยของตระกูลฉู่เรา ไม่ได้รักลูกสาวของเราหลังจากแต่งงานกับนาง แต่เขาเล่นชู้กับผู้หญิงข้างนอกตลอดเวลา มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงจากหอคณิกาและต้องการรับหญิงคณิกาจากหอสุขนิรันดร์เป็นอนุภรรยา ซึ่งทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในตระกูล เขาละเลยหน้าที่สามีโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ คุณธรรมและความประพฤติของเขาอีกหลายอย่างยังเป็นที่น่าสงสัย ด้วยเหตุนี้หลังจากที่หารือกันแล้ว เราได้ร่างหนังสือเพิกถอนการแต่งงานให้กับลูกสาวของเรา ต่อจากนี้เขาไม่ใช่สมาชิกของตระกูลฉู่อีกต่อไป ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตระกูลฉู่ของเราอย่างสิ้นเชิง!”

ความโกลาหลครั้งใหญ่เกิดขึ้นทันทีหลังจากการประกาศของฉู่จงเทียน ผู้คนทั่วไปสนใจความสัมพันธ์ของซูอันกับคณิกาอันดับหนึ่งของหอสุขนิรันดร์มากขึ้น

มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชิวฮัวเล่ยและซูอันในหอสุขนิรันดร์ แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าความสัมพันธ์นั้นจะไปไกลถึงขนาดมีการหารือเรื่องการแต่งงาน และน่าแปลกใจยิ่งกว่าเดิมที่ชิวฮัวเล่ยเป็นฝ่ายริเริ่ม

ชิ! เจ้าคนนี้มันโลภเกินไปจริง ๆ! ทั้ง ๆ ที่มีเทพธิดาแห่งตระกูลฉู่อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่พอใจ! ยังคิดจะแต่งชิวฮัวเล่ยเป็นอนุภรรยาอีกคน!

ทุกคนเคยอารมณ์เสียในเรื่องฉู่ชูเหยียนแต่งงานกับหมาข้างถนนมาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เริ่มจะชาชิน อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินว่าเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันปรากฏขึ้นอีก พวกเขาจึงเริ่มมึนงงและสงสัยว่าซูอันมีอะไรวิเศษนักหนา ถึงทำให้สาวงามที่โดดเด่นจำนวนมากตกหลุมรักได้เช่นนี้?

เปลือกตาของอ๋องเหลียงกระตุกไม่หยุด สิ่งสุดท้ายที่เขาหวังไว้ก็คือการได้ยินผู้หญิงที่เขาเฝ้ารออยากเป็นอนุภรรยาของซูอัน!

มันกล้าขโมยนางไปจากข้า บ้าที่สุด!

ท่านยั่วยุอ๋องเหลียงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!

ซูอันขมวดคิ้วเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามา เขาไปยั่วยุตาแก่คนนี้อีกรอบได้อย่างไร?

เขาหยุดคิดเรื่องนี้และจ้องไปที่ฉู่จงเทียนด้วยความงุนงง

เขาไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะถูกขับออกจากตระกูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เสี่ยงที่จะมาที่นี่ หากเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างไปจากเดิมเขาอาจจะล้อเล่นและคร่ำครวญว่าเขาทำเพื่อตระกูลฉู่ไปมากมายแค่ไหนและเท่าไหร่ แต่ขณะนี้เขาไม่สามารถทำให้ตัวเองมีอารมณ์สนุกสนานได้เลย

จากช่วงเวลาที่ตัวเองข้ามมายังโลกนี้เขาก็อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฉู่มาตลอด แม้ว่าจะมีคนจำนวนมากที่ปฏิบัติต่อเขาค่อนข้างแย่ แต่ก็ยังมีชูเหยียนและฮวนเจาที่ปฏิบัติต่อเขาดีเสมอ ฉู่จงเทียนและฮูหยินฉู่ก็ปฏิบัติต่อเขาค่อนข้างดีเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไป เขาจึงค่อย ๆ คิดว่าตระกูลฉู่เป็นเสมือนบ้านที่แท้จริงของเขา

เขากลับมาครั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตระกูลฉู่ เขาจะคาดหมายว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

ทันใดนั้น เสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นข้างหูของเขา “อาซูอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม พวกเขากำลังพยายามหลอกล่อให้เจ้าออกมา”

ซูอันตกตะลึง เขาพยายามติดตามแหล่งที่มาของเสียงและสังเกตเห็นฉินหว่านหรูกำลังมองมาทางเขา

เขาตะลึง แต่รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น หน้ากากนี้เป็นแบบเดียวกับที่เขาสวมครั้งสุดท้ายต่อหน้าฉินหว่านหรูไม่น่าแปลกใจที่นางจะจำเขาได้!

เขารู้สึกอบอุ่นขึ้น นี่คงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง

อ๋องเหลียงโกรธมาก “น่าขันที่สุด! พวกเจ้าจะเอาอย่างนี้ใช่ไหม? พวกเจ้าคิดว่าเราโง่มากนักหรือไง!?”

ฉู่จงเทียนกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องเหลียง ถ้าข้าจำไม่ผิด พระราชโองการขององค์จักรพรรดิระบุว่าเราต้องมอบตัวซูอันบุตรเขยของเราออกไป แต่ไม่ได้ระบุว่าเราจะต้องมอบตัวบุคคลที่ชื่อซูอันให้กับท่าน! เนื่องจากซูอันไม่ใช่ลูกเขยของเราแล้วในตอนนี้ เราจึงไม่ควรถูกผูกมัดโดยพระราชโองการอีกต่อไป!”

ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดสุดท้ายนี้ แม้แต่เซี่ยอี้ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองฉู่จงเทียนอย่างงุนงง ชายคนนี้ยังคงเป็นคนหัวรั้นที่ซื่อสัตย์อย่างน่าหมั่นไส้ที่เขารู้จักมาโดยตลอดหรือไม่?

ฉู่จงเทียนกล่าวต่อ “ด้วยความเคารพ ข้าต้องรบกวนท่านให้ช่วยเราหาชายคนนั้น เขาเป็นคนที่ไม่พึงปรารถนาสำหรับตระกูลฉู่ของเราด้วย เราไม่ได้ทำอะไรเลยแถมยังปฏิบัติต่อเขาอย่างดี แต่เขาไม่เพียงหลอกลูกสาวคนโตของเรา เขายังพยายามจะลวงน้องภรรยาของตนเองอีกต่างหาก ฮวนเจานั้นยังเด็กมาก เขามันช่างไร้ยางอายโดยสมบูรณ์”

ยิ่งฟังซูอันยิ่งรู้สึกอับอายจนอยากจะเอาหัวมุดดิน

ซูอันเสียใจมาก เขารู้ว่าฉู่จงเทียนกำลังพูดเรื่องนี้เพื่อเสริมน้ำหนักแก่ข้อโต้แย้ง แต่นี่ฟังดูเกินเลยไปมาก!

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้ซูอันเข้าใจได้อย่างหนึ่ง พ่อตาของเขาคงสังเกตเห็นมาตลอดว่าเขาสนิทกับฮวนเจามาก แต่แค่เลือกที่จะไม่พูดมันออกมาก็เท่านั้นเอง

ฝูงชนแลกเปลี่ยนความเห็นกันเซ็งแซ่ ‘เรื่องราวคาวโลกีย์’ ของซูอันเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วทั้งเมือง แต่หลังจากการตกตะลึงครั้งแรก ทุกคนก็ค่อย ๆ ชินชากับข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม ละครเรื่องใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสองพี่น้องก็ทำให้พวกเขาทั้งหมดฮือฮาขึ้นอีกครั้ง ซูอันได้บรรลุถึงจินตนาการที่ผู้ชายนับไม่ถ้วนฝันถึงได้!

“พวกเจ้าเคยเห็นคุณหนูรองตระกูลฉู่มาก่อนบ้างหรือเปล่า? ข้าเคยเห็นอยู่ครั้งหนึ่งนางช่างมีเสน่ห์จริง ๆ ใครจะไปรู้ ถ้านางโตขึ้นอาจจะสวยกว่าพี่สาวของนางก็เป็นได้!”

“ไอ้กะล่อนซูอันมันรวบคุณหนูทั้งสองไว้คนเดียว โชคของมันกับผู้หญิงตระกูลฉู่มันบ้าเกินไป!”

“นี่ยังไม่หมดนะ ข้าได้ยินมาว่าเขามีอะไรกับฮูหยินฉู่ด้วย นี่อาจเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมอ๋องฉู่ถึงตัดสินใจตัดหางปล่อยวัดมัน!”

ฝูงชนนินทากันราวกับไฟลามทุ่ง ส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

เปลือกตาของฉู่จงเทียนกระตุก แน่นอนว่าเขาได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูด เขาไม่คิดว่าการกระทำของเขาจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้!

อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่เขาจะอธิบายความจริงกับคนอื่นได้ แม้ว่าควรจะยืนกรานว่าซูอันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับภรรยาของเขา ว่าแต่ใครจะไปเชื่อล่ะ? คนอื่นคงจะถือว่าเป็นการแก้ตัว ซึ่งจะทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก!

เขารู้สึกผิดอย่างมาก…

ใบหน้าของฉินหว่านหรูก็แดงเช่นกัน นางไม่ได้คาดหวังปฏิกิริยาดังกล่าวจากฝูงชน นางมองซูอันอย่างไม่มีความสุข

ในทางกลับกัน ซูอันเผยยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความสุขจากคะแนนความโกรธแค้นทั้งหมดที่เขาได้รับจากฝูงชนที่อิจฉาริษยา

ขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา!

อ๋องเหลียงและหลิวเหย่ารีบให้ทูตยุทธ์เสื้อแพรนำพระราชโองการออกมาอีกครั้ง ซึ่งในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่าเนื้อหาในพระราชโองการเป็นไปตามที่ตระกูลฉู่กล่าวอ้าง มีคำว่า ‘บุตรเขยซูอัน’ ทั้งสองมองไปที่ผู้นำของทูตยุทธ์เสื้อแพรด้วยความรำคาญใจ

ผู้นำทูตยุทธ์เสื้อแพรรู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง เขาเป็นคนที่กำหนดพระราชโองการของจักรพรรดิ เขาไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะทำพลาดปล่อยให้มีช่องโหว่ให้ตระกูลฉู่หลุดพ้นไปได้

ในที่สุดก็เป็นอ๋องเหลียง จิ้งจอกเฒ่าแห่งราชสำนักที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาวิพากษ์วิจารณ์ฉู่จงเทียนอย่างเดือดดาลทันที “เจ้ากล้าตุกติกเล่นคำกับพระราชโองการอย่างนั้นเหรอ? เจ้ากำลังทำให้จักรพรรดิแห่งต้าโจวดูโง่เขลา! คนโฉดชั่วอย่างเจ้าจะต้องถูกลงโทษ!”

“อ๋องเหลียง ข้าไม่อาจเห็นด้วยกับข้อกล่าวหาเช่นนี้” ฉู่จงเทียนตอบอย่างเหน็บแนม “เราตอบสนองอย่างซื่อสัตย์ที่สุดต่อทุกคำในพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ เรื่องนี้จะถือว่าเราหมิ่นเบื้องสูงได้อย่างไร?”